'พี่เต้’ขุดตัวเลขประจานกลางสภาฯ อ้างยุค'บิ๊กตู่'เจ๋งกว่าอยู่มา 6 ปีก่อหนี้สาธารณะน้อยกว่าสมัย"อภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์" พร้อมติง รัฐบาลซื้อหุ้นกู้เสี่ยงหนี้เสีย แนะแก้กฎเกณฑ์ ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ป้องซ้ำรอย ‘ปรส.’
วันที่ 30 พฤษภาคม 2563 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายพระราชกำหนด 3 ฉบับเกี่ยวกับการแก้ไขและเยียวยาสถานการณ์โควิด-19 ว่า ประเทศไทยควบคุมสถานการณ์ได้ดีระดับต้นๆของโลกแต่จะต้องแลกมาด้วยเสรีภาพและผลกระทบทางธุรกิจเศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างมหาศาลปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 4 เดือน ทำให้รายได้ลดไป 1.1 ล้านล้านบาท จึงทำให้ต้องเสนอพระราชกำหนด 3 ฉบับ วงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท
นายมงคลกิตติ์ กล่าวถึงการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศ โดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์บริหารรัฐบาล 2 ปี 8 เดือน มีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 809,048 ล้านบาท เฉลี่ยหนี้เพิ่ม 303,393 ล้านบาทต่อปี เป็นหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.32 ต่อ GDP , รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศ 2 ปี 10 เดือน หนี้สาธารณะเพิ่ม 1.252 ล้านล้านบาท เฉลี่ยหนี้เพิ่ม 442,101 ล้านบาทต่อปี เป็นหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.42 ต่อ GDP , ส่วนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศ 6 ปี หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 1.48 6 ล้านล้านบาท เฉลี่ยหนี้เพิ่ม 247,686 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น เป็นหนี้สาธารณะลดลงร้อยละ 0.81 %ต่อ GDP เท่านั้น บริหารหนี้ได้น้อยกว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ 1.78 %เท่า และน้อยกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ 1.22 %เท่า
“ส่วนการประมาณการเศรษฐกิจประเทศไทย ปี 2563 ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์เศรษฐกิจจะติดลบร้อยละ 5.3 ของ GDP , ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์ติดลบร้อยละ 6.7 , กลุ่มธนาคารเกียรตินาคินภัทร คาดการติดลบร้อยละ 6.8 โดยสรุปจะมีเงินหายไปจากระบบประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท”นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ อภิปรายต่อถึง พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศว่า การตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ ซื้อหุ้นกู้เอกชน วงเงิน 400,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้หุ้นกู้เอกชนทั้งระบบมีทั้งหมด 3.6 ล้านล้านบาท เท่ากับว่ามีงบประมาณเข้าไปรองรับร้อยละ 11 ของหุ้นกู้ทั้งหมด จึงต้องพิจารณาว่าหุ้นกู้ที่จะเข้าไปรับรองรับมีคุณภาพดีมากน้อยแค่ไหน โดยปกติการปล่อยหุ้นกู้จะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน มีเพียงหนังสือการยืนยันปล่อยซื้อหุ้นกู้ และการกำหนดเรตติ้งหุ้นกู้ให้กับนักลงทุน แต่มาตรา 11 ของพระราชกำหนดให้มีหลักประกันแก่ผู้ถือตราสารหนี้ ตราสารหนี้ที่กองทุนซื้อจะต้องได้รับหลักประกันไม่ด้อยกว่า หลักประกันที่ผู้ออกตราสารหนี้ให้แก่ผู้ถือตราสารหนี้อื่นในคราวเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมามีเอกชนขายหุ้นกู้ เพื่อไปใช้หนี้เดิมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
“โดยเครือ CP ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ขายหุ้นกู้ไป 440,562 ล้านบาท เครือ TCC Group ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ขายหุ้นกู้ไป 329,662 ล้านบาท รวมทั้ง 2 ราย ถือเป็นหุ้นกู้กว่าร้อยละ 20 ของทั้งหมด ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันมีแค่เรตติ้งเท่านั้น เช่นเดียวกับ บริษัทการบินไทยมีหุ้นกู้หมื่นล้าน ระดับ A+ แต่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน , ปูนซิเมนต์ไทยมีหุ้นกู้ 5 หมื่นล้านบาท ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน , บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์มี หุ้นกู้ 14,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้หมดอายุ ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงขอเสนอให้คณะรัฐมนตรีและธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำกับการซื้อหุ้นกู้ของเอกชน ออกเงื่อนไขให้มีหลักเกณฑ์ในการค้ำประกันร้อยละ 30 ถึง 50 เพื่อกันพลาด ไม่ให้เกิดเป็นหนี้เสีย”นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ ยังกล่าวเปรียบเทียบว่า ปี 2541 ถึง 2542 มีการขายทรัพย์สินขององค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินหรือ ปรส. ต่ำกว่าราคาจาก 810,000 ล้านบาท ต้องขายไปในราคา 190,000 ล้านบาท ขาดทุน 620,000 ล้านบาททันที จึงอย่าลืมว่านี่เป็นของแผ่นดินซึ่งนี่ของปี 2540 ยังมีค้างอยู่ 748,000 ล้านบาท จึงอยากฝากให้รัฐบาลควบคุมติดตามการดูแลของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยว่าการซื้อหุ้นกู้จะพลาดไม่ได้หากพลาดติดคุก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี