"จตุพร"ชี้ตั้งหรือไม่ตั้งกมธ.วิสามัญฯมีค่าเท่ากัน ติงละครการเมืองจะเล่นอะไรก็ว่ากันไป เพียงขอให้รู้ว่าประเทศและปชช.กำลังเดือดร้อน เชื่องบกระตุ้นศก.4แสนล้านฟื้นได้ยาก ปลุกปชช.ร่วมกันตรวจสอบ พร้อมรำลึก59ปี"ครูครอง จันดาวงศ์"เจ้าของวาทกรรมอมตะ"เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ"
เมื่อ 31 พฤษภาคม 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ว่า วันนี้เมื่อ 59 ปีที่แล้วคือวันที่ 31 พฤษภาคม 2504 ประวัติศาสตร์ทางการเมืองของนักต่อสู้ของประเทศไทย ได้บันทึกว่า เป็นวันที่รัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใช้คำสั่งมาตรา 17 ประหารชีวิตครูครอง จันดาวงศ์ นักสู้แห่งเทือกเขาภูพาน
ประวัติศาสตร์บันทึกว่า ครูครอง นอกจากทำหน้าที่เป็นครู เป็น ส.ส. เป็นเสรีไทยแล้ว ยังทำหน้าที่ในการต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการอย่างเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด โดยไม่ก้มหัวให้กับรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ กระทั่งถูกประหารชีวิตด้วยปืนกล 90 นัด ที่บริเวณสนามบินสว่างแดนดิน
สิ่งที่นักสู้รุ่นหลังได้จารึกและอยู่ในความทรงจำคือ ความทรนงองอาจของนักต่อสู้อย่างครูครอง จันดาวงศ์ ในขณะที่เดินเข้าสู่ลานประหารได้เปล่งวาจา ว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”
ครูครอง จันดาวงศ์ ได้แสดงความยิ่งใหญ่ในฐานะเป็นนักสู้ ตนมีโอกาสได้ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับนายวิทิต จันดาวงศ์ บุตรชายของครูครอง และมีโอกาสได้ไปสักการะสถูปของนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เมื่อได้เดินทางไปที่สกลนคร และมีความทรงจำเป็นแบบอย่างของนักต่อสู้ที่ผ่านมา 59 ปีประเทศไทยก็ยังไม่ไปไหนเช่นเดียวกัน
ต่อมาเมื่อ 13 ปีที่แล้ว วันที่ 31 พฤษภาคม 2550 ภายหลังการการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 คือการอ่านคำวินิจฉัยโดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดที่ไม่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง พิพากษายุบพรรคไทยรักไทยและไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ในวันเดียวกัน เหล่านี้คือประวัติศาสตร์ของวันที่ 31 พฤษภาคมที่ต่าง พ.ศ.
และแล้ว สุดท้ายการเมืองคือโรงละคร ตนได้ติดตามสถานการณ์การเมืองตามลำดับ ทั้งปรากฏการณ์ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีข่าวสารมากมาย มีด้านลับด้านลึก ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการอภิปรายพระราชกำหนดเงินกู้ ก็มีปรากฎการณ์ไม่ส่งผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยลงรับเลือกตั้งซ่อมในเขต 4 จังหวัดลำปาง จนกระทั่งถึงการอภิปราย ร่างพระราชกำหนดเงินกู้ 3 ฉบับคือ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ 1 ฉบับ เกี่ยวข้องกับการให้อำนาจของธนาคารแห่งประเทศไทย 2 ฉบับ
ในฉบับแรกนั้น เงิน 1 ล้านล้านบาทนั้นถูกแบ่งให้กระทรวงสาธารณสุขไป 4.5 หมื่นล้านบาท ใช้เยียวยา 5.5 แสนล้านบาท และฟื้นเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ส่วนอีก 2 ฉบับนั้นเป็นเรื่องของการติดตามกันว่า สุดท้ายแล้วจะเป็น พ.ร.ก.เพื่ออุ้มคนรวยให้เเข็งแรงอยู่รอด ส่วนคนที่ไม่รอด ก็ไม่รอดกันต่อไป
รายละเอียดอีก 2 ฉบับนั้น ตนเชื่อว่าระยะถัดจากนี้ไปพยานหลักฐานต่างๆ จากคนที่ไม่ได้ จะปรากฎว่าใครคือคนที่ได้บ้างในจำนวน 9 แสนล้านบาท แต่ที่นักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลบางส่วนได้อภิปรายนั้น ทุกคนต่างเห็นว่างบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจจำนวน 4 แสนล้าน ที่เรียกว่าเงินผัน ประวัติศาสตร์เงินผันสมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มีการเปรียบเหมือนแท่งไอติมกว่าจะไปถึงประชาชนก็เหลือแต่ไม้กับคราบความหวาน
ดังนั้น สิ่งที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลบางคนพยายามนำเสนอว่าควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นเพื่อมาตรวจสอบการใช้เงินจำนวน 4 แสนล้านบาท ซึ่งหลายคนถามตนว่า มีความเห็นอย่างไรนั้น ส่วนตัวมองว่า ตั้งไม่ตั้งก็มีค่าเท่ากัน เพราะที่ตั้งขึ้นมานั้นในประวัติศาสตร์ทางการเมืองมองไว้ 2 เรื่องคือ ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และขอแบ่งด้วย ซึ่งเป็นไปได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ตนหวังว่าเจตนาของการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบฯนั้นเพื่อการตรวจสอบ
ทั้งหมดคือการแสดง และไม่เชื่อว่าตั้ง กรรมาธิการตรวจสอบฯแล้วจะไม่มีการโกงเกิดขึ้น แต่เชื่อว่า ขบวนการตรวจสอบภาคประชาชนและโลกสื่อสารไร้พรมแดนจะมีพลานุภาพมากกว่าการทำงานของคณะกรรมาธิการตรวจสอบฯ ดังนั้น จะมีหรือไม่มีกรรมาธิการตรวจสอบก็ตาม ต้องฝากความหวังไว้ที่ประชาชนและต้องเป็นหูเป็นตา เพราะเงินจำนวนนี้คือเงินของประชาชน คือหนี้ของประชาชน ที่ต้องเฝ้าติดตาม ตรวจและต้องกล้าที่จะพูด
นายจตุพร กล่าวว่า การกู้เงินรอบนี้ก็เพื่อจะรอกู้กันอีกรอบตอนพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2564 ซึ่งปีงบประมาณคือวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ก็ต้องกู้อีกหลายแสนล้าน เพราะการจัดทำงบประมาณแผ่นดินก็เป็นการจัดทำแบบงบประมาณแผ่นดินแบบขาดดุล และแน่นอนที่สุดในทางการเมืองคนที่ใช้เงิน กับคนใช้หนี้มักจะเป็นคนละคนกันเสมอ
อีกทั้ง ระบุว่า สภาพประเทศซึ่งพยายามจะออกแบบว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้น เชื่อว่าเป็นการสะสมหนี้ตามลำดับและ ภาวะเศรษฐกิจที่เสื่อมเวลานี้ทำให้สภาพสังคมเสื่อมไปแทบทั้งหมด มีแต่ข่าวสังคมแย่ๆในแต่ละวัน
“วันนี้เราอยู่ในสถานการณ์บ้านเมือง ที่บางครั้งพอดูแล้ว มันคือการแสดงกันทั้งนั้น อย่าไปอินว่ามันใช่กันทั้งหมด แม้แต่ผมก็เคยพลัดหลงไปในดงละครหลายครั้ง จึงไม่ค่อยจะผลีผลามใดๆทั้งสิ้นในสถานการณ์ทางการเมืองแบบนี้เพราะที่เห็นกันอยู่บนกระดานปัจจุบันยังไม่ใช่คำตอบ มันก็ยังเป็นการแสดงกันอยู่และทุกคนต่างก็รู้ว่า ณ ขณะนี้เลือกตั้งไปก็เท่านั้น ตราบใดรัฐธรรมนูญเป็นอย่างนี้ปัญหาก็ยังไม่จบ”
แต่สิ่งที่กระทบต่อไปคือหากประเทศเกิดภาวะวิกฤตจากความหิวโหย และมีปรากฏการณ์การโหมโรงเป็นบางครั้ง แต่หลังจากนี้ไปเงินจำนวน 4 แสนล้าน จะไปสะกดคนหิวได้อย่างไร จะไปสะกดความทุกข์ยากของประชาชนได้อย่างไร ตนบอกได้เลยว่าเงินจำนวน 4 เเสนล้านนั้นหากตำน้ำพริกละลายแม่น้ำก็ทำได้
แต่หากไม่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จะมาหยุดความเดือดร้อนของประชาชนเฉพาะหน้านั้น ตนไม่เชื่อว่าเงินจำนวน 4 แสนล้านที่ว่านี้จะไปสร้างอนาคตอะไรได้ เพราะภาวะการณ์ต่างๆไม่เอื้อว่า เงินจำนวน 4 แสนล้านที่ว่านี้จะไปฟื้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ เเม้แต่นักธุรกิจที่ร่ำรวยมหาศาลยังบอกว่า นี่หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งหลายเท่า และทุกคนต่างก็รู้ว่าเป็นเพียงแค่ยาชาชั่วคราวเท่านั้น เพียงเพียงแต่จะฉีดกันตรงจุดได้หรือไม่ เนื่องจากปัญหารออยู่ข้างหน้าโดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาลก็รอปรับคณะรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม การเมืองในรอบหน้าภายใต้กติกาอันนี้จะเหนื่อยหนักยิ่งกว่าเดิม ฝ่ายค้านก็ต้องกระจายรัฐบาลเองก็ต้องกระจายเพื่อมาจัดสำรับไพ่ใหม่กันหมด เพราะเท่าที่ดูปรากฏการณ์ ณ ขณะนี้ก็เห็นอย่างชัดเจนว่าแต่ละฝ่ายก็กระจายกันเพราะถูกออกแบบไว้อย่างนั้น เหมือนที่ตนเคยบอกว่ารวมกันแพ้แยกกันชนะ ก็ยังเป็นปรากฏการณ์เช่นนี้ และต่อให้พรรคการเมืองรวมกันยังไงก็ไม่ได้ 376 เสียง หรือได้ 376 เมื่อประชุมรัฐสภาก็เเพ้เสียง ส.ว.อยู่ดี
แต่หาก จะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 คือ 84 คน และเป็นไปได้ยากที่ ส.ว.จะโหวตเพื่อตัดอำนาจตัวเอง ดังนั้น ละครฉากนี้ตั้งแต่ฉากรัฐธรรมนูญ ตั้งกรรมาธิการการศึกษาแค่เพื่อซื้อเวลาเท่านั้น เพราะใครก็รู้ว่าต่อให้ศึกษาเสร็จก็ไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะในอดีตมีตัวอย่างมาแล้วที่สุดท้ายก็ไม่กล้าโหวตวาระ 3
แต่อย่างไรก็ตาม นักการเมือง ก็ต้องรู้เช่นกันว่าภาวะเช่นนี้ประชาชนมีความยากลำบาก ส่วนที่แสดงกันไปมาก็ว่ากันไป เพียงแต่สอดคล้องกับความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่ ดังนั้นขอให้คิดดีๆ เพราะหากคิดไม่ดี เดี๋ยวก็จะถูกให้พ้นกระดานกันทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี