สภามติฉลุย
ผ่าน‘พรก.’กู้เงินทั้ง3ฉบับ
นายกฯไม่ขัดตั้งกมธ.สอบ
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท “บิ๊กตู่”ระบุไม่ขัดตั้ง กมธ.สอบใช้เงินกู้ แนะอย่าให้ช้าจนคนรอหมดลมหายใจก่อนวอนทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่าแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ด้าน 60 สส.พปชร. แห่ให้กำลังใจ “อุตตม-สนธิรัตน์-ธรรมนัส” รับอึดอัด คนในพรรคฟัดกันเอง ข้องใจ ปธ.วิปรัฐบาล ทำงานยังไงถึงมีเสียงแตก ปมตั้ง กมธ.พ.ร.ก.กู้เงิน
เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 31พฤษภาคม ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนเริ่มการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 3 ฉบับ เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจวันที่ห้า ซึ่งเป็นสุดท้ายก่อนที่จะมีการลงมติโหวตนั้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รวมถึงสส.ฝ่ายรัฐบาลและสส.ฝ่ายค้านบางส่วนทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุมต่อเนื่อง
‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’มาสภาครบ5วัน
ทั้งนี้ ผู้เข้ามาในพื้นที่อาคารรัฐสภาทุกคนล้วนสวมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าก่อนเข้ามาในอาคาร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จากนั้นต้องเดินผ่านเครื่องตรวจสแกนวัตถุอันตราย และต้องเดินผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมทั้งสแกนคิวอาร์โค้ดของแอพพลิเคชั่น “จริงใจ”เพื่อเก็บข้อมูลบุคคลที่มาติดต่อเข้า-ออกอาคารรัฐสภา รวมถึงทางสภาฯยังจัดบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตามจุดต่างๆเช่นเดิมตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวเพียงสั้นๆ ก่อนขึ้นห้องประชุมว่า “วันนี้พิจารณาจบ”
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก็เดินทางร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน ในวันสุดท้ายก่อนลงมติ โดยได้โบกมือทักทายสื่อมวลชน แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใดและได้ขึ้นห้องประชุมไปทันที ขณะเดียวกันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมสภาในเวลาไล่เลี่ยกันกับนายกรัฐมนตรี โดยขึ้นลิฟท์จากลานจอดรถไปยังห้องประชุมทันที
‘สุทิน’ซัดรบ.เยียวยาล้มเหลว
เวลา 11.35 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ได้อภิปรายว่า โควิดโจมตีเรามา 3 เดือนแล้ว ส่งผลกระทบด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ดังนั้น ต้องประเมินทุกด้านอย่าพูดเฉพาะตัวเลขสาธารณสุขว่าลดลง แต่เราต้องประเมินด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย ทั้งนี้ ตนขอชื่นชมแพทย์ไทยที่ทำงานอย่างทรหด ภายใต้ภาวะที่ผู้นำไม่ได้ช่วยพายเรือเลย ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องยอมรับว่าการเยียวยาล้มเหลวทำได้ไม่ดีพอ ท่านไม่ยอมรับความจริงว่าตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลกู้ทุกปี กู้ซ้ำกู้ซ้อน ตอนนายกฯ เข้ามารับตำแหน่งประเทศมีหนี้สาธารณะ 36 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เพิ่มมาเป็น 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว
นายสุทิน กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วงคือ หนี้การบินไทย 1.7 แสนล้านบาท ที่วันนี้ยื่นเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย มีแต่หนี้ต่างประเทศ ถ้าไปเบี้ยวหนี้เขา เรตติ้งประเทศไทยจะตกวูบ ทำให้กู้เงินต่างประเทศไม่ได้ ส่วนการกู้ในประเทศ โดยการออกพันบัตรเราไม่ทิ้งกันที่ให้ดอกเบี้ย 3 เปอร์เซ็นต์ เกินกว่าตลาด 3 เท่า เศรษฐีพากันไปซื้อพันธบัตรจนรวย ยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำ ตนขอเติมฉายานอกจากเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังเป็นบิดาแห่งความเหลื่อมล้ำอีกด้วย
ไม่เชื่อกู้เงินมาฟื้นฟูเศรษฐกิจได้
นายสุทินกล่าวต่อว่า ตนไม่เชื่อว่าการกู้เงินครั้งนี้ รัฐบาลต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจจริง เพราะถ้าต้องการฟื้นฟูจริงไม่ทำแบบนี้หรอก แต่ต้องการเพียงหมุนเงินเร็วๆ เท่านั้น การเสนอโครงการทุกอย่างทำอย่างรวดเร็วมาก วันนี้การตรวจสอบมีปัญหามาก เพราะได้มีการแก้ระเบียบในกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างที่โดยปกติแล้วการประมูลงานถ้าเกิน 5 แสนต้องอีบิดดิ้ง แต่ตราบใดที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังอยู่ไม่จำเป็นต้องอีบิดดิ้ง เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที่ ว่าที่คงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้มีเจตนาอะไรกันแน่ เราจึงเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาตรวจสอบการใช้เงิน เพราะเงินจำนวนมากและเราก็อยากให้รายงานต่อสภา ขนาดปฏิรูปประเทศยังบังคับให้รายงานทุก 3 เดือนครั้งเลย แต่กู้เงินขนาดนี้กลับให้รายงานสภาปีละครั้ง แต่ให้รายงานครม. 3 เดือนครั้ง ถามว่าไป ครม. แล้วมาต่อสภาจะเป็นจะตายหรือเปล่า แล้วจะให้เงินท่านไปใช้ขนาดนี้ได้อย่างไร เพราะไม่เชื่อว่าท่านจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ แล้วประชาชนและประเทศชาติต้องรับกรรม
“ชาดา”อัดคลังแจกเงินล้มเหลว
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า กระทรวงการคลังสอบตกคณิตศาสตร์ชั้นประถม เอาอะไรมาคิดจะให้คนนู้นคนนี้ วันนี้คนไทย 60 ล้านคน แต่มีข้อยกเว้นบางคนได้ไม่ได้ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ให้ 10 ล้านครอบครัวไม่รู้ว่าจะได้กี่คนเพราะครอบครัวหนึ่งมีหลายคน ระวังจะจ่ายเงินเกินจำนวนประชากรของประเทศไทย ท่านมีสิทธิอะไรจะไม่ให้ผู้ประกันตน มีสิทธิอะไรให้คนพิการ 1 พันบาท คนไทยต้องได้ถ้วนหน้าคนละ 5 พันบาท เพราะทุกคนเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่ามี 4-5 คนข้างนายกฯ ที่ไม่เดือดร้อน อีกทั้งการจ่ายเงินยังตกหล่นมากมาย อยากเรียกร้องนายกฯ อย่าเป็นจำเลย เบี่ยงตัวออกมา และดูลูกน้องท่านทำถูกหรือไม่ เพราะการกู้เงินที่มีปัญหาไม่เกี่ยวกับนายกฯ แต่เป็นกระทรวงการคลังทำงานล้มเหลว และเป็นที่เดียวในโลกที่แจกเงินแล้วถูกด่า
ปธ.วิปค้านแนะให้กู้เท่าที่จำเป็น
ต่อมา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายปิดเป็นคนสุดท้ายว่า สำหรับการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ พร้อมตั้งคำถาม 5 ข้อ ถึงความจำเป็นในการกู้เงิน หากจำเป็นต้องกู้ ต้องกู้เท่าไร กู้เพื่อทำอะไร กู้เพื่อหวังผลอะไร กู้แล้วจะสำเร็จหรือไม่ และหากกู้แล้วถ้าทำไม่สำเร็จ แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีตอบคำถามว่าหากทำไม่ได้จะทำให้ประเทศไทยมีสภาพเหมือนกับการบินไทยหรือไม่ ส่วนตัวเห็นด้วยกับการกู้เงินของรัฐบาล แต่ก่อนจะกู้ควรจะเกลี่ยงบประมาณจากปี 2563 ก่อน เพื่อเป็นการเช็กเงินในกระเป๋า และกู้เท่าที่จำเป็น เพราะไม่เห็นด้วยกับการกู้เต็มวงเงิน 1 ล้านล้านบาท และจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบแหล่งเงินทุนที่รัฐบาลจะไปกู้ ไม่มีแผนงานการใช้งบ และกังวลว่าการออกพันธบัตรของรัฐบาลที่ให้ดอกเบี้ยสูง 3 เท่า อาจจะเกิดความเหลื่อมล้ำ
‘อุตตม’ยืนยันดำเนินการโปร่งใส
ขณะที่ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ชี้แจงว่า จากสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบรุนแรง จึงมีเป้าหมายจัดการเรื่องสาธารณสุขเป็นลำดับแรกและมุ่งเยียวยาสภาพคล่องประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่การให้เงินเยียวยาประชาชนเท่านั้น แต่ฟื้นฟูเพื่อให้สอดรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วย นอกจากนี้รัฐบาลยังร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เตรียมออกมาตรการที่ไม่ใช่ตัวเงิน อย่างการพัฒนาทักษะอาชีพ พร้อมยืนยันรัฐบาลอยากดำเนินมาตรการเยียวยาให้เร็วกว่านี้ แต่จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุม เพื่อให้เยียวยาได้ถูกตัว หากเกิดสถานการณ์ในอนาคต เชื่อว่าจะมีข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์จากการดำเนินการในครั้งนี้ กระทรวงการคลังมีแผนการกู้เงินที่เป็นสากล และการใช้อำนาจของรัฐมนตรี ตาม พ.ร.ก.กู้เงินนี้ให้เป็นไปอย่างสุจริตและโปร่งใส
สภาฯลงมติฉลุยพรก.กู้เงิน3ฉบับ
จากนั้น เวลา 15.50 น. ได้มีการลงมติ พ.ร.ก.กู้เงิน 3ฉบับ วงเงิน1.9 ล้านล้านบาท ได้แก่ 1.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 2.พรก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดและ 3. พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563
โดยผลการลงมติมีดังนี้ พ.ร.ก.ฉบับที่1 มีผู้แสดงตน 481คน เห็นชอบ 274 คน ไม่เห็นชอบ 0 คน งดออกเสียง 207 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 0 คน ดังนั้นมีมติเห็นด้วย, พ.ร.ก.ฉบับที่2 มีผู้แสดงตน 481คน เห็นชอบ 275 คน ไม่เห็นชอบ 1 คน งดออกเสียง 205 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 0 คน ดังนั้นมีมติเห็นด้วย, พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 วงเงินไม่เกิน 4 แสนล้านบาท มีผู้แสดงตน 482 คน เห็นชอบ 274 คน ไม่เห็นชอบ 195คน งดออกเสียง 12คน ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน ดังนั้นมีมติเห็นด้วย
“บิ๊กตู่”ชี้ต้องดูว่ากู้มาด้วยเหตุผลใด
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับว่า การประชุมถือว่าเรียบร้อยดี แต่มีหลายอย่างที่จะนำไปพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น ในส่วนที่เป็นกังวลก็ได้ชี้แจงไปบ้างแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมองว่างบฯ ที่กู้มาแล้ว กู้มาด้วยเหตุผลความจำเป็นอะไร และมีมาตรการในการใช้อย่างไร ที่เหลือจากนี้คือการคัดกรองโครงการ และการจัดทำโครงการที่ผ่านการคัดกรองมาจากข้างล่างระดับหนึ่งแล้ว และนำเข้าคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) เมื่อประชาชนเสนออะไรมาก็ต้องตรวจสอบว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร และจะตรวจสอบจากงานที่ปรากฎและร้องทุกข์กล่าวโทษไป เหมือนการจัดซื้ออุปกรณ์ถ้าผิดกฎหมายก็ต้องผิดกฎหมาย
ไม่ขัดข้องตั้งกมธ.ตรวจสอบเงินกู้
เมื่อถามถึงข้อเสนอตั้งคณะกรรมการวิสามัญตรวจสอบการใช้เงินกู้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องการพิจารณาในระยะต่อไป จะมาถามอะไรตอนนี้ ซึ่งตนก็บอกว่าไม่ขัดข้องหากพิจารณากันแล้วจากในงานของสภาฯ ถ้าสามารถตั้งได้ก็ตั้งได้ แต่ในพรรคก็ต้องร่วมกันหารือว่าจะตั้งหรือไม่ตั้งอย่างไร ไม่ได้คัดค้านอะไรทั้งสิ้นหากทำให้ดีขึ้นและได้รับความไว้วางใจมากขึ้น แต่ต้องไม่ทำให้ชักช้าจนไม่ทันการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความล่าช้าและจะไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน เพราะมีเงินแต่ออกไปทีหลัง ก็เหมือนเขาหมดลมไปแล้ว จึงต้องให้ตอนนี้
ให้ประชาชนเดินหน้าต่อไปได้
เมื่อถามถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) จะตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาต้องทำอยู่แล้ว หน่วยงานต้องตั้งหลักของเขาอยู่แล้ว และเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่กู้เงินมาทำงานแบบนี้ แต่ก่อนเป็นการกู้ทางโน้นทางนี้ไปลงทุนอะไรต่างๆ เช่นสมัยที่เกิดต้มยำกุ้งก็คนละแบบ เสถียรภาพทางการเงินก็คนละอย่าง และประเทศไทยวันนี้สถานะการเงินเราเข้มแข็งมาก จึงคลายกังวลในเรื่องนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าสถานการณ์จะยาวไปแค่ไหน และวันหน้าต้องหาเงินเพิ่มหรือเปล่ายังไม่รู้ อย่างน้อยเงินตรงนี้ก็ต่อลมหายใจให้ประชาชนให้เดินหน้าต่อไปได้ ลูกจ้างพนักงานไม่ตกงาน ถ้าตกงานมากรัฐบาลจะดูแลเดือนละ 5,000 จะพอไหม แต่ทำให้เขากลับมาทำมาหากินได้เหมือนเดิมไม่ดีกว่าเหรอ สิ่งที่แตกต่างกันคือตรงนี้
ไม่โมโหเข้าใจทุกคนหวังดีต่อชาติ
“ที่พูดกันในสภาฯ ผมรับได้หมด และไม่ได้โมโหอะไรเลย แต่การชี้แจงอาจเสียงดังไปบ้าง เพราะต้องการจะเน้น แต่ไม่ต้องการทะเลาะกับใครทั้งสิ้น เราทะเลาะกันมามากแล้ว ย้อนกลับไปกลับมาก็ไม่จบวันนี้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องช่วยกัน เดินไปข้างหน้าซึ่งเข้าใจว่าทุกคนหวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองทั้งนั้น แต่วิธีการคิดยังไม่ตรงกันและอาจมีความรู้สึกภายในว่าคนละพรรคกันรัฐบาลกับฝ่ายค้าน หน้าที่ของฝ่ายค้านก็ต้องค้านแต่บางทีอาจร่วมมือกันก็ได้ในการทำประโยชน์ให้ประเทศชาติและประชาชน เป็นแนวใหม่แบบที่ทุกคนต้องการ ทั้งเศรษฐกิจใหม่และชีวิตวิถีใหม่ โดยต้องร่วมมือกันสู้ เหมือนกับการเลี้ยงลูกหลายคนก็มีความจำเป็นที่แตกต่างกัน พ่อแม่ก็ต้องหาเงินคนละอย่างมาจุนเจือ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ปปท.อาสาตรวจสอบการใช้เงิน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 พ.ศ. 2563ว่า ให้เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรว่ากันเอง แต่ในส่วนของรัฐบาลมีหน่วยงานตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)ซึ่งทาง ป.ป.ท.ได้เสนอมาตรการตรวจสอบมายังรัฐบาล ก่อนที่สภาจะมีการพิจารณา พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ โดยนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ก็ทราบเรื่องนี้
‘สนธิรัตน์’ไม่ถือสิระไล่พ้นพรรค
ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงความขัดแย้งในพรรคว่า ตนไม่ให้ความหมาย ให้น้ำหนักเพื่อที่จะตอบโต้ จริงๆ ควรพูดคุยกันภายใน ไม่ควรมาออกสื่อ ต้องช่วยกันระงับความเห็นต่าง เมื่อถามว่า นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรค พปชร. ออกมาขับไล่ออกจากพรรคนั้น นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ไม่ถือสาในเรื่องดังกล่าว อย่านำคำพูดบางคำมาเป็นประเด็น เมื่อถามว่า กรณีที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลลงชื่อตั้งกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้งบตาม พรก.กู้เงิน วิปรัฐบาลต้องเร่งหารือและหาข้อยุติ แต่ตอนนี้คงยังไม่ส่งผลต่อเอกภาพของวิปรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ความเห็นการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญถือว่าเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ โดยต้องเร่งประเมิน หาทางออกว่าทำอย่างไร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับวิปรัฐบาลและให้การทำงานของรัฐบาลราบรื่น
ลูกพรรคหนุน’อุตตม-สนธิรัตน์’
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ว่า เมื่อเวลา 10 .00 น. กลุ่ม ส.ส.พปชร. ประมาณ 60 คน ได้นัดรวมตัวกันพบปะประชุมกันที่ห้อง 419 อาคารรัฐสภา โดยมีวาระให้กำลังใจ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. รวมถึงขอบคุณที่ทำหน้าที่ชี้แจงในสภา เรื่อง พ.ร.ก.เงินกู้ได้อย่างดี ขณะเดียวกันกลุ่ม ส.ส.ได้เป็นตัวแทนชาวบ้านฝากคำขอบคุณที่รัฐบาล ช่วยเหลือประชาชน ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะมาตรการเงินเยียวยา 5,000บาท
โดยในวงหารือได้มีการพูดถึงปัญหารอยร้าวภายในพรรค ซึ่งกลุ่ม ส.ส.มีความห่วงใย ที่สถานการณ์ในพรรคมีการช่วงชิงตำแหน่งกัน จนประชาชนรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งกลุ่มส.ส.ที่เป็นตัวแทนจากประชาชนทุกภูมิภาคต้องรู้สึกอึดอัด เพราะต้องตอบคำถามเหล่านี้กับประชาชน จึงขอโอกาสนี้ให้กำลังใจนายอุตตม หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ เลขาธิการพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
ข้องใจเสียงแตกปมตั้งกมธ.กู้เงิน
นอกจากนี้ ได้มีการสอบถามถึงบทบาทของนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ว่าที่ผ่านมาการทำงานของประธานวิป ถูกต้องหรือไม่อย่างไร เพราะทำหน้าที่ประสานงานกับพรรคร่วมอย่างไร ถึงมีเสียงแตกออกมา ในการที่จะตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงินฯ
อย่างไรก็ตาม ส.ส.หลายคนมีข้อเสนอว่า ภายหลังประชุมพ.ร.ก.เงินกู้ฯเสร็จสิ้น อยากเห็นทุกคนร่วมมือทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาล พร้อมตั้งความหวังไว้ว่าพรรค พปชร.จะเดินหน้าในทิศทางที่ถูกต้อง เป็นหลักเป็นเกณฑ์มากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นประชาชนอานจะเสื่อมศรัทธาได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี