ส.ว.เปิดฉากอภิปรายฯพ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ หนุนตั้งกมธ.วิสามัญของวุฒิสภาตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกู้อีกทาง
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาโดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดจำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1. พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 พ.ศ. 2563, 2. พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ, และ 3. พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 ภายหลังสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาเสร็จแล้ว
โดยช่วงแรกของการประชุมนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้กล่าวเสนอหลักการและเหตุผลต่อที่ประชุมวุฒิสภา และมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีมาร่วมรับฟัง
จากนั้น นายบุญมี สุระโคตร ส.ว. อภิปรายว่า เกษตรกรซึ่งเป็นประชากรกว่าร้อยละ 30 ของประเทศประสบปัญหามาตั้งแต่ก่อนโควิดด้วยซ้ำ เช่น ภัยแล้ง พอมาเจอวิกฤตโควิด สถานการณ์ในด้านการเกษตรก็ยิ่งได้รับผลกระทบมาก คนในภาคการเกษตรต้องจากบ้านมาทำงานในเมืองใหญ่เพื่อหารายได้ไปจุนเจืออาชีพหลักของพ่อแม่ที่บ้านซึ่งส่วนใหญ่อายุ 50-60 ปี และเมื่อมีการระบาดของโควิดก็ต้องกลับบ้าน และหลังจากนี้คนกลุ่มนี้ก็จะตกงานและกลับมาทำงานในเมืองไม่ได้ ดังนั้นการทำให้พวกเขาอยู่ในท้องที่เพื่อพัฒนาทรัพยากรที่มีอยู่แล้วที่บ้าน มาตรการเยียวยา ฟื้นฟู และการสร้างอาชีพจึงต้องจับต้องได้จริง
ส่วนการช่วยเหลือกลุ่มวิสาหกิจหรือ SMEs ในรูปแบบซอฟท์โลน กลุ่มผู้ประกอบการเข้าถึงทุนตรงนี้ได้ยาก ถ้าทำให้กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่เข้าถึงทุนตรงนี้ก็จะทำให้เกษตรกรหรือคนรุ่นใหม่ที่กลับบ้านไปมีงานทำ โจทย์รัฐบาลต้องทำยังไงให้คนในท้องถิ่น และเกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุนได้ เพราะติดเงื่อนไขที่ไม่สอดคล้องกับผู้ปฏิบัติงานหน้างาน ถ้าทำได้การเดินทางกลับเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ก็จะน้อยลง และเนื่องจากระยะเวลาในการทำโครงการค่อนข้างสั้น
"ผมคาดว่าชาวบ้านไม่น่าจะทำแผนโครงการมาใช้งบประมาณฟื้นฟูตรงนี้ได้ทันเวลา และในระยะเวลาที่จำกัดนี้ทำอย่างไรีให้คนที่เดือดร้อนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำโครงการเพื่อแก้ปัญหา เพราะอดีตที่ผ่านมามีผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ เข้ามามีส่วนร่วมน้อยมาก และการทำงานของหน่วยงานภาครัฐต่างคนต่างทำ ไม่มีการบูรณาการณ์ ตนจึงขอฝากความคิดเห็นนี้ไปยังรัฐบาล"นายบุญมี กล่าว
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า ที่ผ่านมาต้องยอมรับความเป็นจริงว่าการแก้ไขการระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยสามารถแก้ไขได้เป็นอย่างดี เมื่อรัฐบาลทำแล้วเป็นผลดีแล้วก็ต้องกล้าบอกว่ามีรัฐบาลและฝ่ายบริหารที่ดีที่สามารถดูแลประชาชน แม้เราจะมีรัฐบาลที่ดี แต่เราก็ยังมีสื่อสารทำให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังและเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีกับประเทศ การแก้ไขปัญหาเราต้องยอมรับความเป็นจริง ตนไม่อยากเห็นประชาชนถูกปลุกปั่นจนเกิดความขัดแย้งในสังคม ทุกคนเข้าใจว่าในการแก้ไขปัญหานั้นในรัฐธรรมนูญให้อำนาจฝ่ายบริหารออกพระราชกำหนด ดังนั้นการออกพระราชกำหนดเพื่อแก้ไขปัญหานั้นส่วนตัวไม่ได้ติดใจ แต่มีความห่วงใยเรื่องความโปร่งใสที่จะต้องทำอย่างไรให้ประชาชนได้รู้ว่าเป็นการทำเพื่อส่วนรวม
นายเสรี กล่าวว่า พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินแล้ว แต่ภายใน 60 วันนับตั้งแต่สิ้นปีงบประมาณกระทรวงการคลังจะต้องรายงานการใช้เงินต่อรัฐสภา สังคมห่วงใยในการใช้เงินแต่พระราชกำหนดกำหนดเงื่อนไขการทำรายงานน้อยเกินไป จึงอยากเสนอว่าหากกระทรวงการคลังจะมารายงานต่อสภา จะต้องมีรายละเอียดของการใช้เงินกู้ด้วย เพราะหากรัฐบาลเปิดเผยความชัดเจน จะทำให้เกิดความเบาใจว่ารัฐบาลได้ใช้เงินตามความจำเป็น ถ้ารัฐบาลให้ความสำคัญให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ผมเชื่อว่าคนจะไม่กล้าทำผิดและฉวยโอกาสหาประโยชน์
นายเสรี กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรอาจจะยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้เพราะฝ่ายที่เข้าไปตรวจสอบก็มีส.ส.พรรครัฐบาลด้วย ดังนั้น เห็นว่าควรเป็นหน้าที่ของวุฒิสภาเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้โดยให้คณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภาเข้ามาตรวจสอบเพื่อช่วยรัฐบาล
"รัฐบาลงานเยอะ อาจมองไม่ทั่วถึง หากวุฒิสภาเข้าไปช่วยสอดส่อง เชื่อว่าการใช้เงินกู้จะมีประสิทธิภาพ การใช้เงินกู้นั้นส่วนหนึ่งเพื่อช่วยดูแลประชาชน แต่ต้องไม่เป็นการใช้เงินกู้แบบสูญเสียอย่างเดียว เพราะควรใช้เงินกู้ในลักษณะที่ต่อยอดได้ เช่น การซื้อเมล็ดพันธุ์พืชให้ประชาชนไปสร้างผลผลิตได้ ไม่ใช่แจกเงินเท่านั้น เงินที่เอาไปใช้ถ้าไปสนับสนุนพืชผลการเกษตรมั่นใจว่าจะต่อยอดรายได้ของประเทศได้ดีขึ้น นำไปสู่การเป็นครัวโลก เพื่อดึงประเทศเข้ามาซื้อผลผลิต เราต้องเอาเงินกู้สร้างเงินสร้างอาชีพด้วย นอกจากนี้ ตั้งงบประมาณใหัวัดและศาสนสถานอื่นๆ เพื่อสร้างโรงครัวถาวรเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชน คนจะไม่อดอยากและจะมีกินตลอดชีวิต" นายเสรีกล่าว
ด้าน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. กล่าวว่า ระหว่างการรอคอยการผลิตวัคซีนป้องกันโควิดอีกประมาณ 18 เดือนรัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณมาใช้กับกรณีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดอีก การฟื้นฟูจะต้องมีแผนงานที่ชัดเจนสำหรับการฟื้นฟูสังคมเมืองและชนบท ซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะสังคมเมืองที่มีปัญหาในเรื่องการประกอบอาชีพและรายได้ ดังนั้น การฟื้นฟูจึงไม่อาจทำได้เฉพาะการให้เงินอย่างเดียว เพราะต้องฟื้นฟูเรื่องความเป็นอยู่ให้กับประชาชนด้วย
สำหรับกรณีของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนด องค์ประกอบของคณะกรรมการส่วนใหญ่มาจากส่วนราชการส่วนที่เหลือจะมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนั้น เพื่อให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการกลั่นกรอง ผู้ทรงคุณวุฒิที่จะเป็นกรรมการควรมาจากภาคประชาชนหรือภาคประชาสังคม ส่วนกรณีปัญหาเกี่ยวกับความโปร่งใสของการใช้จ่ายเงินกู้ เช่น การจัดสรรงบประมาณผ่านส.ส.จังหวัดละ 80 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้ การใช้เงินตามแผนทั้งหมดต้องยึดหลัการ 3 ประการ 1.หลักการเศรษฐกิจพอเพียง 2.หลักการความโปร่งใส คุ้มค่าและตรวจสอบได้ 3.หลักการให้ประชาชนร่วมตรวจสอบและกลั่นกรองแผนก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี ที่สำคัญต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. กล่าวว่า พระราชกำหนด BSF มีอายุ 5 ปี ดังนั้น ตลอดเวลา 5 ปี ของการมีกองทุนนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนแต่เพียงผู้เดียวและการกำกับควบคุมจะอยู่ภายใต้พระราชกำหนดผ่านการมีคณะกรรมการกำกับกองทุน และ คณะกรรมการการลงทุน โดยเฉพาะคณะกรรมการกำกับกองทุนมีอำนาจกว้างขวางโดยมาจากปลัดกระทรวงกาคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และมีผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า แต่มีคำถามที่สำคัญ คือ ขณะนี้มีปัญหากับผู้ทรงคุณวุฒิสองคน ได้แก่ คนที่ 1 เป็นอดีตเลขาธิการก.ล.ต.ที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่งเมื่อปี 2562 แม้พระราชกำหนดจะไม่ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามเอาไว้แต่พระราชกำหนดนี้จะไปยกเว้นลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากอดีตเลขาธิการก.ล.ต.ยังพ้นจากตำแหน่งไม่ครบ 2 ปีเต็ม ซึ่งมาตรา22/1 22/2 และ 267/1 ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ.2535 ว่าด้วยการกำหนดให้ภายในสองปีนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการจะประกอบธุรกิจไม่ได้ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกิน5แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
"อยากถามว่า รมว.คลังในฐานะผู้รักษาการตามกฎหมาย มั่นใจหรือไม่ว่าได้ทำถูกกฎหมายแล้ว ซึ่งเคยมีกรณีเทียบเคียงมาแล้วจากกรณีบอร์ดการบินไทยคนหนึ่งได้ลาออกจากตำแหน่งเพราะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีมาไม่ถึง 2 ปี ส่วนคนที่ 2 เป็นกรรมการกำกับตลาดทุน ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ.2535 ซึ่งกฎหมายกำหนดให้กรรมการกำกับตลาดทุนต้องไม่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการในธุรกิจหลักทรัพย์ตลาดหลกัทรัพย์ ดังนั้นเรื่องนี้สมควรคลายปมสงสัย ถ้ารัฐบาลมั่นใจว่าไม่ขัดต่อกฎหมายต้องตอบคำถามนี้ เพราะมิเช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการดำเนินการต่อไปของคณะกรรมการกำกับกองทุน และ คณะกรรมการกำกับตลาดทุน จึงขอทักท้วงเอาไว้"นายคำนูณ กล่าว
และว่าสำหรับกรณีของผู้ทรงคุณวุฒิในพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท โดยเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ไว้ในมาตรา 7 ของพระราชกำหนด ซึ่งอยากเสนอว่าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคณะกรรมการตามพระราชกำหนดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องแต่งตั้งบุคคลจากภาคประชาชนที่ทำงานต้านทุจริตและเศรษฐกิจชุมชน
"จุดอ่อนที่สำคัญของกฎหมายกู้เงิน คือ เป็นการกู้เงินนอกงบประมาณและจ่ายเงินตามกระบวนการที่รัฐบาลออกระเบียบ ซึ่งไม่ได้ผ่านนิติบัญญัติตามหลักการใช้จายเงินแผ่นดินตามระบบงบประมาณปกติ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจรัฐบาลจะต้องตั้งภาคประชาชนเข้ามา นอกจากนี้ เห็นด้วยกับการให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา เพื่อตรวจสอบและเสนอแนะมาตรการแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ" นายคำนูณ กล่าว
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. กล่าวว่า ตนไม่ติดใจในพ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ เพราะถือว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนจริง ๆ แต่อยากฝากไปถึงงบฯแก้ไขเยียวยาและฟื้นฟูฯ จำนวน 1 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะส่วนที่นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาการระบาดของโควิด-19 จำนวน 45,000 ล้านบาท ที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่ใช้งบฯ มากที่สุด แม้ที่ผ่านมาจะทำงานได้ดี แต่ก็เกิดปัญหาการเมือง 2 ปม คือ หน้ากากอนามัยขาดแคลน จับผู้กระทำผิดไม่ได้ ยังเงียบสงัด ทำให้ประชาชนแคลงใจ และการเรียกรับหัวคิวโรงแรมที่ใช้ในการกักตัว แม้นายกฯได้สอบสวนเชิงลึก จนรู้ตัวผู้กระทำผิดแต่ยังเงียบอยู่เช่นกัน ถือเป็นเรื่องใหญ่
“ผมดีใจที่จะให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาตรวจสอบ หวังว่ารัฐสภาจะมีวิสามัญ รวมถึงกลไกการตรวจสอบปลายทางจากองค์กรอิสระ องค์กรเอกชน และประชาชนช่วยกันตรวจสอบเรื่องนี้ ที่สำคัญคือการตรวจสอบภายในของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องไม่ใช่หน่วยงานที่ตั้งกันขึ้นมาเอง จะทำให้เกิดการลูบหน้าปะจมูก นายกฯอาจต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายในขึ้นมาเบื้องต้นเพื่อป้องกันการฮั้วกัน รวมถึงการใช้งบฯฟื้นฟูจำนวน 4 แสนล้านบาท ควรให้มีการต่อยอดจากโครงการไทยนิยมยั่งยืน และให้ชาวบ้านร่วมกันคิดโครงการ จะได้เป็นโครงการและประโยชน์ของชาวบ้านแท้จริง” นายวัลลภ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภาพรวมการอภิปราย ส.ว.ส่วนใหญ่อภิปรายตั้งข้อสังเกตถึงการดำเนินตามมาตรการที่รัฐบาลเสนอที่ยังขาดรายละเอียด และอาจทำให้การช่วยเหลือประชาชนไม่ทั่วถึง ทั้งนี้ ประชุมได้มีการดำเนินการอภิปรายต่อไปอย่างเปิดกว้าง และจะมีการลงมติพ.ร.ก.เงินกู้ทั้ง 3 ฉบับในพรุ่งนี้ (2 มิ.ย.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี