เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2563 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ระบุถึงกรณี นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย ที่ลี้ภัยอยู่ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เวลาประมาณ 17.00 น. ช่วงวันที่ 4 มิ.ย.ได้ถูกอุ้มหายโดยการบังคับจับตัวขึ้นรถยนต์ Toyota Highlander สีน้ำเงินเข้ม โดยคนร้ายประมาณ 4-5 คน ที่หน้าคอนโดมีเนียมที่พักใจกลางเมืองหลวง โดยพยาน ซึ่งเป็น รปภ. พยายามเข้าไปช่วยเหลือแต่ถูกคนร้ายชักปืนขึ้นขู่ เหตุเกิดที่ริมถนน National Road 6 ในเขตอำเภอ Chrouy Chungvar กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยปรากฏข่าวการติดตาม ที่คาดว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศไทยก่อนหน้านั้นไม่นานนั้น ตนเห็นว่า การอุ้มหายเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งรัฐต้องทำหน้าที่ปกป้องและคุ้มครอง ยิ่งอุ้มหายกลางเมืองหลวง รัฐบาลกัมพูชาต้องตรวจสอบและรับผิดชอบคดีดังกล่าว ขอให้รัฐบาลไทยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปติดตามคดีและความคืบหน้า รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศด้านอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อสืบหาตัวนายวันเฉลิมโดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้อง ไม่ว่า จะเป็นเจ้าหน้าที่ไทยหรือกัมพูชาจะต้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่อำนาจนอกระบบกฎหมาย
“ผมขอเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ โดยทันที อย่าใช้กระบวนการศาลเตี้ย บทเรียนการคุกคามนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นผู้ลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน เต็มไปด้วยความรุนแรงและถึงแก่ชีวิต โดยคาดว่า เป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐในการลอบสังหารนอกกระบวนการยุติธรรม ประชาคมและรัฐบาลอาเซียนจะต้องร่วมมือกันสอบสวน และแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่าให้ผู้นำรัฐบาลเอาประชาชนเป็นเหยื่อทางการเมืองระหว่างประเทศเพื่อแลกผลประโยชน์ส่วนตัว เราผ่านยุคสงครามอินโดจีนมานานมากแล้วจนมีสันติภาพและสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะรัฐบาลกัมพูชาได้ลงนามและให้สัตยาบันผูกพันกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนไปแล้วถึง 8-9 ฉบับ โดยเฉพาะอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (CED) และอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) จะต้องดำเนินการตรวจสอบแก้ไขและยับยั้งเรื่องนี้โดยเร็ว” เลขาฯ ครป. กล่าว
นอกจากนี้ เลขาฯครป.ยังเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศ ประสานงานร่วมกับคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights) เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบ
“รัฐบาลไทยจะต้องเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหายโดยเร็วที่สุด หลังจากประเทศไทยได้รับรองเป็นภาคีอนุสัญญาดังกล่าวตั้งแต่ปี 2555 เพื่อให้สัตยาบัน (Ratify) อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (CED) รวมถึงการให้สัตยาบันว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมร้ายแรงข้ามชาติ และอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ (Crimes Against Humanity) ที่เกิดขึ้นเพื่อการยุติธรรมในประเทศไทยอย่างเป็นระบบ” นายเมธา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี