เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2563 ที่อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานเสวนา “เวทีแสวงหาฉันทามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศไทย : New Consensus” จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน เวทีสานเสวนาที่ร่วมกันตั้งคำถามอย่างถึงรากถึงเหตุผลในการดำรงอยู่ของวุฒิสภา : ส.ว. ไทย อย่างไรต่อดี ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกออกแบบมาให้แก้ไขได้ยากมาก ในทางปฏิบัติอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่หากเราคิดว่าเป็นไปไม่ได้แล้วไม่ทำอะไรเลย ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก
"ดังนั้นการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ผ่านอาจจะติดปัญหาจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ทำให้การทำงานล่าช้าออกไป แต่ตนคิดว่าหลังจากได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรให้ขยายเวลาการทำงานออกไปอีก 90 วัน ก็คงจะทำงานกันมากขึ้นและท้ายที่สุดจะแก้ไขสำเร็จหรือไม่ ตนเชื่อว่า จะสำเร็จได้ต้องอาศัยพลังทางสังคมจากทุกกลุ่มทุกฝ่ายร่วมกันกดดัน โดยเฉพาะการเข้าไปกดดันที่ ส.ว."นายปิยบุตร กล่าว
เมื่อถามว่า จะประเมินการทำงานตลอด 1 ปี ของ ส.ว. อย่างไรบ้าง นายปิยบุตร กล่าวว่า วันที่ 5 มิ.ย. 2562 ที่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีการลงมติเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการรับรอง 500 เสียง ซึ่ง 249 เสียงมาจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ถือเป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ส.ว. 250 คน ถูกสร้างมาเพื่ออะไร และหลังจากนั้นอีก 1 ปีก็ยิ่งเห็นชัด ว่า ส.ว. ทำงานอย่างไร ได้เข้าร่วมลงมติกี่ครั้ง หรือขาดประชุมกี่ครั้ง ซึ่งการลงมติแต่ละครั้งก็ไม่เคยมีเสียงแตก คือชนะกันศูนย์หมด
ทั้งนี้ ตนคิดว่า ส.ว. ตามบทเฉพาะกาลทำให้ข้ออ้างและเหตุผลทั้งหมดของการมี ส.ว. ในประเทศไทยหายไปหมดเลย สมัยก่อนเรามักจะถกเถียงกันว่า ส.ว. มีไว้ทำไม ควรจะมาจากการแต่งตั้งหรือเลือกตั้ง และก็มักจะกล่าวอ้างกันว่า หากส.ว. มาจากการเลือกตั้ง ก็จะได้สภาผัวสภาเมีย สภาพี่สภาน้อง แต่วันนี้ส.ว.250 คน ก็ทำให้เห็นชัดแล้วว่า เป็นยิ่งกว่าสภาผัวสภาเมีย มันคือสภาเครือข่ายอำนาจของคณะรัฐประหาร เพราะตลอด 1 ปีที่ผ่านมาไม่มีการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลเลย หนำซ้ำบางคนก็อวยรัฐบาลจนออกนอกหน้า”
ถามว่า ปรากฏการณ์ความขัดแย้งและการแก่งแย่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมือง และการวิ่งเต้นเพื่อให้เกิดการปรับครม. นายปิยบุตร กล่าวว่า ความจริงตนรณรงค์เรื่องนี้ตั้งแต่ออกเสียงประชามติแล้ว เพราะเรามองเห็นว่าหากปล่อยรัฐธรรมนูญนี้ออกไป มันจะดึงบ้านเมือง และการเมืองไทยถอยหลังกลับไปเหมือนปี 2520 ที่เรียกว่า สมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ ที่มีการเลือกตั้งเป็นเหมือนพิธีกรรม โดยในท้ายที่สุดรัฐธรรมนูญจะสร้างปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น วันแรกที่เรามีรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ที่ก่อให้เกิดการจัดสรรปันส่วนผลประโยชน์ จนมีการตั้งรัฐบาลแบบสหพรรค โหวตแต่ละครั้งก็ต้องลุ้นทุกครั้ง นำมาซึ่งการซื้อขายงูเห่า แจกกล้วย และการยุบพรรค
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่รอวันระเบิด ผมจึงอยากเชิญทุกสถาบันการเมือง และนักการเมืองทั้งหลาย มาช่วยกัน ถอดสลักระเบิดลูกนี้ ตอนปี 2534 เราก็มีรัฐธรรมนูญลักษณะแบบนี้ ที่วางการสืบทอดอำนาจของ รสช. วันนั้นเราไม่ร่วมกันถอดสลักระเบิด สุดท้ายเกิดพฤษภา 35 จนมีประชาชนบาดเจ็บล้มตายกันจำนวนมาก ครั้งนี้เรายังมีโอกาสอยู่ จึงอยากเชิญมาร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วยกัน” นายปิยุบตร กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี