“จาตุรนต์” ชี้โครงสร้างการเมืองตัวซ้ำเติมเศรษฐกิจ เย้ย “บิ๊กตู่” ออกทีวีพูลไม่มีคนฟัง ไม่เชื่อจะทำอย่างพูด ซัด รับมือโควิด-19 ไม่ผ่าน ลั่น “รวมไทยสร้างชาติ” แค่คำพูดลมๆแล้งๆ
21 มิถุนายน 2563 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในขณะนี้ ว่า วิกฤตเศรษฐกิจมาเร็วและร้ายแรงกว่าที่หลายฝ่ายคิด ขณะที่ระบบโครงสร้างและวัฒนธรรมทางการเมืองกำลังเป็นอุปสรรคและซ้ำเติมให้ปัญหาเลวร้ายลงไปอีก ทำให้ประเทศอยู่ในสภาพที่ไร้อนาคต การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกคำสั่งห้ามธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินปันผลและห้ามซื้อหุ้นคืน สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจต่างๆกำลังประสบความเสียหายเกิดหนี้เสียจำนวนมากและคงคาดการณ์ด้วยว่าจากนี้ไปจะเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกมาก ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงว่าการออกคำสั่งนี้เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนสูงของสถานการณ์โควิด -19
อย่างไรก็ตาม จริงๆแล้วการออกคำสั่งนี้กำลังสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงที่มีผลต่อประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วหน้ากัน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศชัยชนะในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยดูแต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ไม่ได้ดูความเสียหายในด้านอื่นๆโดยเฉพาะเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
“ที่ผ่านมาการใช้มาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มเกินไปโดยไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของการแพร่ระบาด ไม่เตรียมการดูแลผลกระทบจาการใช้มาตรการ และไม่คิดช่วยประคับประคองธุรกิจให้สามารถจ้างงานหรือรักษากิจการไว้ไม่ให้ล้มไป ประกอบกับการเยียวยาที่ล่าช้า ทำให้เกิดความเสียหายกว่าที่จำเป็น สิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้พูดถึงแต่เป็นที่รู้กันทั่วไปอยู่แล้วก็คือระบบเศรษฐกิจของไทยปรับตัวช้า เศรษฐกิจไทยพึ่งเศรษฐกิจโลกมาก การส่งออกและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบรุนแรง แม้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆเต็มที่แล้ว ธุรกิจจำนวนมากก็จะไม่สามารถกลับมาประกอบการได้ปัญหาหนี้เสียจึงจะรุนแรงยิ่งขึ้นและเศรษฐกิจจะถดถอยและเกิดความเสียหายรุนแรงกว่าทุกวันนี้อีกมาก วิกฤตที่ใหญ่หลวงนี้ต้องการการร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อจะได้ใช้ความรู้ประสบการณ์และความคิดเห็นมาทำให้เกิดนโยบายมาตรการและการวางแผนที่สามารถนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤตได้” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดนายกฯได้ออกมาพูดถึงความตั้งใจที่จะรับฟังทุกฝ่ายรวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียและจะทำงานในเชิงรุก แต่การออกทีวีพูลในเรื่องสำคัญครั้งนี้กลับไม่ได้รับความสนใจ เพราะแม้จะมีคนร่างมาให้อย่างดี แต่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่านายกฯจะคิดและทำอย่างที่พูด มีการต้องถอดรหัสกันไปต่างๆนานา แต่ส่วนใหญ่ที่ตรงกันคือไม่ทำให้เกิดความหวังหรือความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
สาเหตุที่คำพูดของนายกฯไม่เป็นที่น่าเชื่อถือและจะไม่มีทางเกิดเป็นจริงได้เพราะคำพูดนั้นย้อนแย้งกับสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ทำมาตลอดหลายปีมานี้ การตัดสินใจสั่งการต่างๆทำกันอยู่ในวงจำกัด ไม่เคยรับฟังความเห็นของฝ่ายต่างๆ ยิ่งผู้ที่เห็นต่างด้วยแล้วยิ่งถูกกดถูกห้ามหรือขัดขวางไม่ให้แสดงออก
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ในการรับมือกับโควิด-19 รัฐบาลตามหลังปัญหามาตลอด ไม่เคยใส่ใจรับฟังผู้ที่เดือดร้อนเสียหาย ไม่เคยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ถ้าจะฟังอยู่บ้างก็มีแต่เจ้าสัวไม่กี่รายซึ่งก็มักได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากรัฐมากกว่าผู้อื่น ไม่เคยมีการร่วมกันวางแผนสำหรับอนาคต นายกฯไม่มีความกระตือรือร้นสนใจที่จะฟังควมามเห็นของสภาผู้แทนราษฎรทั้งยังเห็นการวิพากษ์วิจารณ์และการเสนอแนะในสภาเป็นเรื่องน่ารำคาญและเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล นอกจากนั้นการใช้พรก.ฉุกเฉินได้กลายเป็นเครื่องมือปิดปากประชาชนที่ต้องการแสดงความคิดเห็นถึงขั้นที่มีการใช้ไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อจัดการกับผู้ที่เห็นต่าง ไม่ตรงกับข้ออ้างวัตถุประสงค์ของการใช้พรก.ฉุกเฉิน สิ่งที่นายกฯพูดทั้ง 3 ข้อจึงเป็นเรื่องย้อนแย้งกับความเป็นจริงที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
นายจาตุรนต์ ระบุว่า สภาพที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าดูผิวเผินก็อาจรู้สึกว่าเป็นเพราะบุคลิกความเคยชินส่วนตัวของพลเอกประยุทธ์ แต่ความจริงแล้ว สภาพเช่นนี้เป็นผลมาจากระบบโครงสร้างและวัฒนธรรมการเมืองของประเทศที่เป็นต้นตอ ในขณะที่ประเทศไทยกำลังต้องการการปรับตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องการรวบรวมกำลังสติปัญญาของทุกฝ่าย แต่ระบบโครงสร้างทางการเมืองกลับถูกจำกัดวนเวียนกันอยู่ในกลุ่มที่ยึดโยงกับอำนาจและผลประโยชน์ ส.ว. 250 คน นอกจากมีไว้คอยยกมือให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯและคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯกันแล้ว ก็ไม่เคยทำหน้าที่สะท้อนปัญหาหรือเสนอความเห็นอะไรเลยทั้งๆที่ประเทศอยู่ท่ามกลางวิกฤต พรรคการเมืองส่วนใหญ่ถูกทำให้อ่อนแอ แตกแยก ขณะที่พรรคพลังประชารัฐกำลังเกิดการแก่งแย่งอำนาจครั้งใหญ่ที่จะส่งผลเสียต่อการบริหารประเทศ
“ส่วนวัฒนธรรมทางการเมืองที่นายกฯกับพวกคุ้นเคยคือการสกัดกั้นขัดขวางการแสดงความเห็นที่แตกต่างด้วยการคุกคามและการใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมซึ่งนับวันจะยิ่งสร้างความขัดแย้งให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น เป็นการซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ การ “รวมไทยสร้างชาติ” จึงเป็นเพียงคำพูดลมๆแล้งๆ ที่ไม่มีความหมายใดๆ” นายจาตุรนต์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี