"จตุพร"เตือนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ต้องขีดเส้นใต้ให้ชัด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ พร้อมเผยไม่เชื่อว่าจะมีการนิรโทษกรรม ช่วย"สุเทพ เทือกสุบรรณ"
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2563 ในรายการ "ลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์" นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวอวยพรในวันคล้ายวันเกิดครบรอบอายุ 53 ปี ของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขอให้ผ่านพ้นทุกข์โศกและภัยอันตรายทั้งปวง และได้กลับมาทำหน้าที่ในการที่จะทำสิ่งดีงามให้กับประเทศชาติต่อไป ขอให้มีความสุขกันมากๆ
นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวถึงการแสดงความเห็นกับกระแสข่าวการนิรโทษกรรม ว่า มีคนสอบถามตนมากมาย จากการที่สื่อบางฉบับได้นำเอาไปลงโดยอ้างข้อมูลจากฐานในซีกของผู้มีอำนาจ จนในที่สุดได้รับการปฏิเสธจากโฆษกรัฐบาล และทำให้เกิดความเห็นต่างๆ ขึ้นมากมาย
รวมถึงบางคนก็แสดงความคิดเห็นกันว่าการนิรโทษจะเป็นเหตุให้มีการช่วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งกำลังใกล้จะติดคุกนั้น ตนถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง เพราะคดีของนายสุเทพ ยังคงอีกยาวไกล เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในปี 2556 และ 2557 คาดว่าจะมีการตัดสินจากศาลชั้นต้นคาดว่าอาจจะเป็นต้นปีหน้า ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับโรงพักนั้นยังไปไม่ถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ดังนั้น เพื่อความเข้าใจตรงกันว่า คดีของนายสุเทพนั้นยังห่างไกลในเรื่องคำว่าใกล้คุก เมื่อเทียบกับพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงซึ่งอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่นตนจะไม่เเสดงความเห็นว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมเพราะว่าตนมีความเกี่ยวข้องอยู่ แต่อยากจะเล่าว่าในช่วงกว่า 10 ปีนี้ ไม่มีใครได้รับความทุกข์มากไปกว่าพี่น้องคนเสื้อแดงอีกแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ติดคุกกันทุกฝ่ายเพียงแต่ฝ่ายเสื้อแดงติดคุกกันจำนวนมากและจำนวนปีที่มากกว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องที่ต้องคดีเรื่องเผาศาลากลางจังหวัด ไปตายในคุกก็มี ถูกลงโทษไม่สถานหนัก 33 ปี 4 เดือน ยังอยู่ในเรือนจำอีกหลายจังหวัดเป็นจำนวนมาก รวมถึงคดีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในซีกของประชาชน หรือซีกของแกนนำทั้งที่ถูกคุมขังในคดีพัทยา และคดีอื่นรวมถึงอยู่ระหว่างรอการตัดสินของศาลฎีกาในวันที่ 26 มิถุนายนนี้
ดังนั้น เป็นห้วงเวลาของความยากลำบาก ในช่วงกว่า 10 ปีนี้ หลายคนคิดว่าได้เสร็จสิ้นและจบกันไปแล้ว แต่ความจริงผลพวงของเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นปี 52 และเหตุการณ์ปี 53 ก็ตามเรื่องราวก็ยังไม่จบ ในซีกของฝ่ายประชาชน ยังอยู่ในเรือนจำ ยังอยู่ในช่วงของการพิจารณาคดีอีกจำนวนมาก
แต่เมื่อมีการยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเพราะตลอดระยะกว่า 10 ปีนี้ รวมกระทั่งเมื่อมีสถานการณ์ใดเกิดขึ้นเราก็มักจะได้รับการชวนคุยในเรื่องการปรองดองและความสมานฉันท์ ซึ่งก็เป็นที่ประจักษ์ว่าในส่วนของ นปช.นั้นให้ความร่วมมือมาโดยตลอด ตนพยายามอธิบายกับบรรดาหมู่มิตรว่าไม่ง่ายกับการเปรียบเสมือนที่มีตัวประกันอยู่ในเรือนจำเป็นจำนวนมาก บ้างก็หลบลี้หนีภัยก็เหลืออีกจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์อะไรกันนั้นตนในฐานะคนที่ยืนอยู่ในหัวแถวนั้นตนจะไม่ได้มองความรู้สึกซึ่งหน้าในขณะนั้นๆ เพราะเราผ่านความตายกันมามาก
ขณะเดียวกันก็มองทะลุไปว่า คนที่เหลืออยู่ ซึ่งอยู่ในสภาพหลบลี้หนีภัยนั้นจะมีสภาพอยู่ในสถานการณ์ใด เมื่อมีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ตนก็น้ำลายเหนียว เพราะจะพูดปฏิเสธแบบสุดโต่งก็ไม่ได้ และข้อเท็จจริงเวลาของนายสุเทพก็เหลืออีกนาน เพียงแต่ต้องบอกว่าความจริงว่า ในซีกของประชาชนที่ร่วมในการต่อสู้กันมานั้น อยู่ท่ามกลางความยากลำบากเพราะ ส่วนใหญ่เป็นคนยากจนและเมื่อเจอสถานการณ์เวลาผ่านมากว่า 10 ปีนั้น หลายคนก็บอกว่าเสร็จสิ้นแล้ว แต่ข้อเท็จจริงยังไม่จบสิ้น และแต่ละฝ่ายก็อยู่ในจุดที่ช่วยเหลืออะไรใครไม่ได้ หมายความว่าคนที่ติดคุกนั้นก็อยู่ท่ามกลางความยากลำบาก
ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งต้องยอมรับว่า กว่า 10 ปีนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งได้เปลี่ยนแปลงกันไปมาก ซึ่งดูได้จากความรู้สึกของประชาชนเพราะในช่วงที่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง หลายคนก็ไปในบางที่ไม่ได้ และบางฝ่ายก็ไปบางที่ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่าย เหลือง แดง สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ทุกพื้นที่
พร้อมยกประวัติศาสตร์ในสมัยที่มีความขัดแย้งในเรื่องของลัทธิ ความเชื่อ จนนำไปสู่การตั้งกองกำลังที่เรียกว่า กองทัพปลดแอกแห่งประเทศไทย กับกองกำลังของรัฐ ก็เป็นเรื่องของความเชื่อ แต่ก่อนปลายทางที่จะมี นโยบาย 66/23 นั้นความรักชาติ ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์ หรือซีกรัฐบาลปลายทางก็ทำให้เห็นว่ายังไงคนไทยก็เป็นคนไทยวันยังค่ำแม้ว่าความเชื่อจะทำให้คนฆ่ากันตายจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม หลายเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้ สภาพเวลาที่ผ่านยาว และสังขารที่ร่วงโรยตามลำดับ รวมถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจำนวนมาก แต่ความเป็นจริงก็รู้จักกันทุกฝ่าย เพราะในแต่ละฝ่ายเคยเป็นฝ่ายเดียวกันมาก่อนในเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ก็รู้จักกันทั้งหมด
ดังนั้น ไม่ว่าวงใดชวนไปคุย ก็มักจะไปแลกเปลี่ยนสนทนา เพราะความเข้าใจว่า เรามีตัวประกันจำนวนมาก แม้อีกฝ่ายจะติดคุกในจำนวนที่ไม่นาน อีกทั้งในซีกของประชาชนจะเห็นได้ว่า มีวิวาทะกันน้อยมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าเราจะมีความคับข้องใจในหลายเรื่องราว แต่สถานการณ์ที่ตนบอกว่าหากใครมายืนบนหัวแถวแบบตนนั้น บางเรื่องอยากจะพูด บางเรื่องอยากแสดงความคิดเห็นแต่พื้นที่มันแคบลงเพราะพวกหลบลี้ภัยก็ไม่รู้ว่าจะโดนวันไหน พวกหนึ่งก็ยังอยู่ในเรือนจำและพวกหนึ่งคดีก็ยังจ่ออยู่
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ตนขอเตือนบรรดาหมู่มิตรและนักเคลื่อนไหวทั้งหลายว่า การขับเคลื่อนทางการเมืองในฐานะคนเคยผ่านทาง จะต้องขีดเส้นใต้ให้ได้ ว่าเอาเฉพาะเรื่องสามัญชนเป็นเรื่องของประชาชนไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดเราสามารถวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะประชาชน แต่ต้องละเว้นและต้องไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจะเป็นจุดที่เปราะบางและจะเกิดเรื่องต่างๆ มากมาย
ดังนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตนอยากส่งเสียงดังๆ ว่าการเคลื่อนไหวการแสดงออกทางการเมืองนั้นต้องเป็นเรื่องของประชาชนกับประชาชน ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
หากการเคลื่อนไหวในลักษณะอย่างนี้ในส่วนเฉพาะประชาชนเราจะมีภูมิต้านทาน แต่หากไม่รู้จักการขีดเส้น ท้ายที่สุดนำไปสู่ความพ่ายแพ้และหายนะซึ่งตนก็ไม่ต้องอธิบายว่าอะไรจะเกิดขึ้นเพียงแต่มุมมอง ณ ขณะนี้เราต้องระมัดระวัง เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือองคาพยพคือประชาชนที่ได้ร่วมทางในการต่อสู้ ดังนั้นในฐานะคนผ่านทางขอเตือนด้วยความห่วงใย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี