‘บิ๊กตู่’ยันจำเป็นใช้สู้โควิด
เล็งต่อพรก.ฉุกเฉิน
ย้ำยังไม่ปลดล็อก100%
กิจการเสี่ยงสูงระบาดซ้ำ
ครม.ไฟเขียวหยุด4-7ก.ค.
ยังไม่เคาะชดเชยสงกรานต์
“ศบค.”พบผู้ป่วยโควิด-19 ใหม่ 5 ราย กลับจากอียิปต์-กาตาร์ อยู่ในสถานกักกันของรัฐ นายกฯชี้สถานการณ์โควิด-19 ระบาดยังไม่จบ แม้ติดเชื้อในประเทศเป็นศูนย์ต่อเนื่อง 29 วันแล้ว ย้ำพ.ร.ก.ฉุกเฉินยังจำเป็น ปัดใช้กฎหมายกดดันใครอย่าโยงเป็นการเมือง เห็นใจผู้ประกอบการที่ยื่นขอคลายล็อก แต่ต้องคุมเข้มต่อเนื่อง ปล่อย 100%ไม่ได้ โอกาสระบาดระลอก2ยังมี ยกเคสตปท.ที่เปิดปท.-ผ่อนกิจการเสี่ยง เป็นตัวอย่าง สมช.นัดถกต่อไม่ต่อพรก.ฉุกเฉิน25มิย.ขณะที่ครม.ไฟเขียววันหยุดสำคัญทางพุทธศาสนายาว4วัน4-7กค. ส่วนหยุดชดเชยสงกรานต์ยังไม่เคาะ เผยนายกฯให้ดูตัวเลขกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 โรนา 2019 รวมถึงมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมกิจการเพิ่มเติม
ป่วยใหม่5รายกลับจากอียิปต์-กาตาร์
พญ.พรรณประภากล่าวว่า ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 5 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้ยอดป่วยสะสมอยู่ที่ 3,156 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย และอยู่ในสถานกักกันโรคของรัฐ (State Quarantine) 219 ราย ไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม และเสียชีวิตสะสมที่ 58 ราย ผู้ป่วยรักษาหายสะสมที่ 3,023 ราย อยู่ในการรักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) 75 ราย ในจำนวนผู้ป่วยสะสมพบในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และนนทบุรี 1,757 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคกลาง 449 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 111 ราย ภาคใต้ 744 ราย โดยผู้ป่วยอายุน้อยสุด 1 เดือน อายุมากสุด 97 ปี โดยเฉลี่ยคืออายุ 39 ปี ทั้งนี้ การติดเชื้อในประเทศเป็นศูนย์ต่อเนื่อง 29 วันแล้ว
สำหรับผู้ป่วย 5 รายใหม่วันนี้ เป็นคนไทยที่กลับมาจากอียิปต์ 2 ราย รายที่ 1 เพศชาย อายุ 31 ปี อาชีพนักศึกษา จากเมืองไคโร และ รายที่ 2 เพศหญิง อายุ 22 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน เข้าพักที่ State Quarantine จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ไม่พบเชื้อ ครั้งที่สอง วันที่ 20 มิถุนายน (วันที่ 11 ของการเข้าพักฯ) ผลพบเชื้อ โดยทุกรายไม่มีอาการ อีก 3 ราย กลับจากประเทศกาตาร์ เป็น ผู้ป่วยรายที่ 3 เพศหญิง อายุ 31 ปี รายที่ 4 เพศชาย อายุ 22 ปี อาชีพพนักงานนวดสปา และ รายที่ 5 เพศชาย อายุ 52 ปี อาชีพพนักงานขับรถเครน กลับจากเมืองโดฮา เดินทางถึงไทยวันที่ 16 มิถุนายน เข้าพักที่ State Quarantine จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 21 มิถุนายน (วันที่ 5 ของการเข้าพักฯ) ผลพบเชื้อ ทุกรายไม่มีอาการ
ดูตปท.คลายล็อคเปิดปท.ระบาดซ้ำ
ด้านพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า อยากให้ประชาชนติดตามสถานการณ์นอกประเทศด้วย ที่บอกไม่มีติดเชื้อภายในประเทศเป็นศูนย์มา 28-29 วัน แต่เรายังพบผู้ติดเชื้อในสถานกักกันของรัฐที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ มันควรเลิกได้ทั้งหมดหรือไม่ ต้องดูต่างประเทศด้วยเป็นอย่างไร เพราะเชื้อโรคเหล่านี้บางครั้งยังไม่แสดงอาการ ส่วนใหญ่ที่ตรวจพบเชื้อจะพบระยะฝักตัวเกือบจะวันที่ 14 ฉะนั้น วันนี้ต้องตรวจสอบกันต่อไปด้วยความเข้มงวด ไม่อย่างนั้นจะกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งคงลำบาก เพราะหลายประเทศมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ทั้งโลกมีติดเชื้อจะ 9 ล้านคนแล้ว หลายประเทศหายไปแล้ว กลับมาระบาดใหม่ เพราะเกิดจากการเปิดประเทศ เกิดจากการเปิดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง
กลับมารอบ2มีสูงปล่อย100%ไม่ได้
นายกฯกล่าวต่อว่า ดังนั้น ถ้าเราอยากทำงานให้มีอาชีพ มีรายได้ ต้องป้องกันตัวเอง สถานประกอบการที่ขอมา ตนเห็นใจ แต่ท่านต้องมีมาตรการของท่านเอง นอกจากมาตรการรัฐด้วย อาจจะไม่เหมือนเดิมนี่คือ New Normal การแสดงดนตรีอาจต้องมีที่กั้น ยังปล่อย 100%ไม่ได้ เพราะโอกาสกลับมาระบาดใหม่ยังมีอยู่ ในส่วนการท่องเที่ยวก็พิจารณากันอยู่ พิจารณาท่องเที่ยวในประเทศก่อน แต่จะให้ต่างประเทศเข้ามาต้องพิจารณาความเหมาะสมในห้วงเวลา แต่เราก็ต้องหาวิธีการที่เหมาะสม
เน้นเหลื่อมเวลาทำงาน-เวลาเรียน
ทั้งนี้ การทำงานที่บ้านตอนนี้น่าจะลดลง เพราะสถานการณ์ดีขึ้น แต่สิ่งที่ตนเน้นย้ำคือ การเหลื่อมเวลา การทำงานทั้งภาครัฐ เอกชน สังคม ถ้าทำได้ก็ช่วยแก้ปัญหาจราจรได้ ซึ่งสัมพันธ์กับเรื่องเหลื่อมเวลาเรียนของเด็ก นอกจากผู้ปกครองที่มีลูกหลานต้องไปส่งที่โรงเรียน หากเหลื่อมเวลาการทำงาน คนส่วนนี้จะสบายใจขึ้น ซึ่งตนได้ให้แนวทางให้โรงเรียนเปิดเหลื่อมเวลาระหว่างชั้นเรียน มีการเรียนการสอนที่น้อยลง นี่ก็คือ New Normal
ชี้โควิดยังไม่จบพรก.ฉุกเฉินจำเป็น
ส่วนกรณีจะต่ออายุ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่นั้น นายกฯกล่าวว่า อยู่ระหว่างพิจารณา มีความจำเป็นก็ต้องใช้ และยอมรับว่าขณะนี้ยังจำเป็น ที่ปลอดภัยจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 อยู่ตอนนี้ เพราะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่จะผ่อนคลายให้มากที่สุด เพราะเป็นการใช้กฎหมายเชิงบูรณาการ ซึ่งจากการหารือจากคณะทำงานทุกฝ่ายทุกคนก็เห็นชอบในทุกๆเรื่อง อีกทั้ง การจะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ ไม่ใช่นายกฯเพียงคนเดียว ต้องหารือร่วมกันทุกคณะ และขอให้คิดย้อนกลับไปว่าถ้าไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีมาตรการต่างๆ จะมาถึงวันนี้หรือไม่ อีกทั้งสถานการณ์ระบาดของโคโรนาไวรัสก็ยังไม่จบ จะทำอย่างไร
ปัดใช้กม.กดดันอย่าดึงโยงการเมือง
“ผมไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายมากดดันใครเลย หลายคนจ้องเป็นเรื่องการเมืองเรื่องเดียว ทั้งที่มันคนละเรื่องกันหมด ทำไมต้องมาจ้องกันตรงนี้ ต้องมาเคลื่อนไหวอะไรตอนนี้ บ้านเมืองมีปัญหา การค้า การลงทุน เศรษฐกิจก็มีปัญหา มันใช่เวลาไหมนะ ลองคิดตรงนี้ นี่คือรวมไทยสร้างชาติ”นายกฯกล่าว และว่าการรวมไทยสร้างชาติ หมายถึงคนทุกกลุ่ม แต่กลุ่มไหนที่ทำผิดกฎหมายก็ไปว่ากันทางคดีความให้จบ ตนเองไม่ได้รังเกียจหรือเป็นศัตรูกับใคร ขอว่าอย่าจุดประเด็นที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง พร้อมย้ำว่าประชาธิปไตยต้องมีกฎหมาย เพื่อความเท่าเทียมของทุกคน เลือกลงโทษใครไม่ได้
สมช.ถกต่อ-เลิกพรก.ฉุกเฉิน25มิย.
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาขยายประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดวันที่ 30 มิถุนายนว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีการพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ เพราะถ้าไม่ต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ไม่จำเป็นต้องนำเข้าครม. ดังนั้น เมื่อถึงกำหนดเวลาถ้าไม่ต่อก็หมดอายุไปโดยปริยาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะประชุมพิจารณาว่าจะต่อการขยายเวลาประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ รวมถึงพิจารณาใช้กฎหมายอื่นมาแทนในเวลา 13.00 น. วันที่ 25 มิถุนายน
ไฟเขียวหยุด4วันสำคัญพุทธศาสนา
ขณะที่นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.มีมติให้หยุดชดเชยช่วงวันสำคัญทางพุทธศาสนายาว 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-7 กรกฎาคม ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เพราะเห็นว่าวันที่ 4 กรกฎาคม ตรงกับกันอาสาฬหบูชา และวันที่ 5 กรกฎาคมตรงกับวันเข้าพรรษา จึงให้มีวันหยุชดเชยทั้ง 2 วันสำคัญ รวมเป็น 4 วันดังกล่าว และเลื่อนประชุมครม. เป็นวันที่ 8 กรกฎาคม ส่วนการประชุมครม.ที่เดิมจะมีขึ้นวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ จะเลื่อนเป็นวันที่ 29 กรกฎาคมแทน
ยังไม่เคาะหยุดชดเชยสงกรานต์
“สรุปว่ายังไม่ได้ใช้โควตาเลื่อนวันหยุดสงกรานต์มา 3 วันยังคงมีอยู่เช่นเดิม จะไปพิจารณาเพิ่มเติมในเดือนอื่น อาจเป็นเดือนสิงหาคมหรือกันยายน โดยให้หยุดต่อเนื่องกับวันหยุดอื่น เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และหมุนเวียนรายได้ และนายกฯจะรอดูผลประเมินสถานการณ์โควิด-19 ก่อน และจะให้พิจารณาโครงการฟื้นฟูก่อน โดยนายกฯให้แนวทางพิจารณาวันหยุดเพิ่มเติม โดยให้คำนึงถึงโครงการฟื้นฟู และพัฒนาที่จะใช้งบประมาณ 400,000 ล้านบาทด้วย เพื่อให้เป็นปัจจัยหนุนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก” นายอิทธิพล กล่าว
ประเมินตัวเลขกระตุ้นศก.วันหยุด
และว่า นายกฯ ยังมอบหมายให้ทุกกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงการคลังและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คอยติดตาม ประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นช่วงวันหยุดยาว 4 วันนี้ แล้วให้รายงานกลับมาให้ที่ประชุม ครม.ทราบด้วย แล้วเมื่อผ่านร่างพ.ร.บงบประมาณฯ 2564 แล้ว จะให้คณะกรรมการกลั่นกรองรายงานผลงบประมาณฯ 400,000 ล้านบาทรอบแรก ให้ที่ประชุม ครม. ทราบ ในสัปดาห์แรก หลังช่วงวันหยุดยาว 4 วันดังกล่าว
เดินหน้าครม.นิวนอร์มอล
อย่างไรก็ตาม จากนี้ทุกกระทรวงจะรายงานผลปฏิบัติการให้ครม.ทราบ รวมถึงแถลงข่าวให้ประชาชนรับทราบด้วยตามมาตรการ ครม.นิวนอมอล ที่นายฯให้นโยบายไว้ ส่วนเรื่องเปิดรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มต่างๆ นายกฯเน้นให้แต่ละกระทรวงใช้แนวทางบริหารงานแบบสาธารณชนมีส่วนร่วมเข้ามาใช้ในการทำงานราชการ เพราะถือว่าก้าวสู่ปีที่ 2 ของการทำงานของรัฐบาลชุดนี้
‘หมอหนู’ยันวัคซีนคืบหน้า
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขเปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนไวรัสโควิด-19 ของประเทศไทยว่า คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนภาคเอกชนกำลังค้นคว้าวิจัย ซึ่งขณะนี้ผลทดลองกับสัตว์เป็นที่น่าพอใจ และต้องพัฒนาต่อไปเพื่อฉีดในสัตว์ที่ใหญ่ขึ้น จากนี้จะพบกับคณบดีแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์ฯและสถาบันวัคซีน เพื่อจัดงบประมาณไปสนับสนุนการทดลองวัคซีนของสถาบันการแพทย์ในประเทศไทย เราจะเร่งให้เกิดผลเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม การผลิตให้ทันสถานการณ์ไม่สำคัญเท่ากับการผลิตให้ปลอดภัย เพราะเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่เราไม่สามารถก้าวล่วงได้ เรามีหน้าที่สนับสนุนผลิตวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ
เร่งร่างกติกาจับคู่ปท.ท่องเที่ยว
ความคืบหน้าแผนการจับคู่ประเทศท่องเที่ยว หรือทราเวล บับเบิ้ลนั้น นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขหารือกับสถานทูตหลายประเทศ โดยเริ่มร่าง กรอบ กติกา และเงื่อนไขที่หลายประเทศจะยอมรับ ทั้งนี้ ทราเวลบับเบิ้ลเป็นการจับคู่ท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ไม่ใช่เปิดกว้าง โดยจะเลือกประเทศที่มีความสามารถควบคุมบริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีในระดับที่เรารับได้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยหรือไม่มีเลย หรือประเทศที่มีธุรกิจเร่งด่วนที่ต้องเข้ามาดำเนินการในประเทศไทย โดยจะจำแนกประเทศเป็นกลุ่มๆเอาไว้ก่อน ซึ่งวิธีการคือ ต้องต่างตอบแทนกัน เช่นเราใช้กฎนี้กับเขา เขาก็ต้องยอมรับกฎนี้กับเราในตอนที่เราเดินทางไปประเทศเขาด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคัดกรองผู้ที่จะเดินทางมาประเทศเราเป็นอย่างไร เขาต้องยอมรับกฎระเบียบต่างๆของเรา ทั้งนี้ ต้องดูมาตรการแต่ละประเทศ ดูรายละเอียดเรื่องการระบาด หากเป็นการระบาดภายในประเทศนั้น คงคุยกันลำบาก แต่หากเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศและพบในสถานกักกันก็ไม่เป็นไร เราเน้นที่ความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งในข้อตกลงเอ็มโอยูต้องเขียนชัดเจนเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่พึ่งประสงค์สามารถแก้ไขกติกาได้ เมื่อสธ.รวบรวมเงื่อนไขต่างๆแล้วจะส่งต่อเข้าที่ประชุม ศบค.วันที่ 26 มิถุนายน ซึ่งยังไม่ต้องกังวล เพราะเราเลือกคนที่จะเข้ามาแบบจำเพาะเจาะจงกลุ่ม ยังไม่ใช่นักท่องเที่ยวแน่นอน
เมื่อถามว่าขณะนี้ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศติดต่อ 29 วันแล้ว มีแนวโร้มยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุมศบค. ที่ต้องหารือร่วมกับฝ่ายความมั่นคง กระทรวงสาธารณสุขจะไปชี้นำก็ไม่ดี เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของศบค. ที่มีนายกฯเป็นผอ. เรามีหน้าที่เพียงนำเสนอข้อมูลและต้องรับฟังความเห็นจากส่วนงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี