เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงผลประชุมของ ศบค.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุมได้พิจารณามาตรการผ่อนคลายการเข้ามาในราชอาณาจักร โดยกระทรวงการต่างประเทศเสนอการขยายกลุ่มชาวต่างชาติที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทย 6 กลุ่ม คือ 1.คู่สมรสและบุตร ผู้ที่ได้รับอนุญาตทำงานในราชอาณาจักร 2.ผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร 3.คู่สมรสต่างชาติและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้มีสัญชาติไทย 4. ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีความจำเป็นต้องเข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทยและมีผู้ติดตาม 5.นักเรียน นักศึกษาต่างชาติ และผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว และ 6. ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษกับประเทศเป้าหมาย ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักธุรกิจและมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค
"โควตาที่กำหนดต้องสอดคล้องกับสถานที่พักที่รัฐกำหนด (ASQ) อาจกำหนดจำนวนเกิน 200 คนต่อวัน โดยประเทศเป้าหมาย คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง และสิงค์โปร ซึ่งจะพิจารณาผู้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และการจัดทำข้อตกลงดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ผู้เดินทางมาแบบธรรมดา ซึ่งอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน จะต้องอยู่ในสถานที่ที่รัฐกำหนด 14 วัน และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และกลุ่มที่ 2 คือ ผู้เดินทางมาแบบเร่งด่วน กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มนักธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของไทย เดินทางมาระยะสั้นต่ำกว่า 14 วัน "นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
และว่า ที่ประชุมยังพิจารณาหลักเกณฑ์ในการรองรับการเดินทางแขกของรัฐบาล ต้องมาเป็นคณะเล็ก ไม่เกิน 10 คน เดินเป็นระยะสั้น ตรวจเชื้อโควิดก่อนเดินทางและมาถึงไทย ให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพเชิญแขกระดับสูงจัดเจ้าหน้าที่ประจำคณะ และต้องมีสาธารณสุขและฝ่ายความมั่นคงติดตามประจำคณะ
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยยังได้เสนอเปิดด่านเพิ่ม 9 จุดทั่วประเทศ จากเดิมเปิดอยู่แล้ว 28 แห่งใน 22 จังหวัด และที่ผ่านมามีการเผยแพร่ข่าวในโซเชียลมีเดียว่ามีการลักลอบผ่านแดนทางช่องทางธรรมชาติ ซึ่งผอ.ศบค.สั่งการให้ตรวจสอบ ซึ่งในที่ปนระชุมศบค.ชุดเล็กมีการรายงานตัวเลขการลักลอบผ่านแดนช่องทางธรรมชาติทั่วประเทศ เฉพาะเดือนมิ.ย. มี 2,498 คน ประเด็นนี้จึงไม่อาจวางใจได้ จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนสอดส่องดูแลให้มั่นใจว่าไม่มีผู้ที่ติดเชื้อเข้ามา ขณะที่กระทรวงคมนาคมยกเว้นข้อกำหนดการเว้นที่นั่งระหว่างบุคคลบนรถโดยสารสาธารณะ แต่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และความหนาแน่นผู้โดยต้องไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี