เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ว่า ตอนนี้ทุกฝ่ายเริ่มถามหายุทธศาสตร์การใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาท หรือเงินงบประมาณที่โอนมาจากงบปี 2563 ของรัฐบาล ว่าจะจัดลำดับความสำคัญและมุ่งเน้นการแก้ปัญหาก่อนหลังอย่างไร เช่น การฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายในประเทศ การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME การช่วยเหลือคนตกงาน หรือถ้าต้องทำพร้อมๆกันทุกเรื่องจะจัดน้ำหนักของงบประมาณให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่เคยมีการชี้แจงอย่างเป็นรูปธรรมเลย การที่รัฐบาลให้แต่ละหน่วยงานเสนอโครงการเข้าไปแบบต่างคนต่างทำ โดยมองไม่เห็นยุทธศาสตร์ภาพรวม ต้องถือว่าเสี่ยงกับการอนุมัติใช้จ่ายงบประมาณแบบไร้ประสิทธิภาพ สุดท้ายการใช้เงินกู้จำนวนมหาศาลเหล่านี้ อาจลงเอยด้วยการไม่ตอบโจทย์การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประเทศอาจประสบสภาวะชะงักงัน เพราะไม่สามารถใช้เงินก้อนสุดท้ายในการสตาร์ทเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ที่จะเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสก็คือ กลุ่มที่เปราะบางทางด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ กลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ หรือประชาชนที่ยังตกงานอยู่เกือบ 10 ล้านคน ในขณะนี้
โดยเฉพาะงบ 4 แสนล้านบาท ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง ที่มีกระแสข่าวว่า มีรายการประเภท "คุณขอมา" เป็นจำนวนมาก หรือมีการนำโครงการเก่ามาปัดฝุ่นและเสนอเข้าไปใหม่โดยการตั้งชื่อโครงการให้สอดคล้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด หรือสอดไส้โครงการที่สามารถใช้งบประมาณปกติดำเนินการได้ โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่ได้กำหนดทิศทาง แผนงาน หรือมาตรการการใช้งบประมาณที่ชัดเจนให้ทราบเลย
"สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จะครบ 3 เดือน ของการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท แต่ยังมีบางอาชีพที่ยังไม่สามารถกลับไปทำมาหากินได้ตามปกติ ส่วนที่ได้รับการปลดล็อกแล้ว ก็ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะไปรอดหรือไม่ เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงล็อกดาวน์ธุรกิจ ส่วนรัฐบาลก็มัวยุ่งกับปัญหาภายในของตัวเอง ทีมเศรษฐกิจก็ขาดเอกภาพเพราะไม่รู้จะฟังใครดี ที่ผ่านมาจึงแก้ปัญหาแบบสะเปะสะปะ ไร้ยุทธศาสตร์" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้คนตกงานหลายล้านคน กำลังรอฟังความชัดเจนจากรัฐบาลว่า จะมีนโยบายหรือมาตรการใดออกมาฟื้นฟูเยียวยาพวกเขาอีก หลังจากได้รับเงินช่วยเหลือครบ 3 เดือนแล้ว จากนี้ไป คนตกงานจะทำมาหากินอย่างไรต่อไป โรงงานที่ปิดตัวไปแล้ว จะมีโอกาสกลับมาเปิดอีกหรือไม่ หรือการจะไปกู้ยืมเงินมาลงทุนในกิจการ SME ก็มีแต่แคมเปญสวยหรูแต่ปฏิบัติไม่ได้จริง อยากถามว่ารัฐบาลได้ลงไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้บ้างหรือไม่
"การที่รัฐบาลขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อแล้ว แสดงว่ารัฐบาลไม่สนใจเสียงเรียกร้องเรื่องปากท้องของประชาชน เสียงของคนตกงานเกือบ 10 ล้านคน มันเบาไปหรืออย่างไรจึงไม่ยอมยกเลิก ตราบใดที่ยังบังคับใช้กฎหมายพิเศษอยู่แบบนี้ ไม่มีวันที่นักลงทุนจะเชื่อมั่น ดังนั้น จะไม่มีการจ้างงานใหม่ คนก็จะตกงานมากมายอยู่เหมือนเดิม การที่รัฐบาลยังเดินหน้าใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อ แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ เลือกความมั่นคงของรัฐบาล มากกว่าการแก้ไขความเดือดร้อนให้กับประชาชน" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี