"นายกฯ-รมช.กลาโหม"แจงงบฯ ยันเป็นไปตามขั้นตอน จำเป็นต้องจัดซื้อยุทโธปกรณ์ รับภัยคุกคามรูปแบบใหม่-ดูแลกำลังพลชายแดน
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อภิปรายชี้แจงงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหม ว่า การผูกพันงบประมาณข้ามปี ได้ตรวจสอบกับสำนักงบประมาณ เป็นไปตามขั้นตอนหลักเกณฑ์ทุกประการ สำหรับงบฯผูกพันข้ามปีที่สะสมกันมา เนื่องจากการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ต่างๆ ต้องใช้เวลาในการผลิต การผ่อนชำระ และมีราคาแพง วันนี้เราจำเป็นต้องปรับยุทโธปกรณ์ ส่วนที่มองว่าเรามียุทธโธปกรณ์เพียงพอหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนการซื้อยุทโธปกรณ์ใหม่เลย ปัจจุบันมียุทโธปกรณ์เก่าประมาณ 70 - 80 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นส่วนที่จัดหาทดแทน ก็เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียงบฯซ่อมบำรุง เพราะเรายังมีภารกิจการป้องกันตามแนวชายแดน อาจเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ แต่เราจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมไว้
"ข้อสำคัญคือวันนี้เทคโนโลยีต่างๆมันก้าวไกล เพราะฉะนั้นยุทโธปกรณ์ที่ไม่ทันสมัย อาจจะเป็นปัญหากับเราต่อไปในอนาคต แต่การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ไม่ใช่สั่งวันนี้ แล้วเดือนหน้าจะได้ เพราะต้องไปประกอบการผลิตใหม่ขึ้นมา ไม่ได้สร้างมารองรับแบบขายหน้าร้าน ขอให้เข้าใจด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนการบรรจุข้าราชการทหารในปัจจุบัน ยืนยันว่าเป็นเพียง1ใน3เท่านั้น ในหลักการที่ควรจะต้องมี เพราะเราเห็นถึงความสำคัญ และการขาดแคลนงบฯของประเทศไปด้วย ขณะที่การใช้กำลังพลไปประจำอยู่ตามชายแดน มีจำนวนหลายหมื่นคนในแต่ละวัน ทำให้การแก้ปัญหาตามแนวชายแดนสามารถยุติความรุนแรง หรือภัยคุกคามรูปแบบต่างๆลงไปได้มากพอสมควร นอกจากนี้ยังต้องมีการร่วมมือด้านความมั่นคง คบค้าสมาคมกับอนุภูมิภาค ภูมิภาค และระดับโลก รวมไปถึงการสนับสนุนภารกิจขององค์การสหประชาชาติ วันนี้อยากฝากทุกคนช่วยกันดูแลด้วยว่าสถานการณ์ความขัดแย้งบนโลกเกิดขึ้นที่ไหน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเข้าใจความห่วงใยของสมาชิกทุกคน ตนจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพียงแต่ขอความเข้าใจกันบ้าง หลายๆคนลูกหลานก็เป็นทหารทั้งสิ้น ก็คงต้องห่วงใย ถ้าหากไม่มียุทโธปกรณ์ที่ป้องกันตัวเองได้ ในขณะที่อาวุธต่างๆ มีความร้ายแรงมากขึ้น ลูกหลานอาจเกิดการสูญเสียได้
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม อภิปรายชี้แจงในราบละเอียดว่า บทบาทหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงทางด้านกองทัพนั้น มีภารกิจหลัก 2 ประการ คือการเตรียมกำลังกองทัพ และการใช้กำลังกองทัพ สำหรับการเตรียมกองทัพต้องทำให้พร้อมในยามปกติ ทั้งในกำลังพลศึกษา และกำลังพลความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์ที่จะต้องเพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจ
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวต่อว่า สำหรับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ทางกระทรวงกลาโหมและกองทัพทราบดีว่าในปัจจุบันและอนาคต ภัยคุกคามที่เกิดขึ้น นอกจากภัยคุกคามแบบดั้งเดิมคือใช้กำลังในการคุกคามแล้ว ยังมีภัยยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ การหลบหนีเข้าเมือง และภัยพิบัติต่างๆ กองทัพก็ได้เข้าไปช่วยเหลือดูแล รวมทั้งภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น โรคติดต่อ covid-19 กองทัพได้ปรับหน่วยแพทย์ มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม สนับสนุนระบบสาธารณสุข และปัจจุบันกระทรวงรับผิดชอบร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำ state quarantine เพื่คัดกรองคนไทยในต่างประเทศที่กำลังมา
"เป็นที่ทราบดีว่าประเทศไทยอยู่ในประเทศที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาในความไม่ชัดเจนทั้งทางบกและทางทะเล จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดเตรียมกำลังส่วนหนึ่งเพื่อปกป้องผลประโยชน์สำคัญของชาติ มีความจำเป็นที่กองทัพต้องเตรียมกำลังในลักษณะที่จะต้องพร้อมและคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สามารถแก้ไขวิกฤตการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าเราไม่มีกำลังที่พร้อมเราก็ไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์และอาจเพลี่ยงพล้ำในการดำเนินการได้ การดำเนินการทั้งหมดทางกระทรวงและกองทัพเข้าใจดีในข้อจำกัดด้านงบประมาณ ในการจัดเตรียมกำลังนั้นกองทัพได้จัดลำดับตามความจำเป็นเร่งด่วน ให้รับสถานการณ์ได้ระดับหนึ่งเท่านั้น คร่าวๆประมาณ 1 ใน 3 ของกำลังเท่าที่มีอยู่ เรื่องยุทโธปกรณ์ก็ใช้วิธีการซ่อมบำรุงลำดับแรกงบประมาณส่วนใหญ่ก็ใช้สำหรับการปรับปรุง เพราะยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่กองทัพมีอยู่นั้น ถ้าไปดูในรายละเอียดแม้จะมีจำนวนมากก็ตาม แต่อายุการใช้งานเก่า 30 ปีก็มี อากาศยานบางส่วน 40 - 50 ปี อากาศยานที่ใช้ในการฝึกของกองทัพอากาศก็อายุถึง 40 ปี จึงจำเป็นที่จะต้องมีการจัดหาทดแทน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง" รมช.กลาโหม กล่าว
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวต่อว่า เรื่องจัดซื้อยุทโธปกรณ์มีความจำเป็น เพราะเวลาผลิตจนถึงเวลาส่งมอบใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปีอุปกรณ์บางอย่างใช้เวลา 5 - 6 ปี เพราะต้องเรียนรู้การใช้อุปกรณ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย สำหรับเงินนอกงบประมาณ เรื่องสวัสดิการกองทัพนั้น เกือบทุกประเทศจะมีสวัสดิการของกองทัพ เพื่อดูแลกำลังพลของกองทัพที่ไปปฏิบัติภารกิจใดเข้ามาในสถานพักฟื้นและพักผ่อน ขอยืนยันว่า การดำเนินการต่างๆนั้นกองทัพดำเนินการตามระเบียบสวัสดิการและมีการตรวจสอบ มีการดำเนินการตามที่ระเบียบปฏิบัติ
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวด้วยว่า สำหรับการปฏิรูปกระทรวงกลาโหมนั้น กระทรวงกลาโหมมีแผนปรับโครงสร้างองค์กร กองทัพมีแผนปรับระบบบริหารกองทัพมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง ในอดีตกองทัพก็มีการปรับยุบหน่วยระดับกองพลด้วยซ้ำไปเพื่อปรับโครงสร้างให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะเรื่องกำลังพลปัจจุบันกระทรวงพยายามปรับระบบกําลังพล โดยจะรับกำลังพลสำรองเข้ามาทำงานในยามปกติ ส่วนนี้จะทำให้งบประมาณด้านกำลังพลลดลงแทนที่จะเริ่มบรรจุตั้งแต่เริ่มจนเกษียณและรับบำนาญ เราก็จะรับบุคคลที่มีความสามารถที่เป็นกำลังสำรองเข้ามาทำงานตามปกติ เมื่อทำแล้วถ้าปฏิบัติได้ดีก็รับสมัครหรือให้เขาสอบคัดเลือกเข้ามาทำงานส่วนหนึ่ง เมื่อเขาพ้นไปแล้วก็จะเป็นกำลังสำรองที่มีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นที่จะต้องบรรจุเขาเป็นกำลังประจำการในยามปกติต่อไป ซึ่งก็จะสามารถลดกำลังประจำการไปได้อีกส่วนหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี