เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2564 ในวาระแรก ว่า จากรายละเอียดการวางแผนจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ปี 2564 ว่าได้ตั้งงบประมาณไว้ 3.3 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 2563 จำนวน 100,000 ล้านบาท ประมาณการกู้ขาดดุลงบประมาณไว้ 623,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2563 จำนวน 154,000 ล้านบาท ประมาณการรายรับ ปี 2564 จากการเก็บภาษีทุกประเภท ประมาณ 2,677,000 ล้านบาท คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ GDP64 16,824,800 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน ประเทศเรามีหนี้สาธารณะทั้งหมด 31 พ.ค.2563 ยอด 7,341,810 ล้านบาท ประมาณ 44.01% ต่อ GDP ซึ่งได้รวมเงินจาก พ.ร.ก.ที่กู้มาเยียวยาพี่น้องประชาชนจากวิกฤตโควิด-19 ในบางส่วนแล้ว ในขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศคงเหลือ 7,552,007.61 ล้านบาท
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ถามว่าเพียงพอต่อการแก้วิกฤตโควิด-19 ที่จะอยู่กับประเทศไทยและโลก ไปไม่น้อยกว่า 6 เดือน ถึงสิ้นปี 2564 หรือ จนกว่าจะมีวัคซีนป้องกัน ตอบว่าไม่เพียงพอ แม้ สถานการณ์โควิดภายในประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อแล้วก็ตาม แต่คนไทยในต่างประเทศที่เดินทางกลับมาก็จะติดประมาณ 1% - 3% ต่างประเทศไม่ต้องพูดถึง ติดกว่า 10 ล้านคนแล้ว ซึ่งวิกฤตดังกล่าวได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล ซึ่งจะทวีความรุนแรงขึ้น เหมือน รังสีแกมม่า แค่ยกตัวอย่างยอดขายรถยนต์ในประเทศและต่างประเทศ เมื่อปี 2562 ประมาณ 2 ล้านคัน ปี 2563 ยอดลดลงกว่า 70% แสดงว่ารายรับที่เป็นภาษีหายไปไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท ไม่รวมการท่องเที่ยวที่เคยคาดการว่านักท่องเที่ยวปี 2563 จะมีถึง 40 ล้านคน ตอนนี้หายสนิทไปกว่า 6 เดือน ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวหายไปไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นผลพวงให้ ธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว สายการบิน รถตู้ อื่นๆ พลอยล้มละลายตายไปตามๆกัน แม้จะมี Soft Loan 5 แสนล้านบาท ธนาคารพาณิชย์ก็มีโอกาสหนี้สูญเป็น NPL อาจจะสูญกว่า 2 แสนล้านบาท ไม่รวมหุ้นกู้ที่จะพยุงธุรกิจขนาดใหญ่ วงเงิน 4 แสนล้านบาท ก็มีโอกาสหนี้สูญไม่น้อยกว่า 1.5 แสนล้านบาท อีกทั้งเงินชดเชยเดือนละ 5,000 บาท 3 เดือน ก็หมดเมื่อวานแล้ว จึงทำให้สถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างมาก หลังจากนี้ อัตราการตกงานจะมีสูงถึง 2-8 ล้านคน ในระยะเวลาอันใกล้
"ผมขอชื่นชมจากใจว่าท่านนายกรัฐมนตรีและทีมงานที่มีมาตราการป้องกันโควิด-19 ภายในประเทศอย่างอยู่หมัดเป็นอันดับ 1 ของโลกก็ว่าได้ อีกทั้งการเยียวยาเฉพาะหน้าได้อย่างดีเยี่ยม แต่หลังจากนี้จะเป็นปัญหาที่ยากขึ้นเกี่ยวกับ เศรษฐกิจ ธุรกิจ ปากท้องของพี่น้องประชาชน จะไปไม่ได้หรือไปได้ก็แบบทุลักทุเล ผมจึงอยากแนะนำให้รัฐบาลคิดแก้ปัญหาแบบ NEW NORMAL THINKING ใช้วิกฤตเป็นโอกาส ลำพังการจัดสรรงบประมาณปกติที่รายได้ลดลงไม่เพียงพอ รายรับภาพรวมลดลง ประมาณการหนี้สาธารณะถึงสิ้นปี 2563 น่าจะประมาณถึง 8.2 ล้านล้านบาท หรือมากกว่านั้น"
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น จึงควรหารายได้จากเงินนอกระบบหรือเงินเทาที่มีอยู่แล้ว ปัจจุบันเงินจำนวนนี้มีมหาศาลอยู่กับเจ้าหน้าที่รัฐและประเทศเพื่อนบ้าน ก็คือ การออกกฎหมายเปิดคาสิโนถูกฏหมาย ทั้งเล่นจริง และ ออนไลน์ ทำแบบลาสเวกัส หรือ สิงคโปร์ ให้เล่นเฉพาะคนต่างชาติและคนไทยไม่เกิน 6% รับรองรายได้จากภาษีการพนันนี้ ไม่น้อยกว่าปีละ 1 ล้านล้านบาท นำมาใช้หนี้สาธารณะ รวมทั้งนำเงินดังกล่าวมาช่วยคนตกงาน เหลือก็สร้างสวัสดิการให้ประชาชน ในด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัย พัฒนาระบบสาธารสุข พัฒนาโครงสร้างคมนาคม อีกส่วนที่สำคัญ คือ อยากให้ท่านนายกฯ สร้างประวัติศาสตร์ของท่านและของประเทศไทย ว่าท่านได้ผลักดัน เรื่อง การขุดคลองไทย สร้างเส้นทางเดินเรือโลกใหม่ ในทวีปเอเชีย เพราะไทยคือเมืองหลวงของทวีปเอเชีย เพื่อย่นระยะการเดินทางเดินเรือให้กับการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่สร้างรายได้ในระยะยาวให้กับคนไทยจนชั่วลูกสืบหลาน ให้สำเร็จ การลงทุนเป็นแบบ PPP 2 ล้านล้านบาท ห่วงโซ่ธุรกิจต่อเนื่องอีกกว่า 3 ล้านล้านบาท มีการจ้างงานรายได้สูงไม่น้อยกว่า 2 ล้านอัตรา ในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อสร้างเส้นทางอารยธรรมเชื่อม 2 ฝั่งมหาสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดีย กับ มหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ชาติไทยและของโลกใบนี้ต่อไปในกาลข้างหน้า นี่คือความหวังและความฝันของคนไทย ฝากท่านนายกรัฐมนตรีทำความหวังของคนไทยให้สำเร็จ ผมและเพื่อน ส.ส.พร้อมช่วยงานด้วยความเต็มใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี