เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ไม่เห็นอะไรเลยที่เป็นการกระจายอำนาจตาม พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ เนื่องจากระบบรัฐราชการรวมศูนย์ และรัฐบาลยังไม่มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ขณะเดียวกันการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนทั่วไป 268,824 บาท เป็นงบฝากโอนถึง 145,922 บาท เช่น นมโรงเรียน อสม. เบี้ยคนพิการ เบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งใช้ท้องถิ่นเป็นเพียงทางผ่านไปยังส่วนงานต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถนำมาใช้จ่ายได้ แถมยังต้องไปแจกจ่ายโดยไม่มีค่าดำเนินการ แต่ถูกคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ท้องถิ่นจะได้รับตาม พ.ร.บ.ที่กำหนดว่าต้องได้รับไม่ต่ำกว่า 25% ซึ่งเมื่อดูตามสัดส่วนจริงที่ท้องถิ่นสามารถนำงบประมาณไปใช้ได้กลับมีเพียงราว 24% อีกทั้งสำนักงบประมาณยังประเมินรายได้ของการปกครองส่วนท้องถิ่นพลาดไปประมาณ 10% ทุกปี นั่นหมายความว่ารายรับที่รัฐบาลจะอุดหนุนก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ซึ่งปีนี้จะยิ่งถือเป็นนรกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากการเก็บภาษีที่คาดว่าจะได้น้อยกว่าที่คาดถึง 20% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยรวมของประเทศที่จะลดลงกว่า 95% หรือ 3.4 หมื่นล้านบาท
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม รายรับของท้องถิ่นที่ลดไปจำนวนมาก แต่รัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือในการชดเชยรายได้ของท้องถิ่นที่หายไปแม้แต่บาทเดียว ทำให้ตนเห็นว่าตั้งแต่ปี 2557 เป็นความจงใจที่จะทำให้ท้องถิ่นอ่อนแอ เปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่น ที่สัดส่วนรายได้ส่วนท้องถิ่น 57.8% จากงบของประเทศทั้งหมด ขณะที่ไทยมีเพียง 29.5% ที่รวมงบฝากโอนไปด้วยจึงยังไม่ใช่ตัวเลขจริง ดังนั้นการส่งเสริมประชาธิปไตยจึงไม่เป็นผล เพราะท้องถิ่นถูกทำให้อ่อนแอ เป็นการสืบทอดอำนาจของ คสช.และรัฐราชการรวมศูนย์ ประชาชนจะรู้สึกว่าเลือกผู้บริหารส่วนท้องถิ่นไปแล้วแต่ทำอะไรไม่ได้ ก็เพราะไม่มีงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล อีกทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำจึงยังไม่ถูกแก้ไข หลายจังหวัดที่ยากจน มีรายได้ต่อครัวเรือนน้อย เช่น จ.เชียงราย ที่ยากจน การท่องเที่ยวยังไม่เปิด แถมยังเจอปัญหาไฟป่า แต่กลับได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลน้อยตามไปด้วย อีกทั้งงบประมาณ กองทุนประชารัฐสวัสดิการ 2,647.4 ล้านบาท กลับมาแทรกอยู่ในงบประมาณส่วนท้องถิ่น ทั้งที่อีกมุมหนึ่งคืองบหาเสียง ที่ผิดทั้งหลักการและมารยาท และเคยถูกกรรมาธิการงบประมาณฯ ทักท้วงไปตั้งแต่ปีที่แล้วกลับไม่แก้ไข ขณะเดียวกันปัญหาการบริหารคือ นายก อบจ.หรือ อบต.มาจากประชาชน แต่เวลาจะใช้งบประมาณต้องขออนุญาตผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมาจากการแต่งตั้งของรัฐ และถ้าจะทำโครงการหรือทำถนนก็ต้องไปขออนุญาตกระทรวงคมนาคม เป็นต้น
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน นายกเทศบาลต้องการจ้างครูชาวต่างชาติมาสอนหนังสือนักเรียน แต่กลับถูก สตง.เรียกเงินคือโดยให้เหตุผลว่าโรงเรียนฟรีไม่จำเป็นต้องจ้างครูต่างชาติมาสอนก็ได้ โรงเรียนในจังหวัดพิษณุโลก อากาศร้อน ต้องการจะติดแอร์ให้นักเรียน แต่กลับถูก สตง.เรียกงบประมาณกลับ เพราะให้เหตุผลว่าเป็นโรงเรียนฟรีไม่จำเป็นต้องติดแอร์จะดีกว่า ถ้ารัฐยังเป็นแบบนี้อยู่ท้องถิ่นไม่มีความเจริญ เพราะงบประมาณที่ใส่ไปกับโครงสร้างแบบนี้ ต้องใช้การกระจายอำนาจแก้ปัญหา
นายปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า พรรคก้าวไกลมีข้อเสนอ 5 ข้อ คือ 1.คืนอำนาจให้ประชาชนโดยการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับทันที ถูกพรากไปตั้งแต่รัฐบาลจนถึงตอนนี้ ปลดผู้บริหารท้องถิ่นแล้วตั้งคนของเขาเข้าไป กฎหมายใหม่กำหนดให้ผู้ว่า กทม. และเมืองพัทยา ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งก็ได้ รัฐบาลควรต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน 2.เพิ่มสัดส่วนงบอุดหนุนใหม่ โดยไม่นับงบฝากโอน ชดเชย 3.4 หมื่นล้านที่ล้วงเอาไปจากงบประมาณท้องถิ่น 3.ชดเชยงบประมาณให้ อปท.ในส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 4.ปลดล็อกให้อิสระกับท้องถิ่นในการพิจารณาเงินสะสมของท้องถิ่นเพื่อตอบสนองความต้องการโดยเร่งด่วนของประชาชน และ 5.แก้ไขและผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ให้อำนาจ งบประมาณ และการบริหารบุคคลเป็นของท้องถิ่น นำไปสู่จังหวัดจัดการตนเองได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี