รักษาคนดีคนเก่งไว้ทำงาน
โพลล์หนุนบิ๊กตู่
วางรากฐานของชาติ
ขัดขวางพวกถอนทุน
สภาโหวตผ่านวาระแรก
งบปี’64เงิน3.3ล้านล้าน
สภาผู้แทนราษฎรลงมติรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี’64 วงเงิน 3.3 ล้านล้านฉลุย พร้อม ตั้ง กมธ.วิสามัญฯ 72 คนแปรญัตติต่อไป ขณะที่ “บิ๊กตู่” ยันวางรากฐานพัฒนาประเทศ ซูเปอร์โพลชม พร้อมแนะให้ “บิ๊กตู่” ให้รักษาคนดี คนเก่งไว้ทำงาน และขวางพวกถอนทุน
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำคืนของวันที่ 3 กรกฎาคม ที่รัฐสภาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อการร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 วงเงิน3.3ล้านล้านบาท เป็นวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวสรุปร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี2564ว่าจีดีพีในปีนี้ 2554 การเติบโต 0.8 แล้วไปขึ้นในช่วงนโยบายรถคันแรกและจำนำข้าว แล้วค่อยมาลดลงเป็นปกติ ปี 2556 มาเป็น 2.7และปี 2557 เป็น 1% แต่ตนไม่ได้เป็นคนทำงบประมาณช่วงที่เกิดความขัดแย้ง จนใช้งบประมาณไม่ได้ แล้วตนก็เข้ามาแก้ไขปัญหาตอนนั้น ปี 2558 เป็น 3.1% ปี2559 เป็น 3.4% ปี 2560 เป็น 4.0% ปี 2561 เป็น 4.1% ช่วงนี้มีการลงทุนการเจริญเติบโตในหลายประเทศโดยการมีการลงทุนใน EEC ซึ่งกำลังเดินหน้ามาด้วยดี แต่ไปเจอสงครามการค้าในปี 2562 แล้วเจอก็โควิดปี 2563
นายกฯขอบคุณ สส.จะแก้ปัญหาเต็มที่
นายกฯกล่าวว่าเราต้องยอมรับว่าเป็นสถานการณ์ที่คาดการณ์ไม่ได้ รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ การทำงบประมาณใหม่ ไม่ทราบว่าทำได้หรือไม่ได้ ก็แล้วแต่การใช้งบฟื้นฟูมาบริหารราชการ ปกติไม่น่าจะทำได้ก็ขอให้มาพิจารณากันต่อในชั้นกรรมาธิการ ในนามรัฐบาลขอขอบคุณสมาชิกอันทรงเกียรติที่พิจารณา ตนคิดว่างบประมาณในปี 2564 เป็นการวางรากฐานในการพัฒนาและแก้ปัญหาทุกด้าน ดูแลผู้มีรายได้น้อยเกษตร แหล่งน้ำ ตามงบประมาณที่มีอยู่ให้มากที่สุด เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ทุกส่วน เพื่อยกระดับประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและการทั่วประเทศตลอดจนนโยบายต่างๆมุ่งเน้นการส่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศสร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ เพราะต้องเดินหน้าต่อไปในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ตลอดจนสร้างความสมดุลและยั่งยืนของฐานทรัพยากรธรรมชาติ
“ทั้งนี้ เพื่อให้การพัฒนาประเทศ มีความสมดุลทุกด้าน บรรลุเป้าหมายที่ร่วมกันที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการกระจายผลประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรงทั่วถึงเป็นธรรมตามที่มีอยู่ให้มากที่สุด แล้วก็มุ่งหวังให้การใช้จ่ายของแผ่นดินเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน ส่วนข้อเสนอและข้อติติงต่างๆ ตนรับได้และขอกรรมาธิการวิสามัญนำไปพิจารณาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น”นายกฯกล่าวทิ้งท้าย
มติรับงบฯวาระแรกฉลุย273/200
ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการลงมติ ซึ่งมี ส.ส.ร่วมลงมติ 476 เสียง ปรากฏาส่วนใหญ่ลงมติเห็นชอบรับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ในวาระแรก ด้วยคะแนนเสียง 273 เสียง และเสียงไม่เห็นด้วย 200 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง พร้อมมติตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณฯจำนวน72 คนและกำหนดเวลาแปรญัตติภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯได้แจ้งที่ประชุมว่าคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณฯ จะประชุมนัดแรกในวันพุธที่ 8 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. ก่อนที่ประธานสภาฯสั่งปิดประชุมในเวลา23.43น. ซึ่งในการประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.วาระแรกครั้งนี้ ใช้เวลา 3 วัน ประมาณ 47 ชั่วโมง
ก้าวไกลเสนอธนาธรนั่งกมธ.งบ
ทั้งนี้ ปรากฏว่าหนึ่งใน 6 กมธ.สัดส่วนของพรรคก้าวไกล มีชื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกตัดสินยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือ ร่วมเป็น กมธ.ด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 62 นายธนาธร เคยเป็นกมธ.งบประมาณปี 2563 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ แต่ได้ยื่นหนังสือลาออกเมื่อ 29พ.ย.62อ้างว่าต้องการออกมาทำงานรณรงค์ทางการเมืองกับประชาชน โดยนยังให้เหตุผลการลาออกว่า“ในเมื่อพวกเขาไม่อยากให้ผมทำงานในสภา ผมก็จะออกไปอยู่กับประชาชน”
อัดก้าวไกลขุด’ธนาธร’นั่งกมธ.งบ
ด้าน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกส.ว. กล่าวว่า การเมืองไทยสิ้นไร้นักการเมืองดีๆแล้วหรือ เนื่องจากพรรคก้าวไกลเสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง มาเป็นหนึ่งในคณะกมธ.พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ไม่น่าเชื่อว่าพรรคก้าวไกล ที่ชอบอ้างว่าเป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ มีแนวความคิดใหม่ๆ แต่ไร้ซึ่งจริยธรรม ไม่มีความละอาย ไปเสนอชื่อคนที่มีมลทินทางการเมือง เข้ามาทำงานการเมือง ทำเสมือนการเมืองไทยสิ้นไร้ ไม้ตอก หานักการเมืองดีๆมาทำงานการเมืองไม่ได้แล้ว ต้องไปขุดเอาคนที่มีมลทิน ถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาทำงานการเมืองไม่ละอายทั้งคนที่เสนอชื่อและคนที่ถูกเสนอ แล้วเช่นนี้ จะมาสร้างการเมืองใหม่ได้อย่างไร
ธนาธรเดินหน้าส่งลงยึดท้องถิ่น
ที่อาคารไทยซัมมิทนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ว่า คณะก้าวหน้า จัดกิจกรรมเพื่อซักซ้อมความเข้าใจให้กับผู้สมัครที่จะลงแข่งขันนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิก อบจ.ทั่วประเทศ เบื้องต้นเราส่งประมาณ 18จังหวัด ครั้งนี้เป็นการพบปะกันครั้งแรกของผู้สมัคร
เมื่อพรรคอนาคตถูกยุบพรรคไป วงจรของพรรคอนาคตใหม่ แตกออกเป็นสองส่วน โดยส่วนหนึ่งคือพรรคก้าวไกล มี ส.ส.54 คนที่ยังยึดมั่นและหนักแน่นในอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ก็อยู่กับพรรคก้าวไกล ทำงานการเมืองระดับชาติในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ ก็ไม่หยุดยั้งทำงานการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในนามของคณะก้าวหน้า โดยคณะก้าวหน้าจะทำงานการเมืองระดับท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบจ. เทศบาล อบต. การเมืองท้องถิ่นทุกระดับ
ลั่นชูสานต่อแนวนโยบาย อนค.
นายธนาธรกล่าวว่าคณะก้าวหน้ายืนยันที่จะใช้แนวทางของอดีตพรรคอนาคตใหม่เดิม คือการแข่งขันด้วยอุดมการณ์ ความจริงใจ ความคิดสร้างสรรค์ เอานโยบายใหม่ๆ มาพัฒนาเมือง ท้องถิ่น จังหวัด ยืนยันว่าจะไม่มีการใช้เงินซื้อเสียง เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการคอร์รัปชั่น ถ้าเราใช้เงินในการทำงานการเมืองเมื่อใด เมื่อมีอำนาจก็จะใช้อำนาจนั้นในการถอนทุนคืน ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและทำให้ประชาธิปไตยไม่เข้มแข็ง สิ่งที่เราต้องการคือทำงานการเมืองโดยไม่ใช้เงิน ไม่ใช้อิทธิพล ไม่ใช้เครือข่ายราชการ เราจะทำงานการเมืองแบบที่อนาคตใหม่เคยทำมา คือ การใช้ความคิดเป็นตัวนำ ความสร้างสรรค์และนโยบาย
เปิดกว้างรับลงสู้ทั่วประเทศ
นายธนาธร ยังยอมรับว่า ยังไม่ได้มีแนวคิด ให้ความสำคัญจะส่งผู้สมัครลงแข่งขันผู้ว่าฯกทม. ตอนนี้เรายังอยู่ระดับ นายก อบจ. เทศบาล และ อบต. โดยในส่วนของ อบจ.18 จังหวัด เรายังจะเปิดรับเรื่อยๆ สำหรับทุกคนที่สนใจ ส่วนในระดับเทศบาลและตำบล คงไม่ใช่18 จังหวัด แต่เป็นทั่วประเทศ หากใครที่เบื่อ ทนไม่ไหวที่เห็นบ้านตัวเอง ไม่ได้รับการพัฒนา อยากเปลี่ยนแปลงบ้านเกิดตัวเองให้สวยงามและน่าอยู่มาร่วมกับคณะก้าวหน้า ไม่จำเป็นต้องเป็นตระกูลการเมือง หรือ เป็นคนที่มีชื่อเสียง
ยันพร้อมลุยงานกมธ.งบฯเต็มที่
เมื่อถามว่ามีรายชื่อเป็น กมธ.งบประมาณ ปี 2564 นายธนาธร กล่าวว่ายืนยันว่าการเข้าไปเป็น กมธ.งบประมาณ จะทำงานให้เต็มที่ ให้สมกับที่ได้รับการแต่งตั้งจากสภา เข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณของฝ่ายบริหาร เสนอแนะแนวทางการใช้งบประมาณ ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้ดีที่สุด เพื่อตรวจสอบการทำงานและเสนอแนะการใช้งบประมาณให้มีประโยชน์สูงสุด ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีการลาออกจากการทำหน้าที่เป็น กมธ.งบฯปี63 ต้องบอกว่าในบริบทของปีที่แล้วก็ระหว่างการทำหน้าที่มีการตัดสิทธิตน ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงออกจึงลาออกจาก กมธ.ตอนนั้น
“เวลาเราพูดถึงตัดสิทธิทางการเมือง กรรมการบริหารพรรค เราถูกตัดสิทธิจะลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า สิทธิความเป็นพลเมืองของเราจะถูกตัดออกไป ดังนั้นการเป็นกรรมาธิการงบประมาณ การทำงานการเมืองท้องถิ่น เป็นสิทธิไม่มีกฎหมายข้อใดห้าม”นายธนากร ย้ำ
ซูเปอร์โพลชม รบ.แก้ปัญหาได้ดี
วันเดียวกัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL)เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่องทำบุญสวดมนต์ให้กำลังใจบิ๊กตู่ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินการเก็บข้อมูลแบบผสมผสาน (Mixed Method) ทั้งการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การลงพื้นที่และการเก็บข้อมูลในโลกโซเชียลทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research) จำนวน 1,332 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง1–4ก.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึง เหตุปัจจัยของวิกฤตเศรษฐกิจประเทศและเงินในกระเป๋าของประชาชนที่ไม่พอใช้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.4 ระบุโรคโควิด-19 เกิดทั่วโลก ในขณะที่ร้อยละ 17.6 ระบุ ปัจจัยอื่น ๆเช่น นักการเมืองมัวแต่ทะเลาะกัน การแก้ปัญหาของรัฐบาลและประชาชนทำตัวเอง เป็นต้น ผลประเมินภาพรวมการแก้ปัญหาผลกระทบของโควิด-19 โดยรัฐบาล พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 54.5ระบุรัฐบาลแก้ปัญหาได้ดีค่อนข้างมาก ถึง ดีเยี่ยม ในขณะที่ร้อยละ 45.5 ระบุค่อนข้างน้อย ถึง ไม่ดีเลย
เชียร์รักษาคนดี/ให้กำลังใจบิ๊กตู่
ที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.1 ตั้งใจจะทำบุญสวดมนต์ให้กำลังใจบิ๊กตู่ ในวันอาสาฬหบูชานี้ให้สามารถแก้ปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ของประเทศผ่านพ้นไปได้อย่างดี ในขณะที่ร้อยละ 42.9 ระบุไม่ทำ อย่างไรก็ตาม เสียงของประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.9 ระบุ นายกรัฐมนตรีควรรักษาคนดีไว้ข้างกายทำงานต่อเนื่อง ในขณะที่ร้อยละ 26.1 ระบุ ปล่อยให้มันเป็นไป ที่น่าพิจารณาคือ เสียงของประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.9 เห็นด้วยถึงเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ นายกรัฐมนตรีควรใช้โอกาสนี้ ขจัด นักการเมืองที่จ่ายเงินซื้อเสียงเข้ามาหมดเนื้อหมดตัวไปเลย อย่าให้โอกาสพวกเขาถอนทุนคืน
ปชช.หนุนขวางพวกถอนทุน
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่าข้อมูลกระแสเสียงของประชาชนกำลังเริ่มดีขึ้นต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลโดยรวมเมื่อประชาชนเห็นชัดเจนว่า ความสามารถของ 3 ป. ผู้ทรงอิทธิพลในการจัดการความวุ่นวายภายในพรรคพลังประชารัฐได้ลงตัวและแยกส่วนการปรับ ครม. เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่มีโควต้าของนายกรัฐมนต รีในทีมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและกระทรวงหลักสำคัญ “ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า” สมบัติชาติที่ภาคประชาสังคมต้องช่วยกันเฝ้ารักษาอย่าให้ใครเข้ามากอบโกยเอาไปได้
ในห้วงเวลานี้ นายกฯต้องอาศัยพลังบุญและคุณธรรมอย่างแรงของทุกฝ่ายทั้งประเทศช่วยกัน “ทำบุญสวดมนต์ให้กำลังใจบิ๊กตู่”ผู้นำของประเทศให้สามารถแก้วิกฤตเศรษฐกิจและความวุ่นวายทางการเมืองทุกมิติได้สำเร็จเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำงาน“การเมืองใหม่” ที่ต้องผ่านการเล่นเกมที่แยบยลแนบเนียน เหมือนจะยอมแต่ไม่ยอมไปกับ“ภาวะตัณหา”ความอยากมี อยากเป็น และอยากเปลี่ยนให้ทันใจของทุกฝ่ายเพื่อตนเองและพวกพ้องของพวกเขา แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพลังหนุนของภาคประชาชนว่า ประชาชนทั้งประเทศมองเห็นเหมือนกับที่นายกรัฐมนตรีเห็นหรือไม่.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี