ศาลแพ่งยกคำร้องเครือข่าย"People GO" ขอคุ้มครองชั่วคราวการชุมนุมหน้ายูเอ็น13ก.ค. ชี้การชุมนุมจำเป็นน้อยกว่าการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 กระทบชีวิตปชช. ส่วนคดีฟ้องหลักขอให้"นายกฯ"ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ศาลนัดฟังคำพิพากษา5ส.ค.เช้า
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งการขอคุ้มครองชั่วคราว คดีที่ นายนิมิตร์ เทียนอุดม เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กับพวกรวม 5 คน ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) และได้ยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉินเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว กรณีการขออนุญาตชุมนุมเรื่อง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ ในวันที่ 13 ก.ค.ที่หน้ายูเอ็น ด้วยนั้น
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ทั้ง 5 คน มีโจทก์ที่อ้างตนเองเบิกความเป็นพยานว่า การที่จำเลยประกาศขยายระยะเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (ครั้งที่ 3) ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ก.ค.63 ทำให้โจทก์ทั้ง 5 คน ไม่อาจผลักดันร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติฯ ได้ เพราะเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ทั้ง 5 คน จัดการชุมนุมที่หน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ (UN) แห่งประเทศไทย ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ซึ่งโจทก์ที่ 1 คาดว่าจะมีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 300 คน เพื่อร่วมกันติดตามทวงถามความคืบหน้าของร่างกฎหมายดังกล่าว หากฝ่าฝืนอาจถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมดำเนินคดีทั้งๆ ที่ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ปรากฏตามรายงานสถานการณ์ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ในวันที่ 7 ก.ค.63 นั้น
ศาลเห็นว่า แม้การที่จำเลยออกประกาศดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการชุมนุมของโจทก์ทั้ง 5 คน ซึ่งเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้ง 5 คน จะบริหารจัดการควบคุมผู้ชุมนุมไม่ให้มากกว่า 300 คน ได้อย่างไร และจะมีมาตรการป้องกันไม่ให้เสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อโรคดังกล่าวหรือไม่ได้อย่างไร ทั้งเมื่อพิจารณาสรุปสถานการณ์ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ประจำวันที่ 7 ก.ค.63 รายงานสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ปรากฏว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลกเกือบ 12 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 540,000 คน บางประเทศในวันดังกล่าวเพียงวันเดียวมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 50,000 คน ประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคและมียารักษาโรคโดยตรง จนองค์การอนามัยโลกต้องประกาศให้การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการระบาดใหญ่
การระบาดของโรคดังกล่าวจึงเป็นสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและปลอดภัยของประชาชน อีกทั้งยังไม่แน่นอนว่า หากโจทก์ทั้ง 5 คน ได้ดำเนินการจัดการชุมนุมตามที่กล่าวอ้างแล้ว จะส่งผลให้จำเลยลงนามเสนอร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ ต่อรัฐสภาหรือไม่
ดังนั้น ความจำเป็นในการชุมนุมของโจทก์ซึ่งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เพราะเหตุใดจึงต้องเป็นวันที่ 13 ก.ค.อาจน้อยกว่า ความจำเป็นในการป้องกันโรคระบาดอันกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชนอันเป็นประโยชน์สาธารณะกรณี จึงไม่มีเหตุฉุกเฉิน และเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองระหว่างพิจารณาตามที่ขอมาใช้กับกรณีนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 (2) ประกอบมาตรา 255 (2)(ข) และมาตรา 266 ให้ยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน และเมื่อศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าวแล้ว คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวย่อมตกไปด้วย
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายนิมิตร์ เปิดเผยว่า ก็จะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการจัดการชุมนุมต่อไป โดยยืนยันว่าได้ประสานไปยังตัวแทนรัฐบาลที่จะออกมารับหนังสือในวันดังกล่าวแล้ว ส่วนที่มีการนัดชุมนุมที่หน้าองค์การสหประชาชาติ เนื่องจากต้องการใช้เป็นจุดชี้แจงความสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเท่านั้น ก่อนจะเดินขบวนไปมอบหนังสือทวงถามความคืบหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล และยืนยันว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมมีการเตรียมแผนป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทั้งการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้ผู้ชุมนุมทุกคนสวมใส่ และเว้นระยะห่าง ซึ่งเชื่อว่าเพียงพอต่อการดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุม
ส่วนคดีหลักที่ฟ้องขอให้นายกรัฐมนตรี ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 5 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี