ดุสิตโพลเปิดผลสำรวจ
จี้ปรับโฉมครม.
ดึงคนมีฝีมือช่วย‘บิ๊กตู่’
มุ่งแก้ปัญหาปากท้อง
‘จุรินทร์’ยกเครื่องปชป.
เน้นผลงานเป็นรูปธรรม
“จุรินทร์”สัมมนาแกนนำ-รัฐมนตรี ปชป.บอกมีสัญญาณดี ชูพรรคต้องเป็นเอกภาพ ผลงานรูปธรรม เตรียมพร้อมผู้สมัคร เติมสมาชิกตั้งสาขาพรรคเพิ่มเติมในขณะที่ “เฮียล้าน” สก.เขตจอมทอง 5 สมัย โดดซบ“ก้าวไกล” อ้างประชาธิปัตย์ต้นสังกัดเดิมไม่เห็นหัว มัววุ่นกับการเป็นรัฐบาล ด้าน “สวนดุสิตโพล” สำรวจพบถึงเวลาปรับครม.ดึงมืออาชีพเข้าช่วยงานนายกฯ
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม สวนดุสิตโพล ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 1,269 คน ระหว่างวันที่ 8-11กรกฎาคมที่ผ่านมา เรื่อง“ประชาชนคิดอย่างไรกับกระแสข่าวปรับ ครม.”โดยพบว่าผลงานของรัฐบาลที่เข้าตาประชาชนมากที่สุด คืออันดับที่ 1 การป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิดร้อยละ 50.80 อันดับ 2 มาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบในช่วงโควิด ร้อยละ 34.67 และอันดับ 3 การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สูงอายุ คนพิการ ร้อยละ 12.93
โพล์ชี้ต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้อง
ส่วนผลงานที่ยังไม่พอใจต้องปรับปรุง อันดับ 1 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ร้อยละ61.15 อันดับ 2 ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพสูง ปัญหาความยากจน ร้อยละ 22.85 และอันดับ 3 การจ่ายเงินช่วยเหลือล่าช้า ไม่ทั่วถึง ร้อยละ13.80
สำหรับภาพรวมประชาชนถือว่าพอใจกับผลงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาโควิด อันดับ 1 ค่อนข้างพอใจร้อยละ43.58 เพราะมีมาตรการที่เข้มงวด ทีมบุคลากรทางการแพทย์มีความรู้ ความสามารถ ประชาชนส่วนมากให้ความร่วมมือ อันดับ 2 พอใจมาก ร้อยละ23.80 เพราะควบคุมสถานการณ์ได้ดี ปลอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ยอดผู้เสียชีวิตไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น อันดับ 3 ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ22.06 เพราะสินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันโควิดราคาแพง มาตรการต่าง ๆ ไม่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ขาดความโปร่งใส และสุดท้าย อันดับ 4 ไม่พอใจเลย ร้อยละ10.56 เพราะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทำงานล่าช้า เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน เศรษฐกิจพัง
ได้เวลา”บิ๊กตู่’ปรับเปลี่ยนครม.
และเมื่อสอบถามถึงประเด็นการปรับ ครม. อันดับ1 ถึงเวลาแล้ว ร้อยละ67.85 เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าแพง ประชาชนลำบาก คนตกงาน ว่างงาน หนี้สินเยอะ อยากให้มืออาชีพเข้ามาทำงาน เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถมาแก้ปัญหา คัดเลือกคนที่เหมาะสม อันดับ 2 ปรับหรือไม่ปรับก็ได้ ร้อยละ23.40 เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ปรับหรือไม่ปรับก็น่าจะเหมือนเดิมเป็นการหมุนเปลี่ยนตำแหน่งทางการเมือง และอันดับ 3 ยังไม่ถึงเวลา ร้อยละ8.75 เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญและควรดำเนินการก่อน
สวนดุสิตโพลวิเคราะห์ว่าในภาพรวมประชาชนพอใจต่อการควบคุมสถานการณ์โควิดของรัฐบาล แต่ยังไม่พอใจในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเท่าใดนัก อยากให้มีการปรับ ครม. เพราะหลายกระทรวงยังไม่เห็นผลงานที่เด่นชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงด้านเศรษฐกิจที่อยู่ภายใต้การดูแลของพรรคพลังประชารัฐที่นับวันก็จะถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐยังกระทบต่อการบริหารงานของรัฐบาล จนทำให้ต้องยกเลิกการประชุมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หลายฝ่ายจึงจับตามองว่าการปรับ ครม. ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้น่าจะกระทบต่อโควต้าของพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน และเป็นการปรับ ครม. ที่ประชาชนคาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจโดยใช้ผู้มีประสบการณ์ตรงทั้งนักการเมืองและคนนอกเข้ามาทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ
“เฮียล้าน”ทิ้งประชาธิปัตย์
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร อดีต สมาชิกสภา กทม.5 สมัย อดีตสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้น ว่า ต้องยอมรับว่าทุกพรรคการเมืองนั้นมีนโยบายที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนทั้งหมด แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ เรื่องการใช้โซเชียลมิเดีย ให้เกิดประโยชน์ซึ่งเราต้องยอมรับว่า จุดนนี้พรรคก้าวไกลสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาเป็นตัวสะท้อนถึงความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยประเด็นดังกล่าวนั้นก็สอดคล้องกับการใช้สิทธิเลือกตั้งของวัยรุ่น จำนวนมาก ผลลัพธ์จึงเป็นออกมาอย่างที่เห็น ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลโดยตรงในสนามการเมืองไม่ว่าจะระดับชาติหรือท้องถิ่น ซึ่งหากเราไม่ปรับตัวก็เป็นเรื่องยากในการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป
บอกปชป.ไม่ได้สนใจมากนัก
“ช่วงก่อนที่จะตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคก้าวไกลนั้น มีหลายพรรคการเมืองมาติดต่อกับทางเราเหมือนกัน ขณะที่พรรคต้นสังกัดเก่าของผม ก็ไม่ได้ดูสนใจพวกเรามากนัก อาจจะเป็นเพราะเราเป็นนักการเมืองตัวท้องถิ่นตัวเล็กๆ ในสายตาพรรค ประกอบกับการที่พวกเขาอาจจะยุ่งกับการเป็นรัฐบาลอยู่ ก็อาจจะลืมเราไปบ้าง ขณะเดียวกัน เราอยู่กันแบบถ่อมตัวในพื้นที่ ไม่ได้มีตำแหน่งรัฐมนตรี หรือตำแหน่งใหญ่โตอื่นๆ ก่อนที่เราจะนำเรื่องมาหารือกันในครอบครัวและได้ข้อสรุปออกมาอย่างที่เห็น ว่าควรมาอยู่พรรคก้าวไกลน่าจะเหมาะสมกว่า”นายสุทธิชัย กล่าว
นายสุทธิชัย กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมา เห็นได้ชัด ช่วงก่อนการเลือกตั้ง เราก็มีการสำรวจในพื้นที่กันเอง ตอนนั้นคะแนนก็ยังคงสูงมาก กระแสก็ยังคงดีอยู่ และเป็นเรื่องยากมากที่จะมีพรรคการเมืองใหม่ไล่ทัน แต่พอใกล้ๆเลือกตั้งคะแนนกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้เราจะลงพื้นที่ เดินหาเสียงแทบตาย แต่พอเราเสียเปรียบเรื่องโซเชียลมีเดีย ผลก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็น
เมื่อถามว่า อนาคตหากมีการเลือกตั้งระดับชาติอีกครั้ง จะมีปัญหาเรื่องการผลประโยชน์ในพื้นที่หรือไม่ นายสุทธิชัย กล่าวว่า จากที่ได้พูดคุยกับ ส.ส.ในพื้นที่ของพรรคก้าวไกล และคนอื่นๆในพื้นที่ใกล้เคียง ตนเห็นว่าพวกเขาเป็นคนอายุไม่เยอะ สบายๆ ไม่ติดแอ๊คอาร์ตเหมือนนักการเมืองรุ่นใหม่บางคน ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งตนมองว่าจุดนี้ไม่น่าจะมีปัญหา อะไรเพราะเรามีเป้าหมายเดียวกันคือทำงานเพื่อนประชาชนในพื้นที่
สำหรับ ตระกูล“วีรกุลสุนทร”เป็นนักการเมืองท้องถิ่นเขตจอมทองมากว่า 20ปี โดย สุทธิชัย วีรกุลสุนทร สก.เขตจอมทอง ได้ทำงานสร้างฐานเสียงต่อเนื่อง โดยเคยดำรงตำแหน่ง ส.ก.5สมัย ขณะที่ นางนันทพร วีรกุลสุนทร ภรรยาของนายสุทธิชัย เคยดำรงตำแหน่ง สส.เขต มาถึง 2สมัย ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกับลูกชายอย่าง นายพิรกร วีรกุลสุนทร ที่เคยดำรงตำแหน่ง ส.ก.เช่นเดียวกับพ่อ
‘จุรินทร์’พร้อมยกเครื่องปชป.
วันเดียวกัน ที่โรงแรมหาดทรายแก้วบีชรีสอร์ท เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนารัฐมนตรีและ ส.ส. ของพรรค นอกสถานที่ว่า เป็นเรื่องดีที่มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความเห็นการเมืองในบรรยากาศที่เป็นกันเอง เป็นส่วนตัว คิดว่าจะหาโอกาสจัดให้มีการพบปะกันแบบนี้บ่อยขึ้น และผลที่ปรากฏออกมาก็ถือว่าทุกคนช่วยกันระดมความคิดความอ่าน ในการช่วยหาข้อสรุปร่วมกัน ว่าจะช่วยกันพาพรรคไปข้างหน้า นำไปสู่การพัฒนาเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้นได้ ซึ่งข้อสรุปที่เห็นตรงกันอย่างน้อยที่สุด ก็คือคิดว่าประชาชนและสมาชิกพรรคทั้งประเทศก็อยากเห็นผลงานของพรรคที่ปรากฏเป็นรูปธรรมรวมถึงความเป็นเอกภาพภายในพรรค ซึ่งทั้งสองข้อนี้เป็นประเด็นที่มีความสำคัญ ทุกคนพยายามร่วมมือร่วมใจกันเพื่อแสดงความคิดเห็น ให้เดินไปสู่เป้าหมายนี้ แต่รายละเอียดขอให้เป็นเรื่องภายในว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่าการประเมินผลงานรัฐมนตรีของพรรค นายจุรินทร์ กล่าวว่า จะมีกระบวนการประเมินเป็นการภายในและการสำรวจความเห็นของประชาชนที่มีต่อการทำงานของรัฐมนตรีและผู้แทนราษฎร เพราะทุกคนถือว่าเป็นคนที่ประชาชนให้โอกาสมาทำงาน คะแนนรวมของรัฐมนตรีและผู้แทนราษฎรรวมถึงสมาชิกคนสำคัญของพรรค สุดท้ายก็จะกลายเป็นคะแนนรวมของพรรคที่ประชาชนจะตัดสินใจ ในการลงคะแนนให้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แม้ระหว่างทางที่ประชาชนจะมีความเห็นต่อความนิยมของพรรคในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
ออกเดินสายพบปะแฟนคลับ
เมื่อถามว่าส่วนการมีส่วนร่วมของประชาชน นายจุรินทร์ กล่าวว่า มีการพบปะกันเป็นระยะอยู่แล้ว ขณะนี้กำลังดำเนินการขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งตัวแทนประจำจังหวัด เพื่อให้พรรคสามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ครบทุกเขตตามกฎหมาย หากไม่มีตัวแทนจังหวัดหรือไม่มีสาขาพรรคอยู่ในเขตใดเขตหนึ่ง ก็ไม่สามารถส่งผู้สมัครได้ และโดยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ตั้งเป้าทำให้ครบถ้วนภายในเดือนสิงหาคมนี้ และถือโอกาสพบปะเพื่อนสมาชิกภายในเวลาเดียวกัน เมื่อไม่กี่วันนี้ก็มีการพบปะกันกับทีมภาคเหนือและภาคอีสาน และจะเดินทางไปพบกับทีมภาคใต้และกรุงเทพมหานครโดยลำดับ มีการแลกเปลี่ยนความเห็นเป็นระยะ เป็นหน้าที่ของผู้บริหารและรัฐมนตรีของพรรค จะต้องรวบรวมความเห็นมาใช้ประกอบการดำเนินการต่อไปอยู่แล้ว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
เตรียมพร้อมผู้สมัครของพรรค
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลประกาศความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นแล้ว นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำทั้ง 2 ด้าน ก็คือป้องกันพื้นที่ที่มีผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว และลงพื้นที่ที่ยังไม่มี ซึ่งคิดว่าทุกพรรคการเมืองก็ทำ พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำ เพียงแต่ทำแล้วจะประกาศให้เป็นเรื่องโด่งดังหรือไม่ หรือบางกรณีอาจจะไม่ต้องประกาศออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในสถานการณ์ แต่ย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้า และพยายามป้องกันผู้แทนราษฎรที่ได้อยู่แล้วให้ได้ต่อไป และรุกคืบในพื้นที่ที่ไม่มีผู้แทนในทุกภาค รวมถึงกรุงเทพมหานครก็มีการเดินหน้าเป็นลำดับ มีการกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ทั้งหมดไว้ ซึ่งภาคอีสานจะมีการลงพื้นที่รวมถึงภาคเหนือด้วย โดยกำหนดเป้าหมายพื้นที่ไว้เกือบ 70 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของทุกภาคแล้ว ว่าใครจะเป็นผู้สมัคร
ส่วนกรณีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ สก. ย้ายพรรค นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้สอบถามนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรค บอกว่ามีส่วนหนึ่งได้ย้ายออกไปแล้วก่อนที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้ามา แต่พยายามหาคนใหม่เข้ามา ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นลำดับ ร้อยละ 70 โดยประมาณที่มีผู้สมัครชัดเจนแล้ว แม้แต่ สก. พรรคก็มีแผนงานลงพื้นที่เข้าไปดูแล ซึ่งตนเองในฐานะหัวหน้าพรรค มองว่าพื้นที่แตกต่างในกรุงเทพฯ และทุกภูมิภาค และจะเดินสายไปพื้นที่ต่างๆ ร่วมกับรัฐมนตรีและผู้บริหารของพรรค คนรุ่นใหม่ของพรรค ในการทำพื้นที่สร้างความนิยมให้กับพรรค รวมทั้งไปทำกิจกรรมต่างๆ จัดยุวประชาธิปัตย์ จัดอบรมอุดมการณ์ประชาธิปไตยกินได้ เพื่อมุ่งเน้นอุดมการณ์ทางการเมืองให้สามารถเดินหน้าได้ ในเศรษฐกิจยุค New Normal เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังให้กับพรรคต่อไป รวมถึงการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ก็มีการดำเนินการตามลำดับต่อไป
บอกทุกคนเป็นเจ้าของพรรค
ส่วนการสัมมนากำหนดไว้เฉพาะรัฐมนตรี และ ส.ส. ในพรรค จนทำให้มีบางส่วนที่ไม่ได้เข้าประชุมน้อยใจ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นการสัมมนาระหว่าง ส.ส.และรัฐมนตรีของพรรควงหนึ่ง ก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคก็มีการประชุมไปแล้วอีกวงหนึ่ง และในการประชุมใหญ่ก็คงได้พบพร้อมกันอีกวงหนึ่ง หากบุคคลใดเกิดความไม่เข้าใจก็จะทำความเข้าใจ และเรื่องนี้เป็นเพียงกระแสข่าว ไม่มีตัวตนที่แท้จริงว่าเป็นใครอย่างไร แต่ทุกคนเป็นเจ้าของพรรค มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น หากอะไรมีความไม่เข้าใจอยู่บ้าง ก็จะได้ชี้แจงให้เข้าใจและคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ฟังเหตุผลกัน พรรคประชาธิปัตย์จะต้องมีผลงาน จับต้องได้เป็นรูปธรรม บวกความเป็นเอกภาพ ซึ่งทุกคนทราบว่าแล้วว่าอะไรเป็นอย่างไร
โฆษก’พปชร.’โต้กลับ’มาร์ค’
น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชี้แจงภายหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พาดพิงพรรคพลังประชารัฐกล่าวหาได้เป็นรัฐบาลเพราะนโยบายเดียว คือ นโยบายความสงบ เท่านั้น ว่า นโยบายความสงบ เป็นประเด็นที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการอย่างมาก แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบายพรรคเท่านั้น ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยังมีอีกหลายเหตุผล ทั้งการที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้ง ปี 2562 โดยพิจารณาจากผลงานในขณะที่ท่านเป็นผู้นำรัฐบาลชุดก่อน ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนความขัดแย้งเป็นความสงบเรียกความเชื่อมั่นจากประชาคมโลก และนโยบายอื่นๆ ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รถไฟฟ้าทั่วกรุง ปลดหนี้นอกระบบคืนทรัพย์สินให้ลูกหนี้ เป็นต้น อันเป็นที่ประจักษ์และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเปิดกว้างทางความคิด ไม่เลือกว่าเป็นความคิดของพรรคใด สิ่งใดที่ดีมีประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ท่านก็นำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารประเทศอย่างเหมาะสม
โฆษก พปชร.กล่าวด้วยว่า จากเหตุผลข้างต้น พรรคพลังประชารัฐ มีเจตนาที่จะสานต่อผลงานดังกล่าวให้ต่อเนื่อง เป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังนั้น นโยบายต่างๆ จึงสอดคล้องกับการบริหารของรัฐบาลชุดก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ประจักษ์อยู่แล้ว การที่นายอภิสิทธิ์ แสดงความเห็นในครั้งนี้ อย่างตรงไปตรงมา ถือเป็น ความงดงามในระบอบประชาธิปไตย ที่มีการเสนอความเห็นที่แตกต่างกันและวิพากษ์วิจารณ์กันได้
‘กกต.’ฉุนเตรียมแจ้งความ”นิพิฏฐ์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุม กกต.สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้สำนักงาน กกต.แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ฐานหมิ่นประมาทต่อพนักงานสอบสวนกรณีเมื่อวันที่ 29มิ.ย.ที่ นายนิพิฏฐ์ แถลงข่าวหลังยื่นฟ้องอาญา 7 กกต. ที่ยกคำร้องทุจริตเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 จ.พัทลุง โดยการแถลงข่าวของนายนิพิฏฐ์ที่ปรากฏเป็นข้อความทางสื่อในทำนองการพิจารณาของ กกต.ไม่มีมาตรฐาน มีพฤติกรรมยิ่งกว่าชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน กกต และการยกคำร้องทุจริตเลือกตั้ง ส.ส.พัทลุง ที่ยังมีผลถึงขั้นยุบพรรคหนึ่งได้ ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่หัวหน้าพรรคการเมืองดังกล่าวเป็นประธานหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง ของสำนักงาน กกต.ด้วยนั้น ที่ประชุม กกต. เห็นว่าเป็นการแถลงข่าวเกินความจริงในคดี เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ทำให้ กกต.เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยสำนักงาน กกต.อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารหลักฐาน และคาดว่าจะมีการไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุม กกต.ยังเห็นชอบกับร่างคำแถลงของ กกต.ที่โต้แย้งคำฟ้องของนายนิพิฏฐ์ และยืนยันการพิจารณายกคำร้องทุจริตเลือกตั้ง ส.ส. เขต2พัทลุง เพื่อยื่นต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในวันพรุ่งนี้ (13ก.ค.) ก่อนศาลจะมีคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาพิพากษาหรือไม่ในวันดังกล่าวเวลา 13.30น.ทั้งนี้ นายนิพิฏฐ์ ได้ยื่นฟ้อง 7กกต.ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 ปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ชอบ กล่าวหาว่า กกต.สมคบคิดใช้อำนาจโดยทุจริต ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจไม่มีข้อเท็จจริงเหตุผลรองรับ มีเจตนาช่วยเหลือ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ และพรรคภูมิใจไทย ให้ชนะการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 จ.พัทลุง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี