‘กมธ.งบฯ64’ แจงถกงบคลัง 2.6 แสนล้าน เผยหน่วยงานเศรษฐกิจเสนอแก้ฐานรากชุมชน ลดเหลื่อมล้ำ ปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ ดันกฎหมายให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้
13 กรกฎาคม 2563 ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 พร้อมด้วยนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกกมธ.ฯ ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ว่า ทาง กมธ. ได้ใช้เวลาพิจารณาไปแล้ว 16 ชั่วโมง จาก 237 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละ 6.75 ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาแล้ว 6 หน่วยงาน 1 กองทุน จากทั้งหมด 721 หน่วยงาน 21 กองทุน คิดเป็น ร้อยละ 0.94
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญตัวแทนจาก 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย มาชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน โดยมีข้อเสนอแนะให้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากชุมชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การปรับโครงสร้างหนี้และลดอัตราดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการ การนำทรัพย์สินมาชำระหนี้แทนเงินกู้ โดยปลัดกระทรวงการคลัง มีข้อเสนอแนะว่าควรมีกฎหมายให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ เนื่องจากขณะนี้ภาครัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีการโฆษณาจากสื่อออนไลน์หรือการโฆษณาในโซเชียลมีเดียได้ อีกทั้งยังไม่สามารถคาดการณ์เงินจากการจัดเก็บภาษีของปี 2563 ได้ เพราะมีการเลื่อนการจัดเก็บภาษีของปี 2562 เป็นสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม นี้ และจากสถานการณ์โรคโควิด-19 คาดว่าจะจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าที่ประมาณการณ์ไว้
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ทุกหน่วยงานชี้แจงว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทั้งการชะลอการจัดเก็บภาษี และดูแลสถาบันการเงินให้มีความเข้มแข็ง ส่วนพระราชกำหนด หรือ พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 นั้น ขณะนี้ยังไม่หน่วยงานใดมาขอยื่นกู้ จึงเป็นสัญญาณที่ดีว่าเศรษฐกิจของไทยยังคงเข้มแข็งอยู่
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กมธ.ได้เริ่มพิจารณางบประมาณในกลุ่มภารกิจด้านเศรษฐกิจจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง วงเงิน 268,718 ล้านบาท ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กรมธนารักษ์ กรมบัญชีกลาง กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และกรมสรรพากร โดยตัวแทนจากกรมบัญชีกลาง ได้ชี้แจงถึงการจัดทำหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้าง เพื่อกลั่นกรองคุณสมบัติของผู้ประกอบการก่อนการยื่นเสนอราคา รวมทั้งการขึ้นทะเบียนผู้ที่ประมูลงานของรัฐได้แต่ทิ้งงาน เพื่อเป็นพื้นฐานในการตรวจสอบประวัติของผู้เสนอประมูลงานของรัฐในโครงการถัดไป โดยที่ประชุม กมธ. ได้ฝากข้อสังเกตให้กรมบัญชีกลาง พิจารณาแนวทางการจัดทำระบบ e-bidding ให้มีความโปร่งใส
ด้านนางพรรณสิริ กล่าวว่า ในช่วงเช้าทาง กมธ.พิจารณาหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังอีก 4 หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ 6 หน่วยงาน และ 1 กองทุน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ธนาคารอาคารสงเคราะห์ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด และกองทุนการออมแห่งชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี