นายกฯลั่นพอใจ-ดูแลทุกจังหวัด
รบ.ทำงานครบ1ปี
อย่าเชื่อปลุกระดม-บิดเบือน
ขอบคุณสื่อแนะช่องฟื้นฟูศก.
ฝ่ายค้านขวางปลดเสรีพิศุทธ์
ซัดทำลายตรวจสอบถ่วงดุล
นายกฯพอใจผลงานรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งครบ 1 ปี16 กรกฎาคมนี้ ยอมรับบางเรื่องยังไม่สำเร็จก็ยังไม่พอใจ ลั่นดูแลทุกจังหวัด ไม่เลือกปฏิบัติ วอนทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหา อย่าหลงเชื่อคำบิดเบือน-การปลุกระดม ด้านฝ่ายค้านขวางรัฐบาลดันเข้าสภาฯ
ปลด‘เสรีพิศุทธ์’พ้นประธานกมธ.ปราบโกง ซัดแหกจารีตประเพณีครั้งใหญ่ หากทำได้ ไร้ตรวจสอบถ่วงดุล ดักคอปรับครม.เปลี่ยนนายกฯคนเดียวพอ เย้ยเอาเทวดาคุมทีมศก.ก็ไม่ฟื้น แนะดึงคนหาเงินเป็นมาช่วย ขณะที่ สว.คำนูณ’ชงนายกฯปัดฝุ่นตรากฏหมายนิรโทษกรรมโมเดล66/23 สร้างปรองดองการเมืองใหม่ แต่คนหนีคดีต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน
เมื่อเวลา13.30น.วันที่ 14กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงความพึงพอใจในการเข้ามาบริหารประเทศ ในฐานะที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่จะครบ 1 ปี ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้
‘บิ๊กตู่’พอใจผลงานรบ.ครบ1ปี
โดยกล่าวว่าถ้าถามว่าพอใจมากน้อยแค่ไหน จะตอบว่ามากหรือน้อยก็ไม่ได้ แต่พอใจที่ได้แก้ปัญหาได้สำเร็จเสร็จสิ้นในบางปัญหา บางอย่างที่ยังไม่สำเร็จ ก็ไม่พอใจ แต่ผลสำเร็จในบางโครงการซึ่งเป็นงานใหญ่ๆ นั้น ก็ต้องมาดูกิจกรรมย่อยว่าทำไปได้แล้วแค่ไหนเพื่อนำไปสู่กิจกรรมใหญ่ ซึ่งจะเป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างความเป็นธรรม การแก้ปัญหาความยากจน การกระจายรายได้ถ้าเรามองในกลุ่มงานข้างล่างหลายอย่างสำเร็จไปแล้ว แต่ถ้าจะเป็นภาพรวมข้างบนทั้งหมดต้องใช้ความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งข้าราชการ ประชาชน ถ้ารัฐบาลทำเพียงฝ่ายเดียวรัฐบาลก็จะมองเพียงว่าจะเอาเงินลงไปที่ไหนอย่างไร ทุกคนต้องมองว่าเราจะใช้เงินอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดบางโครงการมีความจำเป็นหรือไม่จำเป็น
ลั่นดูแลทุกจว.ไม่เลือกปฎิบัติ
“ผมดูแลมาในทุกจังหวัดด้วยดีมาตลอด ไม่เคยเลือกปฏิบัติทั้ง 76 จังหวัด จะเห็นได้ว่าผมมีเม็ดเงินลงไปให้ทุกจังหวัดมากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็ถือว่ามากกว่าที่ผ่านมาเยอะพอสมควรในหลายงบประมาณอีกทั้งก็เกิดผลผลิตมาบ้างแล้ว แต่แน่นอนว่าเรามีคนถึง 67 ล้านคน ไม่ใช่แค่เพียง 4-5 ล้านคน แบบบางประเทศ ที่สำคัญคนส่วนใหญ่ของประเทศ เรามีรายได้น้อย เราต้องมาดูว่าทำอย่างไรจะให้มีรายได้สูงขึ้น วันนี้ก็ต้องคุยกันต่อว่าจะต้องคุยกับรัฐวิสาหกิจ และบรรดาบริษัทห้างร้านใหญ่ๆว่า จะมาช่วยประชาชนได้อย่างไรบ้างในลักษณะพี่จูงน้อง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในส่วนความรับผิดชอบนั้น ผมเต็มๆอยู่แล้วแต่ก็ต้องไปดูว่าอะไรสำเร็จแล้วบ้าง อะไรยังไม่สำเร็จ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
วอนร่วมมือกัน-อย่าเชื่อคำบิดเบือน
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า “ส่วนใหญ่เป็นโครงการใหญ่ทั้งสิ้น ปัญหาทุกปัญหามันไม่ใช่เพียงปัญหาเดียว ถ้าปัญหาเดี๋ยวผม แก้แป๊บเดียวก็จบและก็แก้ไปเยอะแล้ว แต่ปัญหาใหญ่ในเชิงโครงสร้างยอมรับว่ายาก จึงจำเป็นต้องเดินหน้าไป ทุกปีแล้วจะสำเร็จ ถ้าร่วมมือกัน ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่เป็นไปตามคำบิดเบือน การปลุกระดมต่างๆ ทุกอย่างก็จะเกิดเร็วขึ้น ถ้าต่อต้านกันทุกวัน ก็คงทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด แล้วจะสำเร็จได้อย่างไร ก็ต้องช่วยกันลดแรงกดดันตรงนี้ให้ผมบ้าง ก็ขอร้องกันเท่านั้น”
ขอบคุณสื่อ-พร้อมรับข้อเสนอแนะ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่าจากที่ได้เดินทางและพบปะกับสื่อทุกสำนักพิมพ์มาแล้วได้รับฟังข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์มากมายหลายประการสิ่งใดที่เราสามารถดำเนินการได้ก็จะรีบดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ตรงกับความต้องการของประชาชน สื่อก็เป็นตัวกลางในการสร้างความเข้าใจอันดีและถูกต้องให้กับประชาชนให้ได้รับทราบว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ หลายเรื่องมีความก้าวหน้าไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเลย ขอขอบคุณบรรดาสื่อ เจ้าของสื่อและสำนักพิมพ์ทุกคน ทั้งในส่วนของคอลัมน์นิสต์ต่างๆผมได้มีโอกาสพบกับพวกท่านหลายคนจากทุกๆสำนักพิมพ์ ยืนยันว่านายกฯไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งคิดทั้งเขียนต่างๆ มาโดยตลอด ติดตามประเมินผล
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงท้ายพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลอย่างอารมณ์ดีว่า“ช่วงนี้ขอให้ทุกคนระวังการไม่สบายเนื่องจากมีฝนตกมาเป็นระยะ พร้อมปรารภว่า ทำไมผู้สื่อข่าวจึงมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย หรือ เป็นเพราะให้ผู้ชายไปทำหน้าที่เป็นช่างภาพ ให้ผู้หญิงทำหน้าที่จดข่าว แต่ไม่ว่าจะถ่ายภาพ หรือ จดข่าวก็ขอให้ตรงกันด้วย”
ฝ่ายค้านขวางปลด‘เสรีฯ’พ้นปธ.
ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมวิปฝ่ายค้านว่าในการประชุมวิปฝ่ายค้าน วันนี้(14 ก.ค.) จะมีการหารือถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าฝ่ายรัฐบาลจะเลื่อนวาระการถอดถอน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ขึ้นมาพิจารณาในที่ประชุมสภาฯสัปดาห์นี้
โวยแหกจารีตประเพณีครั้งใหญ่
“จะต้องมีการหารือกันถึงระเบียบข้อบังคับและจารีตประเพณี เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นครั้งแรกรวมทั้งยังเป็นเรื่องที่กระทบต่อระบบถ่วงดุลตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการปลดประธานกมธ.คนใด เพราะจะทำให้ต่อจากนี้คนที่เป็นประธานกมธ.จะไม่มีความมั่นใจในสถานะของตัวเอง หากเสียงข้างมากสามารถคุกคามได้แบบนี้ การเพิ่มสัดส่วน กมธ.จากฝ่ายรัฐบาล ที่ครั้งนี้ มีเป้าหมายจะเพิ่มใน กมธ.ป้องกันและปราบปรามฯก็จะทำให้ต่อไปนี้ กมธ.จะทำงานไม่ได้ เมื่อรัฐบาลมีเสียงข้างมากในการตรวจสอบจึงทำให้การตรวจสอบรัฐบาล ไม่สามารถทำได้ จึงต้องวางแผนกันว่า หากมีเรื่องนี้เข้าที่ประชุมสภาจริง จะต้องคุยถึงเหตุผลให้รัฐบาลกลับไปคิดว่าจะเอาอย่างไรในเรื่องการถ่วงดุลตรวจสอบ”นายสุทิน กล่าว
หากทำได้ไร้ตรวจสอบถ่วงดุล
นายสุทิน ยืนยันว่า ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย และเชื่อว่าสังคมต่างๆเมื่อได้พิจารณาถี่ถ้วนแล้วก็ไม่น่าจะรับได้ ที่ผ่านมาได้มีการหารือประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯทั้ง 2 ท่านแล้ว ซึ่งโดยหลักแล้ว หากทำครั้งนี้ได้ ต่อไป ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงจารีตครั้งใหญ่ เพราะหากใครจะเป็นประธาน กมธ.และถ้ารัฐบาลจะเอาเสียงข้างมากก็จะเป็นไม่ได้แม้แต่คณะเดียว หากรัฐบาลจะโหวตก็มีเสียงมากอยู่แล้ว ดังนั้นจะสามารถยึดไปได้หมดทุกคณะ จะทำให้การตรวจสอบไม่มี และกมธ.ก็จะไม่มีความหมาย
ปรับครม.เปลี่ยนนายกฯคนเดียว
ประธานวิปฝ่ายค้าน ยังกล่าวถึงการปรับ ครม.ว่าไม่ได้ต้องการพูดเพื่อกระแทกแดกดันแต่หากจะปรับให้ปรับที่ตัวนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว เพราะเศรษฐกิจ 5 ปี ที่ผ่านมาชัดเจนว่า นายกฯบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว อย่าไปโทษเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19 เพราะก่อนโควิดก็รู้อยู่แล้วว่าเศรษฐกิจแย่ลงเรื่อยๆทำไมถึงบอกว่า ต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ ก็เพราะความเชื่อมั่น เมื่อรู้ว่านายกฯเป็นแบบนี้ ฝีมือแบบนี้ ผลงานแบบนี้ ใครจะกล้ามาลงทุน เมื่อตัวนายกฯ ไม่ได้รับความเชื่อมั่นแล้ว การจะไปหารัฐมนตรีมาร่วมก็ลำบาก วันนี้จะหาทีมเศรษฐกิจ ก็เชื่อว่ายังหายาก
เย้ยอาเทวดาคุมทีม ศก.ก็ไม่ฟื้น
“หากเป็นตน ถ้าจะมาช่วยเรื่องเศรษฐกิจ แล้วนายกฯและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นแบบนี้ ตนก็ไม่มา วันนี้เข้าใจว่านายกฯกำลังลำบาก ในการหาคนมาร่วมในทีมเศรษฐกิจพอสมควรเพราะอะไรคงสรุปได้แล้วว่าเป็นที่ตัวท่าน หัวหน้าทีมเศรษฐกิจแบบนี้ นายกฯแบบนี้ ต่อให้เทวดามาเป็นทีมเศรษฐกิจก็ไม่มีทางฟื้นได้ หากนายกฯไม่ลาออก”นายสุทิน กล่าว
แนะดึงนักธนาคาร-เศรษฐศาสตร์
พร้อมยังระบุบ่า หากมีคนที่จะมาเป็นทีมเศรษฐกิจจริงๆก็ขอว่าให้เปลี่ยนความคิดที่จะเอานักธนาคาร นักเศรษฐศาสตร์มาทำเศรษฐกิจ แต่ต้องเอาคนที่ทำมาหากินเป็น หาเงินและลงทุนเป็นมาทำ สิ่งที่จะขอแนะนำ หากเลือกได้จริงๆ ก็คือขอให้เอานักบริหารเศรษฐกิจที่สามารถกระจายรายได้มาทำ เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เนื่องจากทุกครั้งที่ผ่านมาก็จะเอาคนมาปั่นตัวเลข จีดีพี ให้โต ซึ่งประเทศไทยเป็นแบบนี้มาตลอด แต่ทุกครั้งที่จีดีพีโต ความเหลื่อมล้ำก็ต่างกันมาก เพราะเขาไม่เก่งในเรื่องของการกระจายรายได้
‘คำนูญ’เสนอกม.นิรโทษกรรม
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา(ส.ว.) มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติปี 2562พร้อมรายงานของคณะกรรมาธิการติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. อภิปรายว่าในส่วนแผนแม่บทความมั่นคงนั้น เมื่อการเมืองมีปัญหา ขาดเสถียรภาพ ความสงบในประเทศย่อมไม่ยั่งยืนตามไปด้วย การปฏิบัติให้บรรลุผลตามยุทธศาสตร์ชาติย่อมไม่สำเร็จ ขอเสนอการสร้างความปรองดองว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเร่งตรากฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนจากความผิดที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
ยันโมเดล66/23สร้างปรองดอง
“ตั้งแต่ปี 2548-2563 ความขัดแย้งทำให้สังคมแยกเป็น 2 ขั้ว และแยกย่อยมากขึ้นทุกที ร้าวลึกถึงระดับครอบครัว มีผู้มีคดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรมนับร้อยคน เชื่อมโยงไปถึงมวลชนอีกนับล้านคนๆที่เมื่อมีคดีตัดสินออกมาจะเกิดวิวาทะทางออนไลน์ นายกฯจะรวมไทยสร้างชาติได้อย่างไร เมื่อคนกลุ่มหนึ่งถูกทิ้งให้ขึ้นศาลทุกสัปดาห์ จะไปต่างประเทศต้องรายงานต่อศาล หลายคนถูกยึดทรัพย์ การนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องใหม่ สมัยสงครามคอมมิวนิสต์ยังจบได้ ด้วยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่66/2523 ด้วยการนิรโทษกรรมให้อภัย เปิดโอกาสให้พลังทุกภาคส่วนมาร่วมพัฒนาชาติไทย ถึงเวลาต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรม การทำผิดของคนที่มาชุมนุมการเมืองหรือทำผิดทางอาญาที่มีเหตุเกี่ยวเนื่องชุมนุมทางการเมืองนั้น ไม่ใช่มีจิตเป็นอาชญากรโดยแท้ แต่ต้องการสังคมที่ดีกว่า ต้องการการเมืองใหม่ การปฏิรูปประเทศ การกระทำทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทำผิดกฎหมาย จึงต้องนิรโทษกรรมประชาชนทุกกลุ่ม นายกรัฐมนตรีอย่าลังเล”นายคำนูณ กล่าว
หนีคดีต้องเข้ากระบวนยุติธรรม
อย่างไรก็ตามนายคำนูณ กล่าวอีกว่า ส่วนคำถามที่ว่าคนหนีคดีจะทำอย่างไรนั้น ในหลักการอธิบายรายละเอียดได้อาทิ 1.นิรโทษกรรมแก่ผู้ทำผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมการเมืองโดยตรง 2. นิรโทษกรรมเบื้องต้นเฉพาะผู้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว 3.ใครยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หรือหนีคดีไปนั้น ถ้ากลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเมื่อผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาที่จะออกแบบตั้งขึ้นมา ย่อมได้สิทธินี้ 4.อาจจะต้องตีความนิยามการชุมนุมทางการเมืองผ่านการออกแบบจากคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นมา อยากให้นายกฯแสดงเจตจำนงนำเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ที่อาจเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 270 รัฐธรรมนูญปี2560 จะต้องนำไปพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา จะเป็นการสร้างบารมีให้นายกฯ เพื่อสร้างระบบประชาธิปไตยที่มั่นคง มีธรรมาภิบาล ถ้านายกฯรวมใจคนทุกภาคส่วนเข้ามา โดยมีร่างนิรโทษกรรมเป็นก้าวแรกก็จะก้าวต่อไปได้ ขอฝากความหวัง นำจิตสำนึกผู้รักชาติทุกคน ทุกสี ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอด 15ปี เพื่อพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี