‘พี่เต้’ชู‘โปรตุเกส-สวิสโมเดล’ เปลี่ยนผู้ต้องขังคดียาบ้า-เฮโรอีนเป็นผู้ป่วย แก้นักโทษล้นคุก
19 กรกฎาคม 2563 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นถึงแนวการแก้ไขปัญหานักโทษล้นคุก มีเนื้อหาดังนี้
# โปรตุเกส-สวิสเซอร์แลนด์ Model#เปลี่ยน ผู้ต้องขังคดียาเสพติดยาบ้า-เฮโรอีน เป็นผู้ป่วยต้องบำบัด แก้ปัญหายาเสพติด-นักโทษล้นคุกระยะยาว#by ส.ส.พี่เต้ พระราม 7
ผม นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ฐานะอดีตกรรมการคืนคนดีสู่สังคม กระทรวงยุติธรรม ขอพูดถึง ปัญหา “นักโทษล้นคุก” เป็นหนึ่งปัญหาที่กรมราชทัณฑ์กำลังเผชิญ เมื่อประเทศไทยมีจำนวนนักโทษในเรือนจำสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และเกินกว่าความจุของเรือนจำ โดยปัจจุบันคุกทั่วประเทศไทยสามารถรับนักโทษได้ประมาณ 200,000 คน แต่ในความเป็นจริงกลับมีผู้ต้องขังมากถึง 360,000 กว่าคน
ข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังในเรือนจำทั้งสิ้น 368,472 คน แบ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด (คดีถึงที่สิ้นสุดแล้ว) 308,212 คน ผู้ต้องขังระหว่างอุทธรณ์-ฎีกา 27,902 คน ผู้ต้องขังระหว่างไต่สวนและอื่นๆ 32,358 คน ขณะที่เรือนจำทั่วประเทศไทยสามารถรองรับนักโทษได้ประมาณ 200,000 คน หมายความว่า ปัจจุบันจำนวนนักโทษในเรือนจำเกินความจุของพื้นที่ไปมากกว่า 160,000 คน
ในจำนวนนักโทษทั้งหมด 368,472 คน เป็นผู้ต้องขังเกี่ยวกับคดียาเสพติดมากที่สุด คือกว่า 79% หรือ 291,456 คน อีกประมาณ 11% หรือ 41,259 คน มีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ส่วนอีก 7% หรือ 27,589 คน มีความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย และอีก 3% เป็นความผิดอื่นๆ โดยมีนักโทษที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตเพียง 6,534 คน และมีนักโทษที่ต้องโทษประหารเพียง 324 คน ซึ่งรวมกันแล้วไม่ถึง 2%
นอกจากนี้ ช่วง 5 ปีที่ผ่านเรือนจำทั่วประเทศไทยมีนักโทษรวมกัน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 330,000 คน/ปี โดยในแต่ละปีกรมราชทัณฑ์ต้องรับนักโทษเข้าคุกเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ ซึ่งมากกว่าจำนวนนักโทษที่ถูกปล่อยตัว อย่างเมื่อปี 2561 มีนักโทษเข้าคุกทั้งสิ้น 221,951 คน ขณะที่ปล่อยตัวนักโทษออกจากคุก 148,502 คน
ดังนั้นเมื่อทุกๆ ปีมีนักโทษเข้าคุกมากกว่าออก ความแออัดในเรือนจำจึงยากจะลดลง จำนวนผู้ต้องขังที่มากเกินความจุของคุกและเกินกำลังดูแลของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพของกระบวนการฟื้นฟูนักโทษภายในคุก รวมถึงความเข้มงวดของกระบวนการพิจารณาลดโทษ จนสุดท้ายแล้วทำให้ผู้กระทำความผิดบางรายออกจากคุกมาก่อเหตุซ้ำ
วานนี้เห็นข่าว ก็ขอชื่นชมความตั้งใจในการทำงานและแนวคิดของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เกี่ยวกับการแก้ปัญหาการแออัดในเรือนจำ โดยการคัดชั้นนักโทษที่มีโทษเหลือน้อยและเป็นนักโทษชั้นดี ให้ติดกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไล EM และกลับคืนสู่สังคม อีกทั้งเร่งศึกษาโครงการสร้างงานสร้างอาชีพอีกทางหนึ่งด้วยการทำโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ให้ผู้ต้องขังพัฒนา ทักษะ ความรู้ อาชีพ ด้านต่างๆ สร้างรายได้ระหว่างต้องโทษแบ่งเบาภาระทางบ้าน ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีและสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ตนได้เดินทางมาหลายประเทศ ดูแนวการแก้ไขปัญหายาเสพติดในแต่ประเทศที่ทำสำเร็จมาซึ่งน่าเอามาเป็นแบบอย่าง
ผมจึงขอเสนอแนวทางเพิ่มเติม เกี่ยวกับการลดจำนวนผู้ต้องขังส่วนใหญ่ คือ ผู้ต้องขังคดียาเสพติด ที่มีมากถึง 291,456 คน หรือ กว่า 79% ของนักโทษทั้งหมด เท่ากับ ประชากรประเทศวานูอาตู เลยทีเดียว ซึ่งผู้ต้องขังคดียาเสพติด คือ กระทำผิดโดยเสพยาบ้า 80% อีก 10% เสพเฮโรอีน และ ฝิ่น นอกนั้นอีก 10% คือ ผู้ค้า
ดังนั้น ผมจึงอยากเสนอแนวคิดให้ ผู้เสพยาบ้า หรือ เสพเฮโรอีน หรือ เสพฝิ่น หรือ ผู้ถือครองยาเสพติดในปริมาณพอประมาณ หรือ เรียกว่าผู้ค้าปลีก เป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาบำบัดพื้นฟู โดยใช้ โปรตุเกส-สวิสเซอร์แลนด์ โมเดล เพราะประเทศเขาทำสำเร็จ คนติดยาหรือผู้เสพได้รับการบำบัดรักษาเพิ่มเติม อัตราการใช้ของวัยรุ่นลดลง อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดลดลง และ มูลค่าของยาเสพติดถูกลง ขบวนการค้ายาเสพติดขาดสภาพคล่องจนล่มสลาย
เราไม่จำเป็นเลยที่ต้องทุ่มเทกำลังทรัพยากรทุกอย่างในการปราบปรามยาเสพติด เพราะยิ่งปราบปรามมาก ราคายาเสพติดยิ่งเพิ่มมูลค่ามาก ทำให้ผู้ผลิตผลิตมากขึ้น ทำมานานมากแต่ก็ยังเพิ่มขึ้นทวีคูณ ก็แสดงว่าเรามาผิดทาง การใช้วิธีรุนแรงไม่ใช่ทางออก เพิ่มภาระงบประมาณแผ่นดินในด้านการปราบปราบและเพิ่มงบในการดูแลผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์เท่ากับ 1 ประเทศ (ไอซ์แลนด์)
ถ้าวิธีนี้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย รัฐบาล สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา เห็นด้วยกับตน ตนก็จะเสนอสภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดและนักโทษยาเสพติดล้นคุก ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี