“สาทิตย์” ติงส.ส.ทำตัวเป็นกองหนุน-ค้านชุมนุมนิสิตนศ. ไม่ถูกต้อง ชี้สภาฯต้องหาสาเหตุ “สุทิน”แนะต้องยึดหลักเมตตาเด็ก เชียร์ นายกฯรับฟังความเห็นเยาวชนด้วยตัวเอง ค้านตั้งกมธ.วิสามัญฯเหตุแก้ไม่ตรงจุด ด้าน “ส.ส.ก้าวไกล” จี้ แก้ รธน. ถ้าไม่แก้นำสู่ความตายของประชาชน ลั่นองค์กรอิสระพึ่งไม่ได้ก็ต้องพึ่งนศ.
เมื่อวันที่ 22 กรกฏาคม 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีการพิจารณาญัตติเพื่อรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มนักศึกษษาหลังออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ส.ส.ได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ส.ส.ทำเป็นกองเชียร์หรือทำตัวเป็นฝ่ายค้านในเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของนิสิตินักศึกษา คิดว่าไม่ถูกต้อง แต่เราต้องเปิดใจให้กว้างหาสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้ และต้องทำความเข้าใจว่าการชุมนุมตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นมา แตกต่างไปจากแต่ก่อน กล่าวคือ ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน ไม่มีแกนนำที่ชัดเจนเหมือนแต่ก่อน แต่เป็นชุมนุมกลุ่มเล็กๆกระจายหลายกลุ่ม เป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ มีอาวุธสำคัญคือโซเชียลมีเดีย
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ถ้าแยกแยะประเด็นเนื้อหาในการชุมนุม จะเห็นหลากหลายประเด็น ตนยอมรับว่ามีหลายประเด็นที่ถูกบิดผันให้ร้ายนิสิตนักศึกษาได้ หรือเป็นประเด็นที่ไม่ควรเคลื่อนไหว เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหวที่อาจสร้างความขัดแย้งใหญ่ในสังคม แต่ก็มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การบังคับใช้กฏหมายให้เป็นธรรม การแก้ไขปัญหาปากท้อง เหล่านี้มีน้ำหนักในการเคลื่อนไหว และคิดว่าสภาฯสามารถมีส่วนร่วมกับจุดนี้ได้ ตนจึงสนับสนุนให้มีกมธ.วิสามัญเพื่อรับฟังเรื่องนี้โดยเฉพาะ และการตั้งกมธ.ดังกล่าวไม่ได้แปลว่าเป็นการตัดตอน หรือไม่ให้มีความเคลื่อนไหว ยังคงเคลื่อนไหวได้แต่ต้องเป็นไปสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์แบบนี้ทุกคนห่วงใย เพราะบ้านเมืองผ่านแบบนี้และมีบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้น เราต้องมีวิธีคิดแบบใหม่ ซึ่งไม่พ้นหลักเมตตา วันนี้หากเห็นเขาเป็นเด็ก เราเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องเมตตา เยาวชนไทยกล้าคิดแบบนี้ เมตตาแรกคือรับฟังเขา ถูกผิดให้แนะนำ แต่สุดท้ายอย่าใช้ความรุนแรง การรับฟังคือการเมตตาเบื้องต้น หากบอกว่าไม่รับฟังถือว่าไม่เมตตา แต่ที่เป็นห่วงคือให้ใครฟัง ฟังแบบใด ญัตติหนึ่งบอกตั้งกมธ.วิสามัญฯ หมายถึงให้สภาฯฟัง แต่พวกตนบอกให้รัฐบาลฟัง อย่าหลงประเด็น
อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของนักศึกษา 3 ข้อ นายกรัฐมนตรีต้องมารับฟังเอง ไม่ใช่ตั้งกมธ.วิสามัญฯ เพราะข้อเรียกร้องดังกล่าวผู้ที่ตอบได้ คือ นายกรัฐมนตรีเท่านั้น หากให้กมธ.วิสามัญเป็นผู้รับ นอกจากไม่แก้ตรงจุด ถามผิดคนแล้ว นิสิตนักศึกษาจะองว่าเป็นเพียงพิธีกรรม ถ้าเมตตาจริงก็ต้องมีความจริงใจ และถูกที่ถูกเวลาด้วย ทั้งนี้ เชื่อว่าถ้าตั้งกมธ.วิสามัญฯนักศึกษาจะไม่มา รวมทั้งจะมองแบบกลับตาลปัตรว่าไม่จริงใจและ เบี่ยงเบน
ส่วนนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมนอกจากความวิปริต คือการไม่พอใจต่อการบังคับใช้กฏหมาย และตัดสินคดีแบบสองมาตรฐาน ความไม่พอใจที่เกิดขึ้นหมายความรวมถึงการตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ตัดสิทธิ์ส.ส. ดังนั้น อารมณ์ของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่เกิดขึ้น คือเกิดจากความรู้สึกจากสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุกคามสิทธิมนุษยชน จากกรณีจับนิสิตนักศึกษาที่จังหวัดระยอง
นายจิรวัฒน์ กล่าวอีกว่าข้อเรียกร้องของนักศึกษาก็ไม่ใช่ข้อเรียกร้องเกินความรับได้ของพวกเรา หรือไกลเกินความเห็นพ้องต้องการ การยุบสภาเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ความจริงปลายทางท้ายที่สุดในการแก้ไขปัญหาคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเนื้อหาของบทบัญญัติแก้ยาก แต่หากส.ว.เห็นด้วย เอาประชาชนเป็นหลังพิงฝา ตนจะชื่นชมและขอบคุณส.ว.ผ่านสภาฯแห่งนี้
“ส่วนข้อเรียกร้องว่าอย่าคุกคามประชาชน ก็ไม่ยาก เพียงแค่รัฐบาลเปิดตำราธรรมาภิบาล เสรีประชาธิปไตยดังนั้น รัฐธรรมนูญปี 60 ถ้าไม่แก้จะนำไปสู่ความตายของประชาชน เพราะเนื้อหาขัดต่อหลักการประชาธิปไตย นี่คือรัฐธรรมนูญที่แย่ที่สุดเท่าที่มีมา องค์กรอิสระวันนี้ก็ไม่ได้อิสระ พวกผมก็ไม่รู้จะพึ่งใคร สงสัยต้องพึ่งนิสิตนักศึกษา องค์กรอิสระวันนี้อยู่ภายใต้รัฐบาลหรือไม่ ไม่รู้ รู้เพียงว่าองค์กรอิสระมาจากของสภานิติบัญญัติที่คสช.แต่งตั้ง ดังนั้นผมจึงต้องให้กำลังใจนิสิตนักศึกษา เพราะเป็นอนาคตของประเทศ และมีถ้อยคำอยากบอกกับนิสิตนักศึกษา ซึ่งเป็นบันทึกจากเหตุการณ์ 6 ตุลา ที่ระบุว่าถ้านักเรียนนักศึกษาเอาแต่ก้มหน้าอ่านตำรา แสงสว่างแห่งความธรรมจะไม่ปรากฏ” ส.ส.กทม. กล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายตอนหนึ่งว่า สถานการณ์และบรรยากาศทางการเมืองของประเทศในขณะนี้ไม่สู้ดีนัก รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาที่เกิด โดยการรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขปลดล็อคทางการเมือง สำหรับข้อเรียกร้องของสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) 3 ข้อนั้น เห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง 2 ข้อครึ่ง คือ 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง และตรงกับจุดยืนของพรรคประชาธิปตย์ ในการแก้ไขมาตรา256 เพื่อนำไปสู่การแก้ไขมาตราอื่นๆ และการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีการสืบทอดอำนาจอย่างแท้จริง ประธานคสช.แต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา250คน เลือกประธาน คสช.เป็นนายกรัฐมนตรี
นายเทพไท กล่าวอีกว่า 2.หยุดคุกคามประชาชน ซึ่งสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะใช้อำนาจมาคุกคามประชาชนไม่ได้ ถ้ามีการกระทำผิดก็ต้องใช้กฎหมายเข้าแก้ไขปัญหา ต้องไม่มีอำนาจมืด อำนาจนอกระบบมาคุกคามประชาชนโดยเด็ดขาด และ3.เรียกร้องให้ยุบสภา ส่วนตัวไม่ขัดข้อง เพราะเห็นว่าการยุบสภาเป็นกลไกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย แต่การยุบสภาภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดิม ผลการเลือกตั้งก็ไม่ต่างจากเดิม ทุกฝ่ายต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ จึงยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน
ทั้งนี้ ขอเตือนรัฐบาลและผู้มีอำนาจว่า อย่าประมาทพลังนักศึกษาในยุคนี้ ยิ่งตอนนี้ได้มีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ในเกือบทุกจังหวัด จะเกิดปัญหาลุกลามไปจนไม่สามารถรับมือได้ สุดท้าย ตนในฐานะผู้นำนักศึกษารุ่นพี่ ขอให้กำลังใจกับนักศึกษา เยาวชนคนหนุ่มสาว ด้วยบทกลอนของนายเสถียร จันทิมาธร ว่า “ตื่นเถิดเสรีชน อย่ายอมทนก้มหน้าฝืน ดาบหอกกระบอกปืน หรือทนคลื่นกระแสเรา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทั่งเวลา 19.20 น. นายสุชาติ ตันเจริญ ประธานในที่ประชุม แจ้งต่อที่ประชุมว่าวันนี้สมาชิกได้อภิปรายกันไปพอสมควรแล้ว จึงสั่งปิดการประชุม และขอให้อภิปรายญัตติดังกล่าวต่อในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.2563)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี