‘ส.ว.’ข้องใจ 2 พยานใหม่โผล่คดี‘บอส’ บี้นายกฯสอบ เตือนอย่าประมาทความรู้สึกปชช.
26 กรกฎาคม 2563 นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟสบุ๊กระบุกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา กรณีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต มีเนื้อหาดังนี้
อับอาย อึดอัด คับข้อง และคุกรุ่น !
_____________
นายดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐถูกหนุ่มทายาทอภิมหาเศรษฐีระดับโลกขับรถเฟอรารี่ชนตายลากไปเป็นระยะทางยาวแล้วยังถูกกระบวนการยุติธรรมทางอาญาขั้นก่อนศาลวินิจฉัยว่าขับรถมอเตอร์ไซค์โดยประมาทเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ตัวเองตาย ต้องตกเป็นผู้ต้องหาที่ 2 มาตั้งแต่แรกในชั้นพนักงานสอบสวนแล้ว แปลว่าในชั้นต้นพนักงานสอบสวนตั้งประเด็นไว้ว่าเป็นเหตุที่เกิดจากความประมาทร่วมกันของคู่กรณี
แต่ท้ายสุด ในสำนวนสั่งคดีของอัยการ ท่านเห็นว่าเป็นเหตุประมาทของนายดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐฝ่ายเดียว ทายาทอภิมหาเศรษฐีหาประมาทไม่ !
คิดในแง่บวก ก็ยังดีที่ทายาทนายดาบไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้อีก !!
เหตุเกิดเพราะมีการร้องเรียนขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการให้สอบสวนใหม่หลายครั้ง หลายช่วงเวลา รวมทั้งร้องเรียนไปยังองค์กรอื่นด้วย ในที่สุดอัยการจึงสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม ปรากฏว่ามีนายตำรวจ 2 นายเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญมาให้การเพิ่มเติมเรื่องความเร็วของรถเฟอรารี่ โดยตรวจสอบสภาพของรถคู่กรณีโดยเปรียบเทียบกับคดีอื่น ๆ แล้ว ยืนยันว่ารถเฟอรารี่ขีบมาด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ไม่ใช่ 177 กม./ชม. บวกลบ เหมือนที่พยานผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนายตำรวจเช่นกันเคยให้การไว้ในการสอบสวนครั้งแรก
นอกจากนี้พยานบุคคลใหม่มาให้การในวันที่ 4 ธันวาคม 2562 อีกด้วย
พยานบุคคลใหม่ทั้ง 2 รายเป็น “ประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ” จึงมีความสำคัญต่อเนื่องมาจากพยานผู้เชี่ยวชาญใหม่ข้างต้น
เพราะเรื่องความเร็วของรถ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เป็น “ประเด็นสำคัญแห่งคดี” นี้ที่จะทำให้วินิจฉัยได้ว่าใครประมาทหรือประมาทร่วม
พยานทั้งสองบอกว่าขับรถมาด้วยความเร็วราว 60 - 70 กม./ชม. ตามรถมอเตอร์ไซค์
และนายดาบเป็นผู้เปลี่ยนเลนจากเลนที่ 1 ด้านติดฟุตปาธ ไปยังเลนที่ 3 ด้านติดเกาะกลางถนนที่รถเฟอรารี่ขับมาอย่างกระชั้นชิด
อัยการท่านเชื่อพยานผู้เชี่ยวชาญใหม่ และประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุใหม่ เห็นว่าคนขับรถเฟอรารี่ไม่เป็นผู้ขับรถโดยประมาท เพราะขับมาด้วยความเร็วตามกฎหมายเป๊ะ แต่กลับถูกปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด จึงชนไปโดยเหตุสุดวิสัย หาใช่ประมาทไม่ ผู้ประมาทคือนายดาบเคราะห์ร้ายผู้วายชนม์ต่างหาก ส่วนข้อหาขับรถขณะดื่มสุรานั้นสั่งไม่ฟ้องไปนานแล้ว จึงไม่อยู่ในประเด็นแห่งคดีนี้
จึงพลิกกลับคำสั่งฟ้องเดิม สั่งไม่ฟ้อง
ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่โต้แย้ง
ไม่มีรายงานว่า “ประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ” ใหม่ทั้ง 2 ราย ที่ขับรถอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยขับรถตามนายดาบ เห็นเหตุการณ์กับตาทั้งหมด ไฉนเพิ่งมาให้การเอาในช่วงนี้ เมื่อ 8 ปีก่อนขณะเกิดเหตุการณ์โด่งดังไปอยู่เสียที่ไหน และประเด็นนี้อัยการท่านสงสัยหรือไม่ และมีเหตุผลใดมีน้ำหนักเพียงพอมาหักล้างข้อสงสัยนั้น
.........
ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบโดยด่วนเป็นเบื้องต้น ท่านเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร อย่างน้อยที่สุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็อยู่ในราชการฝ่ายบริหารภายใต้การกำกับดูแลของท่านโดยตรง และท่านเองก็ได้รับปากอย่างองอาจกลางสภาว่าจะเร่งดำเนินการปฏิรูปตำรวจ บัดนี้เวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้ว กรุณาบอกกล่าวต่อประชาชนว่าท่านจะทำอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติกับร่างพ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญาที่อยู่ในมือของท่าน จะเอายังไงกันดีครับ
ผู้คนทั้งสังคมอับอาย อึดอัดคับข้อง อารมณ์คุกรุ่น อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
อยากได้มธุรสชโลมใจลดความอึดอัดคับข้องคุกรุ่นจากปาก และการกระทำของท่านนายกรัฐมนตรีโดยพลันครับ
บริหารราชการแผ่นดินโดยประมาทความรู้สึกของประชาชนไม่ได้เด็ดขาด
คำนูณ สิทธิสมาน
สมาชิกวุฒิสภา
26 กรกฎาคม 2563
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี