‘ผมไม่โอเค’
บิ๊กตู่ประกาศจุดยืนคดี‘บอส’
กลางเวทีคณะทูตในไทย
สตม.ชี้‘วรยุทธ’เข้าไทยได้
ตำรวจสรุปผลสอบ13ส.ค.
นายกฯ ย้ำจุดยืนต่อหน้าทูตานุทูต “ไม่โอเคคดีบอส” ลั่นต้องการความโปร่งใส เชื่อมั่นระบบยุติธรรมไทย เกาะติดไม่ปล่อย ด้านสตม.เผย“บอส”ไม่มีหมายจับในสารบบกลับเข้าไทยได้ ส่วนทีม ตร.สอบ “พ.ต.ท.ธนสิทธิ์”ปมวิธีคำนวณความเร็วรถ เตรียมสรุปผลเสนอ ผบ.ตร. 13 สิงหาคมนี้ขณะที่“สัณหพจน์”น้อยใจลาออกที่ปรึกษาประธานกมธ.ตำรวจ อ้างเวลาประชุมซ้ำซ้อน ขอนั่งเลขาฯ กมธ.วิทย์คณะเดียว
เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 6สิงหาคม ที่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ Bangkok Post Forum 2020 : “พลิกฟื้นประเทศไทย : ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง” โดยมีนักธุรกิจและคณะทูตานุทูต เข้าร่วมงาน ว่าได้พยายามเข้ามาแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ มีผลงานปรากฏอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด การปราบปรามการค้ามนุษย์ และการหลอกลวง รวมถึงความผิดต่างๆ มีสถิติการทำงานอยู่ทุกเดือน โดยสั่งให้ทุกคนต้องรายงานขึ้นมา ฉะนั้นอะไรที่ดูแล้วไม่น่าจะดี ยังไม่ดี ก็กำชับไปยังหัวหน้าหน่วยงานในหลายหน่วยงาน ตนทำได้เพียงแต่ต้นทาง
นายกฯจี้ตร.ทำให้ปชช.เชื่อมั่น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่กำกับดูแลตำรวจให้เป็นตำรวจที่ประชาชนเชื่อมั่น ซึ่งยังมีปัญหาอยู่เยอะ เพราะนั่นคือมนุษย์ มันมีทั้งคนดี คนไม่ดี มีผลประโยชน์และไม่มีผลประโยชน์ แต่ทำอย่างไรจะทำสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งอยู่ที่ตัวเราเองทุกคน ทุกท่านรู้ตัวว่าทำดีหรือไม่ดี
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่กำลังเป็นประเด็นใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจ คือคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทนักธุรกิจชื่อดัง ที่ขับรถยนต์ชนจักรยานยนต์ของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ สน.ทองหล่อ จนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2555 กรณีนี้แสดงให้เราเห็นได้ชัดเจนถึงความสำคัญของสื่อที่มีต่อ สังคมไทย และนั่นคือเหตุผลที่ตนเชื่อว่าในประเทศไทย สื่อต้องมีความเป็นอิสระ และมีความแข็งแรง ต้องมีจรรยาบรรณ สื่อคือฐานันดรที่ 4 ต้องมีหลายๆ อย่าง ต้องวางตัวเป็นกลาง เสนอข่าวที่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เรื่องนี้ท้าทายระบบยุติธรรมและระบบกฎหมาย และกระทบต่อความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อระบบรัฐทั้งหมด
ย้ำจุดยืนไม่โอเคกับคดี‘บอส’
“ผมจึงขอแสดงจุดยืนของผม ในเรื่องนายบอส ว่า ผมไม่โอเคกับหลายเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน ผมต้องการให้มีความโปร่งใส ผมจะผลักดันและจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ผมพร้อมที่จะดำเนินการ หลังจากเห็นข้อสรุปของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้น ซึ่งมีความเป็นอิสระและประกอบไปด้วยผู้ที่เป็นที่ยอมรับของสังคม ทั้งในเรื่องความรู้และความเป็นกลาง พร้อมที่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายที่มีอยู่ คดีนี้ถือเป็นอีกคดีในอีกหลายแสนหลายล้านคดีในประเทศไทย เป็นคดีที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะไม่ต้องการให้ทุกอย่างสร้างความไม่เชื่อมั่นต่อไป” นายกฯ กล่าว
ชี้บทบาทนายกฯพูดสิ่งที่ควรพูด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ที่ตนพูดมาทั้งหมดเพื่อให้เห็นบทบาทนายกฯ ว่าอยู่ตรงไหน ถ้าให้ลงไปข้างล่างคงเป็นไปไม่ได้ แต่ตนสามารถติดตามกำกับดูแลประเมินผลจากบนลงล่าง หาคำตอบมา
นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีคดีนายบอส ในระหว่างปาฐกถาที่มีทูตานุร่วมฟังว่า “ผมควรจะพูดในส่วนของผม เพราะต้องการสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศเขา มันควรจะมาจากระบบกฎหมายไทยไม่ดีกว่าหรือ อะไรที่มันผิด มันบกพร่อง ก็ควรแก้ไป คดีมันมีตั้งเป็นแสนคดี ไม่อย่างนั้นทุกอย่างมันพันกันหมด ต้องไปแก้จุดที่มันเป็นจุดอ่อน ขั้นตอน กระบวนการ กฎหมายต่างๆ ต้องไปดูตรงนั้นอีก ไม่อย่างนั้นก็เกิดช่องว่างอยู่อย่างนี้ ผมก็รับไม่ได้ตอนนี้ เหมือนกับพวกเรา อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ตม.เผยไม่มีหมายจับในสารบบ
ขณะที่ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.เปิดเผยถึงกรณีนายวรยุทธ จะเดินทางเข้าประเทศไทยได้หรือไม่ ว่าในระบบฐานข้อมูลของ สตม.ต้องมีเอกสารจากหน่วยงานราชการประสานมาเพื่อให้นำข้อมูลเข้าระบบ ก่อนหน้านี้ เมื่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ขออำนาจศาลออกหมายจับ สตม.ก็นำเข้าสู่ระบบ และเฝ้าระวัง ตรวจสอบการเดินทางเข้าออก แต่หลังจากนั้น สน.ทองหล่อ มีหนังสือมาอีกกรณียกเลิกหมายจับนายวรยุทธ เนื่องจากอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง สตม.จึงลบข้อมูลออกจากระบบตามเอกสารที่แจ้งมา ปัจจุบันนายวรยุทธ จึงสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่หากเข้ามาเวลานี้ก็ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องกักตัว การเฝ้าระวังตามมาตรการ และสังเกตอาการที่สถานที่กักกันโรคของรัฐ เป็นเวลา 14 วัน
แจงเหตุอ้างพยานตายอยู่ไต้หวัน
ด้าน พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.กล่าวถึงกรณีนายจารุชาติ มาดทอง พยานในคดีของนายวรยุทธ ที่เสียชีวิต แต่สังคมมีความเคลือบแคลงสงสัย ว่าก่อนหน้านี้อยู่ไต้หวัน แต่มาให้ปากคำในประเทศไทยได้อย่างไร ว่า ได้ตรวจสอบพบว่าวันที่ 8 กันยายน 2555 ภายหลังเกิดเหตุ นายจารุชาติ ยังอยู่ในประเทศไทย และให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนครั้งแรก จากนั้นจึงเดินทางไปไต้หวัน เมื่อปี 2557 อยู่ที่ไต้หวัน 3 ปี กระทั่งกลับมาเมื่อปี 2560 และเข้าพบพนักงานสอบสวนครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ก่อนจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบพ.ต.ท.ธนสิทธิ์ความเร็วรถ
วันเดียวกัน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำคดีนายวรยุทธ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าต่อเนื่องเป็นวันที่ 8
มีรายงานข่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ มีการพิจารณาคำให้การประกอบสำนวนคดี เกี่ยวกับเรื่องการคำนวณความเร็วรถยนต์ของ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งลงไปตรวจที่เกิดเหตุในครั้งแรก และคำนวณความเร็วรถขณะเกิดเหตุสูงถึง 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ว่ามีการคำนวณและให้การอย่างไรกับคณะพนักงานสอบสวน ส่วนเรื่องการเชิญนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เคยเป็นที่ปรึกษาสำนักงานกองพิสูจน์หลักฐาน และร่วมตรวจสอบคำนวณความเร็วรถ ร่วมกับ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเชิญมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ ในวันเดียวกันนี้ด้วยหรือไม่
คาดส่งผลสรุปถึงผบ.ตร.13ส.ค.นี้
ด้าน พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เปิดเผยภายหลังเข้าชี้แจงกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมายฯ ที่รัฐสภา ว่า ได้ชี้แจงความคืบหน้าต่างๆ ที่ดำเนินการไปพอสมควรแล้ว แต่คงไม่มีการแถลงข่าวอีกจนกว่าจะสรุปผลการตรวจสอบเสนอต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้พิจารณาไม่เกินวันที่ 13 สิงหาคมนี้ จากนั้นอาจจะมีการแถลงข่าวในรายละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.อ.ศตวรรษ เปิดเผยด้วยว่า ขอยืนยันว่าเรื่องการแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดฯ กับนายวรยุทธ เหลือเพียงการรอเอกสารยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุข เท่านั้น ส่วนเรื่องการพิสูจน์ความเร็วรถ ยังต้องรอคำสั่งจากอัยการสูงสุด ว่าจะสั่งการให้สอบสวนอย่างไรบ้าง ส่วนการเชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้ลงนามคำสั่งไม่เห็นแย้งอัยการ จะมีการเชิญเข้าพบคณะกรรมการในเร็วๆ นี้ ยืนยันว่าการตรวจสอบขณะนี้เป็นการลงลึกในรายละเอียด ว่าการทำหน้าที่ของตำรวจที่เกี่ยวข้องมีข้อเท็จจริงอย่างไร
‘สัณหพจน์’ลาออกกมธ.ตำรวจ
ที่ รัฐสภา นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่ปรึกษาประธาน กมธ.กิจการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จะแจ้งต่อที่ประชุม กมธ.กิจการตำรวจ เพื่อขอลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาประธาน กมธ.เนื่องจากเป็นเลขาฯ คณะ กมธ.การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม ด้วย ทำให้เวลาการประชุมซ้ำซ้อนกัน
นายสัณหพนจ์ กล่าวต่อว่า ใน กมธ.วิทย์ฯ เป็นคณะหลักที่ตนเป็นเลขาฯ ส่วน กมธ.กิจการตำรวจ เป็นแค่ที่ปรึกษาประธาน กมธ.ตนจะเข้าประชุมในวาระสำคัญที่น่าสนใจเท่านั้น และวันเดียวกันนี้ในการประชุม กมธ.กิจการตำรวจ ตนก็มาช้า จึงทำให้ไม่ได้เข้าประชุม เพราะติดประชุม กมธ.อีกคณะหนึ่ง จึงขอประกาศลาออกจากที่ปรึกษาประธาน กมธ.กิจการตำรวจ เมื่อถามว่า การลาออกครั้งนี้เกิดจากความน้อยใจที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมลับหรือไม่ นายสัณหพจน์ กล่าวว่า ไม่ได้น้อยใจ แต่ก็มีส่วน เพราะตนเป็น ส.ส.และเป็นที่ปรึกษาประธาน กมธ.เข้าร่วมประชุมไม่ได้ ในเมื่อรู้เรื่องไม่ได้ ก็ไม่ต้องรู้เรื่องไปเลย
เผยยังไม่ได้แจ้งต่อประธานกมธ.
นายสัณหพจน์ กล่าวว่า ยังไม่ได้แจ้งเรื่องการลาออกกับประธาน กมธ.ส่วนการที่ถูกมองว่า กมธ.กิจการตำรวจ ไม่ค่อยทำงานที่สะท้อนออกมาเพื่อสังคมเท่าไหร่นั้น ตนเห็นว่าสังคมรับรู้ดี และทราบการทำงานของตำรวจและสังคมทุกอาชีพมองตำรวจอย่างไรบ้าง ซึ่งตนอยากจะช่วยเหลือและเคยบอกในการประชุม กมธ.กิจการตำรวจ ว่าเราต้องให้คำตอบกับประชาชนโดยเฉพาะคดีนายวรยุทธ เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก
‘ประยุทธ’เบี้ยวนัดชุด’บวรศักดิ์’
อีกด้านหนึ่ง ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายธานี วรภัทร์ คณะทำงานและเลขานุการคณะทำงานตรวจสอบอัยการ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ซึ่งอยู่ภายใต้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน แถลงว่าหลังจากได้เชิญ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าให้ถ้อยคำกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ แต่นายประยุทธ ได้แจ้งมาว่าไม่สามารถเข้าให้ข้อมูลได้ เนื่องจากติดภารกิจ และขอเลื่อนให้ข้อมูลเป็นวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เวลา 13.00 น.ทางคณะทำงานจึงเลื่อนการประชุมไปเป็นวันที่ 9 สิงหาคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี