หวังใช้การทูตดึงต่างชาติลงทุน
‘บิ๊กตู่’แจงยิบ
เหตุตั้ง‘ดอน’นั่งควบรองนายกฯ
ดัน‘นฤมล’ขับเคลื่อนศก.
ยินดีรับฟังเสียงวิจารณ์
ยังไม่เคาะโฆษกรบ.ใหม่
เฉลิมแนะ3ทางออกรัฐบาล
“บิ๊กตู่” แจงตั้ง “ดอน” นั่ง รองนายกฯ อีกตำแหน่ง หวังอัพเกรด “บัวแก้ว”เดินหน้าธุรกิจ-เศรษฐกิจไปด้วยกัน หลังโควิดคลี่คลาย ส่วนรมช.แรงงาน หวังให้เป็นกระทรวงศก.เพิ่ม มีงานทำมากขึ้น ย้อนถามมีกี่คนที่ไม่แฮปปี้ครม.ใหม่ เผยคุยกับเอกชนมาตลอด ปัดตั้งโฆษกรัฐบาล รับมีหลายชื่อให้เลือก “ณัฏฐพล” ปัดชง “อนุชา” นั่งโฆษก รบ. ขณะที่ประธานวิปรัฐบาล ย้ำรอผลสรุปกมธ.ศึกษาแก้รธน.ฯก่อนเคาะ ยอมรับแก้ยากด้าน “เฉลิม” แถลงการณ์ยื่น 3 ข้อ ทางออกรัฐบาล “ยกเลิกรธน.’60-ให้นํารธน.’40 มาใช้ทันที-จี้ นายกฯประกาศยุบสภา ให้จัดเลือกตั้งใหม่ ภายใน60วันขณะ ตร.บุกจับ’ทนายอานนท์’ฐานยุยงปลุกปั่น
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง กรณี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ นั่งควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง ว่า เราต้องการอัพเกรดให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.)ดำเนินการเรื่องธุรกิจเศรษฐกิจไปด้วย เพราะสังเกตว่าเวลาทูตต่างประเทศเข้ามา เขาจะไม่พูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างเดียว แต่จะพูดถึงโครงการต่างๆที่จะร่วมมือกับเราจึงคิดว่าบางอย่าง จะมอบหมายให้ นายดอน มาช่วยและในการเดินทางไปต่างประเทศของ นายดอน ท่านจะเหมือนเป็นตัวแทนตนในการพูดคุยเจรจาโดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังไวรัสโควิดคลี่คลาย
“วันข้างหน้าคิดว่าเอกอัครราชทูต กงสุล ผู้แทนทางการค้าต้องเร่งรัดเรื่องเหล่านี้เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด รวมทั้งความยั่งยืนในอนาคต เพราะอนาคตเราต้องใช้เวลาทำทุกอย่างเป็นโครงการที่ใหญ่พอสมควรและจะออกมาเรื่อยๆ แล้ววันข้างหน้าการตกงานก็จะลดลง แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรใหม่เลยก็จะอยู่ในที่เก่า เราต้องแก้ปัญหารูปแบบใหม่ แก้ทั้งระบบ แต่อาจต้องใช้เวลาบ้าง’นายกฯกล่าว
ตั้ง รมช.แรงงาน หวังเพิ่มจ้างงาน
เมื่อถามถึงเหตุผลในการตั้ง รมช.แรงงาน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยากให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจอีกกระทรวงหนึ่ง เพราะเรามีการจ้างงานจำนวนมาก เราจึงต้องมีคำตอบ การมีงานทำมากขึ้น ข้อมูลต่างๆมีเยอะมาก สิ่งสำคัญอยากให้มีคนไทยได้ทำงานบางประเภทบ้าง อัพเกรดตัวเองให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้า ไม่ใช่อยู่เฉพาะแรงงานที่หลายคนไม่อยากทำ นี่คือความจำเป็นในการจ้างแรงงานต่างด้าว เรื่องค่าจ้างมีผลต่อการประกอบธุรกิจทั้งสิ้น ดังนั้นคนไทยต้องอัพเกรดตัวเองให้มีความรู้ มีการฝึกอบรมเพื่อตัวเองให้เป็นหัวหน้าให้ได้ ไม่เช่นนั้นพอเป็นงานระดับล่างทุกคนก็ไม่อยากทำ
ยังไม่ตั้งโฆษกรบ.-อ้างมีหลายชื่อ
เมื่อถามว่า สัปดาห์หน้าจะแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า” ก็กำลังหาอยู่ สื่อมีใคร เสนอขึ้นมาบ้าง ช่วยหามาและเสนอมาให้ผม จะถูกใจหรือไม่ถูกใจก็เป็นเรื่องที่ผมจะตัดสินใจเอง สื่ออยากได้ใครก็ลองเสนอขึ้นมา”เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ามีชื่อ นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า”ก็มีชื่อมาหลายคนเหมือนกันแหละ แล้วสื่อเลือกใคร”ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวระบุว่า ขึ้นอยู่กับนายกฯตัดสินใจ พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า “นั่นไง พอดีก็ไม่ชม ไม่ว่า แต่พอไม่ดีก็นายกฯรับผิดชอบ มันก็เป็นแบบนี้แหละ”
ยินดีฟังเสียงวิจารณ์ครม.ใหม่
เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ มีเสียงฟีดแบ็กจากภาคธุรกิจและเอกชน นายกฯพร้อมที่จะรับฟังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็คุยกันอยู่แล้ว สื่อไม่รู้หรือว่า เราคุยกันอยู่แล้ว คณะที่ปรึกษานายกฯด้านเศรษฐกิจ เขาก็คุยอยู่ เมื่อถามว่า แต่มีฟีดแบ็กต่อรัฐมนตรีบางคนว่าชื่อยังไม่ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ที่บอกว่าบางคน มันมีกี่คนล่ะ กี่คนที่ชอบและกี่คนที่ไม่ชอบ ครั้งนี้มันไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา มันอยู่ที่ ครม.อยู่ที่นายกฯว่า จะดำเนินนโยบายเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจในวันข้างหน้า เรื่องนี้ตนพูดคุยกับเขามาตลอด มีที่ปรึกษาเยอะแยะไปหมด
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯเคยระบุว่า จะตั้งทีมเศรษฐกิจมาร่วมงาน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าไม่ต้องคิด กำลังร่างอยู่ ส่วนจะเสร็จเมื่อไหร่ก็เห็นเมื่อนั้น ขอให้รอ ครม.ใหม่ทำครบขั้นตอนเสียก่อน ขอร้องสื่ออย่าถามเรื่องนี้อีกเลย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนที่จะต้องเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่ต้องถามมาก
‘อนุชา-ทศพล’ชิงเก้าอี้โฆษก รบ.
มีรายงานข่าวภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายหลังปรับครม.ว่า มีความพยามเสนอรายชื่อบุคคลที่จะมานั่งในตำแหน่งโฆษกรัฐบาล เบื้องต้นมี 2แคนดิเดท ซึ่งเป็นอดีตลูกหม้อพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ทั้งคู่ ที่เตรียมเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณา โดยรายชื่อที่เปิดเผยมาก่อนหน้านี้ คือ นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการและอดีต สส.กทม.พรรคปชป.ที่ปัจจุบันลาออกจากพรรคปชป.แล้ว ซึ่ง นายอนุชา มีประสบการณ์ทางการเมือง เคยมีบทบาทในกรรมาธิการของสภาฯเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เคยเป็นรองโฆษกพรรคปชป.ด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การผลักดันของ นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ
ล่าสุดมีอีก1รายชื่อ ที่มีการหารือนอกรอบที่สภาผู้แทนราษฎร คืนวันที่ 6 สค.ที่ผ่านมาได้เสนอชื่อ นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมกฎหมาย พปชร.ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าพร้อมรับหน้าที่นี้และยอมรับว่านายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานวิปรัฐบาล เป็นผู้สนับสนุน ที่ผ่านมาก็ทำงานให้พรรคมาโดยตลอด ทั้งทำหน้าที่ประธานฝ่ายกฏหมาย พปชร.อีกทั้งเป็นทนายมาหลายสิบปี เชื่อมั่นว่ามีวาทะศิลป์ในการพูดเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว ทั้งนี้ นายทศพล ยังกล่าวด้วยว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมา ตนเคยเป็นอดีต สส.พรรคปชป.รองโฆษกพรรคปชป.และปัจจุบันยังเป็นเลขานุการ กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน จึงมีความพร้อมทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลและมั่นใจว่า จะทำหน้าที่ได้
อย่างไรก็ตาม การเสนอตำแหน่งโฆษกรัฐบาล ยังคงมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคระหว่างกลุ่มของนายณัฎพลและนายวิรัช ล่าสุด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.พรรค พปชร.จ.ราชบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า การเสนอชื่อนายอนุชา เป็นโฆษกรัฐบาลไม่น่าจะเป็นข้อเท็จจริง เพราะเคยเป็น สส.สอบตก ส่วนตัวเคยเห็นนายอนุชา พูดคล้ายๆคนติดอ่างจึงไม่เหมาะสมที่จะนั่งตำแหน่งนี้ ส่วนที่รายชื่อนายทศพล เหมาะสมหรือไม่ น.ส.ปารีณา ระบุว่า ไม่ทราบว่านายทศพล ถูกเสนอชื่อหรือไม่ แต่ที่รู้จักกับนายทศพลก็มีความเหมาะสม มีความพร้อมในการทำหน้าที่เพราะเป็นนักกฎหมาย มีความรอบรู้ทางข้อกฎหมาย ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกฯที่จะตัดสินใจเลือกใครมาดำรงตำแหน่งนี้
‘ณัฎฐพล’ปัดชง’อนุชา’นั่งโฆษกรบ.
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนผลักดัน นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรมว.ศึกษาธิการที่มีข่าวจะไปเป็นโฆษกรัฐบาลแต่ นายอนุชา เป็น เลขาฯรมว.ศึกษาธิการ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนความเหมาะสมที่จะเป็นโฆษกรัฐบาลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯซึ่งคงพิจารณาจากหลายๆคน ซึ่งจากประสบการณ์ทำงานรวมทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่เป็นเรื่องใหญ่ คนที่มีความสามารถในการอธิบาย การบริการจัดการการประชาสัมพันธ์ของทั้งรัฐบาลและทุกกระทรวงจึงต้องเป็นคนที่เหมาะสม จากชื่อที่ตนเห็นมานายอนุชาก็มีความเหมาะสม หลายๆคนที่มีความเหมาะสมอาจมีข้อจำกัดในการเป็น สส.ซึ่งทำให้การทำงานลำบากมากขึ้น เพราะต้องผสมผสานระหว่างการทำงานในสภา กับที่ทำเนียบ จึงเป็นข้อจำกัดที่ทำให้วงของผู้ที่เหมาะสมมีแคบลง
วิปรัฐบาล ย้ำรอผลสรุปกมธ.ศึกษา
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ( วิปรัฐบาล) กล่าวถึงความคืบหน้าการพูดคุยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมรัฐบาลว่า พรรคร่วมรัฐบาลขอให้รอคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สรุปและส่งรายงานให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อน เพื่อให้ทราบแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าควรดำเนินการอย่างไร กรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อสภาในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ อยากขอร้องให้ฝ่ายค้านเดินหน้าไปพร้อมกัน เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ และแก้ไขยากพอสมควร จึงขอให้ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ
ส่วนกรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา(ส.ว.) คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) มีผลต่อการตัดสินใจของวิปรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า ถือเป็นอีกเรื่องและไม่ขอนำมาปนกัน เพราะเมื่อถึงวันหนึ่งต้องพูดคุยกัน โดยพูดคุยกับส.ว.บางคนนอกรอบบ้างแล้ว ซึ่งก็สนับสนุนการแก้ไขในบางประเด็นที่ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับส.ว. ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (7 ส.ค.)
“วิปรัฐบาลประชุมร่วมกัน เพื่อเตรียมความพร้อมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์หน้า โดยในวันนี้ที่ประชุมพูดคุยแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย โดยจะให้แต่ละพรรคร่วมรัฐบาล ไปแจ้งพรรคการเมืองของตนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร ก่อนนำความเห็นมาเสนอต่อวิป เพื่อตัดสินใจร่วมกันต่อไป” ประธานวิปรัฐบาล กล่าว
‘เฉลิม’แถลงการณ์3ข้อทางออกรบ.
ขณะที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์เสนอทางออกประเทศไทย มีใจความสรุปว่า 1.ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันปี60 ทันที 2.นํารัฐธรรมนูญฉบับปี2540 มาใช้บังคับเป็นการชั่วคราวทันทีและ3.นายกฯ ต้องประกาศยุบสภาฯเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60วัน โดยเป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี40 จากนั้นจึงมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ถาวรต่อไป เพื่อให้เป็นรูปธรรมที่สามารถปฏิบัติได้จริง โดยตนจะเสนอให้สมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณาเห็นชอบใน 3ข้อดังกล่าว ทั้งนี้ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 63 จะมีเพียง 3 มาตราเท่านั้น ไม่มีเนื้อความยุ่งยากใดๆพิจารณาเพียง 3วันก็แล้วเสร็จ จากนั้น จะนําส่งให้ผู้นําฝ่ายค้านในสภาฯนําขึ้นกราบบังคมทูลทรงพระราชวินิจฉัยประกาศใช้ต่อไป
‘พท.’จี้’บิ๊กตู่’ต้องจริงใจแก้รธน.
ด้านน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.) ยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมเดินหน้าเต็มที่เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช.ออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับลายพรางเพื่อสืบทอดอำนาจ ขอกราบเรียน พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยความหวังดี ในฐานะนักเรียนเตรียมทหารรุ่นน้องที่มีความเคารพต่อรุ่นพี่ว่า ประชาชนเฝ้ารอคอยความชัดเจนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา และทราบดีว่า รัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลและ250สว.ถือเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นการเตะถ่วงหรือขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะยิ่งกลายเป็นประเด็นเร่งเร้าให้ม็อบจุดติดและทำให้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมกับม็อบมากขึ้น เหตุการณ์ลักษณะนี้เชื่อได้ว่า จะทำให้การชุมนุมขยายตัวและแพร่หลายไปทั้งประเทศ เพราะประชาชนคงรับไม่ได้ ที่รัฐบาลไม่มีความจริงใจแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย จึงขอวิงวอนให้นายกฯและพวกพ้องรีบสั่งการทุกฝ่ายให้ความร่วมมือแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด
จับ’อานนท์ นำภา’ร่วมม็อบนศ.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรม ได้ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ หน้าที่พักในกรุงเทพมหานคร หมายจับระบุข้อกล่าวหาทั้งหมด 8ข้อได้แก่ ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา116 ,มั่วสุมตั้งแต่ 10คนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา215และพรบ.จราจร หมายจับดังกล่าวเกิดจากกรณีร่วมชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม #เยาวชนปลดแอกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18กรกฎาคม63 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการจับกุมระบุว่า จะจับกุมตัวอานนท์ ไปที่ สน.สำราญราษฎร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี