หวั่นพยานถูกเก็บ
สิระจี้ผบ.ตร.คุ้มครอง‘ธนสิทธิ์’
ผู้ให้ปากคำแก้ความเร็วรถ
ชุดสอบตร.รายงานคดีบอส
พบตำรวจบกพร่อง20นาย
ชงตั้งข้อหาใหม่เสพโคเคน
“สิระ เจนจาคะ” เรียกร้อง ผบ.ตร.คุ้มครองพยาน“พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น” ที่ทำเรื่องความเร็วรถของบอสจนคดีพลิก หวั่นตายปริศนาเหมือนพยานที่เชียงใหม่ ด้านชุดสอบสวนตร.ชงผลสอบ 1,400 หน้า ให้ผบ.ตร.ระบุ มีตำรวจ 20 นาย บกพร่อง ในขณะที่ “บิ๊กแป๊ะ” เสนอข้อมูลความเร็วใหม่ให้สส.ดำเนินการ พร้อมเร่งประเคนข้อหาเสพโคเคนทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง
มีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 14 เมษายน ว่า หลังจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการใช้ดุลพินิจไม่แย้งคำสั่งพนักงานอัยการ ในคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้แถลงสรุปการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปแล้วระบุ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ไม่บกพร่องนั้น ต่อมาคณะกรรมการ ได้สรุปผลการสอบข้อเท็จจริง 3 ประเด็น มีรายละเอียดกว่า 1,400 หน้า ส่งให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องในสำนวนคดีดังกล่าว และพบว่ามีข้อบกพร่อง มีจำนวน 20 นาย โดยยศสูงสุดเป็นระดับ รอง ผบช. แบ่งเป็นตำรวจชุดเดิมที่รับผิดชอบสำนวนการสอบสวนก่อนส่งให้พนักงานอัยการ จำนวน 11 นาย และชุดหลังอีก 9 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับสำนวนในชั้นอัยการที่มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม และมี พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ รวมอยู่ด้วย ซึ่งคาดว่า ผบ.ตร. จะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 7 วัน จากนั้นจะมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัย หากพบความผิดทางอาญาก็จะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ
กรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เช่น รายงานการคำนวณความเร็วจากผู้เชี่ยวชาญมายืนยันความเร็ว ที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และผู้เชี่ยวชาญอื่น ก็ยืนยันที่ความเร็ว 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญแก่คดีที่สามารถพิสูจน์การกระทำความผิดของผู้ต้องหา เพื่อให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาตามกฎหมายได้
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ทาง ผบ.ตร. ได้ส่งพยานหลักฐานรายละเอียดข้อเท็จจริงไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาดำเนินการตาม ป.วิอาญามาตรา 147 ต่อไปและการดำเนินคดีกับนายวรยุทธในข้อหาเสพโคเคน วันนี้ทาง ผบ.ตร. ก็ได้ส่งเรื่องให้ทางพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีในเรื่องนี้ต่อไป
ด้าน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงผลตรวจสอบกรณีที่สำนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง ว่า ในการชี้แจงของพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พูดในที่ประชุมกลับไปกลับมา ตั้งแต่ระบุว่า มีผู้บังคับบัญชาบางคนพานายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักวิชาการวิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ผู้ที่คํานวนความเร็วรถยนต์ของวรยุทธก่อนชนได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. ซึ่งการชี้แจง พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มีข้อพิรุธ ทำให้น่าสงสัยว่า มีผลประโยชน์อะไรหรือไม่ ถูกผู้บังคับบัญชาบางคนบังคับอะไรหรือไม่ เพราะผลจากการให้การของพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เรื่องความเร็วรถ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางคดี
“ก่อนที่พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จะเข้ามาชี้แจง ได้พูดคุยกับผมเป็นการส่วนตัวว่า เมื่อมาชี้แจงจะพูดว่า โดนใครบังคับให้ทำ แต่พอมาชี้แจงบอกเพียงว่า มีผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งพานายสายประสิทธิ์มาหา รวมถึงนายสายประสิทธิ์เอง พบความผิดปกติหลายอย่าง ไม่มีใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ขณะที่พนักงานสอบสวนก็น่าจะบกพร่องต่อหน้าที่เช่นกัน เราเป็นห่วง พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จะมีอันตรายเหมือนกับพยานในคดีที่อยู่ในเชียงใหม่หรือไม่ ก็อยากเรียกร้องให้ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ รีบเปิดเผยข้อเท็จจริง ขณะเดียวกัน ผบ.ตร.ก็ควรให้ความคุ้มครอง พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ด้วย”นายสิระกล่าว
นายสิระ กล่าวต่อว่า ทางคณะกรรมาธิการฯจะเชิญ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี อดีตผกก.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ นายสายประสิทธิ์ นักวิชาการที่คำนวณความเร็ว พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร หนึ่งในพยานที่ให้การนายวรยุทธ ขับรถไม่รวดเร็ว รวมทั้งนายธานี อ่อนละเอียด อดีตกรรมาธิการกฎหมายฯ สมัยสนช. หากยังไม่มาจะออกคำสั่งเรียก ส่วนนายวรยุทธหรือบอส แม้ทนายความจะอ้างว่า ถูกเพิกถอนพาสปอร์ตแล้ว ไม่อยู่ในประเทศไทย เมื่อนายบอส ยังเป็นคนไทย ไม่ว่าจะรวยหรือจน ต้องมารับโทษ ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้แม่น้ำ 3 สาย 1.คณะทำงานชุดที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน 2.ฝ่ายตำรวจ 3.อัยการ เราจะเชิญมาให้ข้อมูลกรรมาธิการกฎหมายฯ เพื่อที่เราจะเอาข้อมูลนั้นมาดู นำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ที่ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน ต้องได้รับการปฏิบัติจากกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน
ในประเด็นเดียวกันนี้ นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้เสนอรายงานการพิจารณาไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งนำเสนอไปยังนายกรัฐมนตรี และนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งระบุว่าหากปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีทั้งในชั้นพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ดำเนินการสอบสวนและการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม มาตรา 157 คณะกมธ.เห็นควรให้นำคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล ซึ่งหากศาลพิพากษาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าว อาจส่งผลให้คำสั่งไม่ฟ้องคดีของพนักงานอัยการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และต้องมีการสอบสวนและพิจารณาสั่งคดีดังกล่าวอีกครั้ง สำหรับการนำคดีเข้าสู่การพิจรณาของศาลกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดตาม มาตรา 157 สามารถดำเนินการได้ ดังนี้1.การกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน โดยทายาทหรือญาติของผู้เสียหาย 2.การดำเนินคดีโดยรัฐ 3.การกล่าวหาต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อให้ทำการไต่สวนชี้มูลความผิด และฟ้องคดีต่อศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี