‘อานนท์-เพนกวิน-ไมค์’หนาว
อาชีวะรุกหนัก
จี้ตำรวจชงศาลถอนประกันตัว
ฝ่าฝืนคำสั่งโผล่ร่วมชุมนุม
ผบช.น.ไล่เก็บหลักฐานม็อบ
ปราศรัยอนุสาวรีย์ผิดหรือไม่
ฝ่ายค้านยื่นแก้ไขรธน.’60แล้ว
กลุ่มอาชีวะฯรุกยื่นหนังสือผบ.ตร.เสนอศาลถอนประกัน “อานนท์-เพนกวิน-ไมค์” หลังโผล่ร่วมชุมนุม ฝ่าฝืนเงื่อนไขหลังได้ประกันตัว ด้าน“ผบช.น.”เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เอาผิดม็อบ’ปลดแอก’ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย16สิงหาคม ส่วนตัวชี้ไม่ผิดมาตรา112และ116 ขณะที่‘บิ๊กตู่’วอนม็อบอย่าลุกลาม สั่งสาวหาเบื้องหลัง ไม่มีรบ.จะแก้ปัญหาอย่างไร ชี้ข้อเรียกร้องยังไม่ใช่เวลา ต้องว่าไปตามขั้นตอน พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่น’ชวน’เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ อ้างฉบับปี60 ข้อบกพร่องมากมาย พร้อมชงตั้งสสร.ยกร่างใหม่
เมื่อเวลา 13.30น.วันที่ 17สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู แกนนำศูนย์กลางประสานงานนักศึกษาอาชีวะประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือ ศอปส.พร้อมแนวร่วมกว่า 30คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอให้พนักงานสอบสวน สน.สำราณราษฎร์ ยื่นคำร้องต่อศาลขอเพิกถอนสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา 3คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นำพา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอกและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีผู้ต้องหารายอื่นๆ และผู้ร่วมสนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดละเมิดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐ โดยมี พ.ต.อ.บรรจง วิสาสะ รองผบก.กองมาตราฐานวินัย เป็นผู้รับหนังสือ
อาชีวะจี้ยื่นถอนประกัน3หัวโจก
นายสุเมธ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าผู้ต้องหาทั้ง 3รายที่อยู่ในระหว่างการปล่อยชั่วคราวไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดและคดีดังกล่าวเป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐและกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ทั้งยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอาจกระทบจิตใจคนในสังคม ซึ่งหลังจากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้วยังพบว่า ผู้ต้องหายังร่วมชุมนุมและกล่าวปราศรัยในลักษณะเดิมที่เคยกระทำผิดมาก่อน ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขศาลกำหนด ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ท้าทายต่ออำนาจรัฐและก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ กระทบต่อความเรียบร้อยของสังคมและผู้ต้องหายังมีแนวโน้มที่จะกระทำลักษณะเดิมต่อไปอีก โดยเฉพาะนายอานนท์ ซึ่งเป็นทนายความ ย่อมรู้ดีว่าการกระทำของตนเองดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งศาล
นายสุเมธ กล่าวด้วยว่า วันนี้ได้นำคลิปวิดีโอการปราศรัยที่ผ่านมาของกลุ่มแกนนำม็อบปลดแอกและเอกสารมามอบให้ตำรวจ พร้อมยืนยันว่า การออกมาเคลื่อนไหวไม่อยากเป็นศัตรูใคร แต่เห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกมีการจาบจ้วงสถาบันและเริ่มบานปลาย จึงต้องเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีคนกลุ่มนี้และจะติดตามทวงถาม หากเจ้าหน้าที่มีการปล่อยประละเลย หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทางกลุ่มก็ดำเนินการแจ้งความผิดตาม มาตรา157ต่อไป ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 16สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ทางกลุ่มได้จัดกิจกรรมชุมนุมและเกิดกระแสข่าวว่า รัฐบาลจัดให้ชุมนุมได้โดยไม่ถูกต้องนั้นยืนยันว่า ทางกลุ่มได้มีการแจ้งขออนุญาตชุมนุมกับ สน.สำราญราษฎร์ เจ้าของพื้นที่ เมื่อวันที่ 15สิงหาคมและชุมนุมอยู่ในจุดที่ของอนุญาตไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายไปยังจุดอื่นแต่อย่างใด
น.1เร่งเก็บหลักฐานเชือด’ปลดแอก’
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวภายหลังเข้าประชุมภาพรวมม็อบปลดแอกเมื่อวานนี้(16สิงหาคม) ว่า มีการแจ้งการชุมนุมตาม พรบ.ชุมนุมสาธารณะ ในภาพรวมก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี สำหรับคำปราศรัยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ผิดกฎหมายหรือไม่
กรณีกลุ่มแกนนำที่มีหมายจับเดินทางไปที่ สน.สำราญราษฎร์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ทำการจับกุม ตนได้รับแจ้งจาก พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมาเพื่อสอบถาม โดยทาง พล.ต.ต.เมธี ระบุว่า เนื่องจากเป็นยามวิกาลและมีบุคคลจำนวนมาก เกรงว่าการดำเนินการตามหมายจับจะไม่เกิดความสงบเรียบร้อย และอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น จึงตัดสินใจยังไม่ดำเนินการ แต่ยืนยันว่าจะทำตามกรอบของกฎหมาย ทั้งนี้มีผู้ถูกออกหมายจับจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 18ก.ค.จำนวน 15คน จับกุมและแจ้งข้อหาไปแล้ว 3คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พฤติการณ์ของ นายอานนท์ นำภา ผิดเงื่อนไขประกันตัวหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ทราบว่าศาลได้นัดไต่สวนแล้ว โดยพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เป็นผู้ยื่นคำร้องไป ส่วนกรณีของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ที่มาร่วมชุมนุมอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ได้ทำผิดเงื่อนไขของศาลหรือไม่ หากเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขของศาล ก็จะนำเรียนศาลไต่สวนพิจารณาต่อไป
ส่วนตัวชี้ไม่ผิดมาตรา112/116
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้สั่งให้ตำรวจจับกุมแกนนำ แต่ตำรวจไปจับกุมเอง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ถูกต้อง เพราะนายกฯ จะมาสั่งว่าให้ไปจับกุมใคร คงไม่สั่งแบบนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นดำเนินการตามกฎหมาย ก็ขอให้เข้าใจเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ทั้งนี้การเคลื่อนไหวทำกิจกรรมทางการเมืองเมื่อวันที่ 16สิงหาคม ส่วนตัวมองว่าไม่เข้าข่ายมาตรา112และ116 ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาว่า จะเข้าข่ายความผิดใด
‘บิ๊กตู่’วอนอย่าลุกลาม-หาคนชักใย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกที่หลายคนเป็นห่วงเพราะลุกลามไปยังโรงเรียนและสถานศึกษาที่ชู 3นิ้ว ว่า ก็ต้องหาวิธีการบริหารจัดการให้ได้ ส่วนที่ตนเคยระบุว่า จะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นนักศึกษาภายในเดือนสิงหาคมนั้น กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีการเตรียมการไว้แล้ว แต่อย่าเพิ่งให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีลงไปโดยตรงตอนนี้ เพราะถ้าพูดจริงๆเขาจะเล่นงานนายกฯ ซึ่งในส่วนของฝ่ายบริหารตอนนี้ให้ดำเนินการในการขับเคลื่อนแผนเศรษฐกิจต่างๆจำนวนมาก ตนขอถามคำเดียวว่า หากไม่มีรัฐบาลตอนนี้ หรือรัฐบาลไม่มีอำนาจเต็มจะดำเนินการเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่ เมื่อไม่ได้ ก็เอาไว้ถึงเวลาก่อนได้หรือไม่ แล้วค่อยทำตามที่ว่า ก็เป็นเรื่องของเขา ดังนั้นต้องขอให้ทุกคนช่วยกันไม่ให้ลุกลามด้วยและต้องไปดูว่าใครอยู่เบื้องหลัง เห็นหรือไม่ว่ามีใครเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวตอบว่า พรรคการเมืองเข้าไปสังเกตการณ์ นายกฯย้อนถามว่า”ใครนะ มีพรรคไหนบ้าง เอาให้แน่ ไม่กล้าพูด มันไม่ใช่ไปอยู่แบบนี้ มันก็ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ผมถามคนที่ได้รับผลกระทบคือใคร เด็กใช่ไหม นักศึกษาใช่ไหม แล้วธุรกิจร้านค้าแถวนั้นเขาว่าไง เขาเปิดร้านไม่ได้ทำยังไง ขายของไม่ได้ทำอย่างไร เศรษฐกิจมันแย่อยู่แล้ว ก็แย่ไปอีกไหม ต้องนึกถึงคนอื่นบ้างสิ ทำอะไรก็ทำตามขั้นตอน กฎหมายที่มีอยู่ การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การปฏิบัติตัวตามกฎหมายทุกคนเป็นคนไทยไม่ใช่หรือ”
ข้อเรียกร้องต้องทำตามขั้นตอน
เมื่อถามว่าจะชี้แจงอย่างไรในข้อเรียกร้องให้นายกฯออกจากตำแหน่งและแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ การแก้รัฐธรรมนูญก็มีกระบวนการ ตั้งแต่ กมธ.ศึกษา การลงมติอะไรก็แล้วแต่ รวมถึงขั้นตอนสว.และขั้นตอนต่างๆตามกฎหมาย หากจะทำประชามติก็ต้องเร่งจัดทำกฎหมายเรื่องการทำประชามติให้เรียบร้อยโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้กำลังทำให้ทั้งหมด เมื่อถามถึงผู้ชุมนุมตีกรอบข้อเรียกร้องภายในเดือนกันยายน นายกฯ กล่าวว่า จะตีกรอบก็เรื่องของเขา ตนต้องพูดตามกฎหมายพูดอย่างอื่นไม่ได้ อย่างไรก็ตามตนติดตามการชุมนุมทุกวันวัน เพราะนายกฯ จะไม่รู้เรื่องทุกอันได้หรือ
‘บิ๊กป้อม’ไม่ห้ามม็อบนัดชุมนุม
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอก โดยมีข้อเรียกร้อง 3ข้อและจะยกระดับการชุมนุมในเดือนกันยายน ว่า ความคิดเห็นของผู้ชุมนุมเป็นสิทธิที่ทำได้ ถือเป็นความคิดเห็นต่าง แต่อย่าไปละเมิดสิทธิคนอื่นก็แล้วกัน ในส่วนของรัฐบาลก็มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว แม้ว่าขณะนี้จะมีพรก.ฉุกเฉินฯอยู่ แต่ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะมีข้อยกเว้นให้สามารถชุมนุมได้
ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะนำประเด็นเรียกร้องให้แก้รัฐธรมนูญมาหารือในที่ประชุมพรรคในวันอังคารที่ 18สิงหาคมหรือไม่ ตนยังไม่ทราบ คงมีสมาชิกเสนอประเด็นนี้เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารของพรรค ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค พปชร.พร้อมแก้ไขไปในทิศทางเดียวกันกับรัฐบาลใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ก็ต้องพร้อมแก้อยู่แล้ว เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ๆ เมื่อถามว่ามองภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่มีอะไร เราก็ป้องกันและทำให้เกิดความปลอดภัยกับทุกคน ทุกฝ่าย เมื่อถามว่าหลายฝ่ายมองว่าการชุมนุมมีจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมมากขึ้น พล.อ. ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลไปในทันที
‘พรเพชร’ชี้ไล่สว.ไม่ใช่เรื่องง่าย
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงข้อเรียกร้องกลุ่มนักศึกษาให้ยุบ สว.ภายในเดือนกันยายน หากไม่ดำเนินการจะยกระดับการชุมนุมว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นข้อเรียกร้องของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งต้องไปพิจารณาและหารือกับ สว.คนอื่น ในแง่ของความเป็นไปได้จำเป็นต้องดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมายและคงจะเป็นไปได้ยากในทางนิติบัญญัติ ที่จะทำให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน เพราะไม่น่าจะทัน จึงต้องทำความเข้าใจกับกลุ่มนักศึกษาและการคงอยู่ของ สว.รวมทั้งการคงอยู่ของฝ่ายบริหารต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
‘ดังนั้นจะบอกให้คนนั้นคนนี้ออก หรือแม้กระทั้งข้าราชการตัวเล็กๆ ที่จะต้องให้ไปจากราชการ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย คงจะไปใช้มาตรการอะไรที่บอกไม่ได้ว่า มาจากอำนาจอะไรก็คงเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกับน้องๆ คือบางครั้งเราอาจเข้าใจผิดบ้าง เช่น บ้านเรามีครอบครัว มีคนใช้ เราอยากให้เขาไป บางครั้งก็ไล่เขาไปไม่ได้เหมือนกันนะ เขาก็มีสิทธิอะไรบางอย่าง’นายพรเพชร กล่าว
‘ชวน’แนะ2สภาร่วมเสนอเรื่อง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีมี สว.เสนอให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภา สส.และสว.เพื่อหารือถึงการแก้รัฐธรรมนูญและการหาทางออกความขัดแย้งประเทศร่วมกัน ว่า สมาชิกรัฐสภาสามารถเข้าชื่อร่วมกันเพื่อเสนอชื่อต่อประธานได้ตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ แต่ขณะนี้สมาชิกในรัฐสภา ยังไม่มีการเสนอชื่อมาและประธานรัฐสภาไม่สามารถเปิดการหารือได้
เมื่อถามถึงการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้าน นายชวน กล่าวว่า เมื่อสภารับญัตติมาแล้ว ก็จะตรวจเช็คความถูกต้องของญัตติ ก่อนบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม โดยคาดว่าจะถนำเข้าสู่การพิจารณาได้ทันสมัยประชุมนี้ โดยเป็นการประชุมพิจารณาไปตามวาระ 3วาระ ซึ่งแต่ละวาระมีขั้นตอนยากพอสมควร ส่วนความคืบหน้าการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายชวน กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะรอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน สรุปผลการศึกษาและเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรก่อน โดยคาดว่าญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล ก็น่าจะทันพิจารณาพร้อมกับญัตติของฝ่ายค้าน
พรรคฝ่ายค้านยื่นแก้ไขรธน.แล้ว
ขณะเดียวกัน พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยแกนนำพรรคฝ่ายค้าน อาทิ นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน นายวันมูหะมัด นอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองเลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา โดย นายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ปรึกษาหารือและมีฉันทานุมัติว่ามีความจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ2560 เพราะได้ตรวจสอบแล้ว เห็นข้อบกพร่องมากมาย จึงเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา256 ซึ่งรวมถึงการตั้ง ส.ส.ร.ให้มาพิจารณาการดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญต่อไป ซึ่งร่างที่ยื่นนี้ จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำร่วมกับประชาชน
นายชวน กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญและตามระเบียบข้อบังคับ เมื่อรับเรื่องแล้วะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความถูกต้อง ตั้งแต่การเสนอกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นบทบัญญัติในหมวดพิเศษที่กำหนดให้มีสมาชิกเข้าชื่อกัน 1ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ขณะนี้ ซึ่งขณะนี้มีสมาชิก 488 คน จึงต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 98 คนร่วมลงชื่อในการยื่นและต้องตรวจสอบเหตุผลและหลักการให้ครบถ้วนแล้วจะบรรจุระเบียบวาระภายใน 15วัน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
‘เสี่ยหนู’พร้อมแก้ไข-ไม่ห้ามม็อบ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการชุมนุมทางการเมืองกลุ่มประชาชนปลดแอก ว่า ในส่วนของข้อเรียกร้องนั้น 3ข้อนั้น ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่ฟัง เรารับฟัง อย่างข้อเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก็ชัดเจน รัฐบาลยอมอยู่แล้ว แก้กี่มาตราอะไรก็แล้วแต่ เอาเหตุเอาผลมาว่ากัน วันนี้เรารับฟัง ส่วนข้อเรียกร้องให้ยุบสภานั้น หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องยุบสภาอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ปฏิบัติมาเป็นประเพณี อีกเรื่องคือรัฐบาลไม่เคยคุกคามประชาชน ใครจะไปกล้า มีแต่รับฟังประชาชน
ในการชุมนุมทางการเมืองนั้น เราไม่เคยห้ามไม่ให้ชุมนุม เพราะเป็นสิทธิที่สามารถทำได้และเมื่อมองในแง่ของกระทรวงสาธารณสุข สิ่งที่เราเป็นห่วงคือ เรื่องแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกยังมีการระบาดอยู่ กลัวที่สุดคือซูเปอร์สเปรดเดอร์ เหมือนสนามมวย ผับ บาร์ รวมถึงช่วงนี้เป็นฤดูฝน ยังมีโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ด้วย เช่น ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
‘ณัฎฐพล’อาสาเจรจากับนร.-นศ.
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กรณีเด็กนักเรียนแสดงสัญลักษณ์ชู 3นิ้ว ขณะเคารพธงชาติเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาและมีทวิตเตอร์รณรงค์ #โรงเรียนหน้าเขาไม่เอาเผด็จการ ว่า ตนเข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของนักเรียนและประชาชน ตนรับได้ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ต้องมีขอบเขต หากการแสดงออกจะสร้างสรรค์หรือไม่สร้างสรรค์ก็แล้วแต่ สร้างความแตกแยกต่อประเทศหรือก่อให้เกิดปัญหาของสังคมในอนาคต ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำในขณะที่ประเทศต้องการความร่วมมือกันขณะนี้จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันพิจารณาอย่างเหมาะสม หากครูจะอธิบายให้เด็กๆฟังก็จะเป็นเรื่องที่ดีและรัฐบาลพร้อมจะรับฟังความเห็นต่างๆและพร้อมหาทางออกร่วมกัน การท้าทายหรือการแสดงออกที่อาจทำให้เกิดความแตกแยกควรจะระมัดระวัง ตนคิดว่ามีการเปิดทางแล้วเพื่อให้พูดคุยกันและตนพร้อมจะเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการพูดคุยกับนักเรียนนักศึกษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี