กลุ่มไทยภักดีร้องรบ.ญี่ปุ่น
เช็คบิล‘ปวิน’
โจมตีสถาบัน-ยุยงปลุกปั่น
สอบที่มาเงินใช้ถล่มไทย
‘กกต.’มีมติส่งศาล‘รธน.’
วินิจฉัยสถานะสส.เทพไท
“กลุ่มไทยภักดี” บุกสถานทูตญี่ปุ่น ยื่น 4 ข้อเช็คบิล “ปวิน” ฐานยุยงปลุกปั่น-สร้างความแตกแยกในสังคม จี้รัฐบาลซามูไรหยุดพฤติกรรม ถามให้พำนักอาศัยในฐานะอะไร สอบการสอนหนังสือปลูกฝังแนวคิดผิดๆหรือไม่และรับเงินบุคคลอื่นใช้โจมตีประเทศไทยหรือไม่ ด้าน “พีระพันธุ์” ส่งรายงานผลศึกษาแก้ไขรธน.ให้ “ชวน” แล้ว โดยประธานสภาบรรจุวาระพิจารณา10กันยายนนี้ ขณะที่’กกต.’มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย’เทพไท เสนพงศ์’ต้องพ้นสส.หรือไม่ หลังศาลสั่งจำคุกไม่รออาญา คดีทุจริตเลือดตั้งนายกฯอบจ.เมืองคอน
เมื่อวันที่ 31สิงหาคม นายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ ตัวแทนกลุ่มไทยภักดี เดินทางมายังสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือ 3ภาษา ประกอบด้วยไทย อังกฤษและญี่ปุ่น เสนอข้อเรียกร้อง 4ประการให้รัฐบาลญี่ปุ่นมีมาตรการจัดการกับ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นผู้ที่นำเสนอข้อมูลบิดเบือนต่างๆเกี่ยวกับสถาบันไปเผยแพร่บนสื่อออนไลน์ จนอาจก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย โดยขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นหยุดยั้งและตรวจสอบพฤติกรรมของ นายปวิน โดยมีกลุ่มประชาชนประมาณ 10ราย สวมเสื้อสีเหลือง ผูกริบบิ้นลายธงชาติและห้อยนกหวีด ชูป้ายให้กำลังใจ ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่สถานทูตออกมารับหนังสือ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี
‘ไทยภักดี’จี้รบ.ญี่ปุ่นจัดการ’ปวิน’
โดย นายอัครกฤษ กล่าวว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทย แต่กลับแอบแฝงการโจมตีสถาบันอย่างไม่เคยมีมาก่อน กลุ่มที่ประท้วงได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถาบันอย่างบิดเบือนและไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจากสื่อสังคมออนไลน์ โดย นายปวิน ได้ป้อนข้อมูลที่เป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเกลียดชัง และสร้างความแตกแยกของคนในสังคม จึงเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินการ 4ข้อ คือ 1.ดำเนินการไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเพื่อหยุด นายปวินที่ใช้ญี่ปุ่นเป็นฐานโจมตีและสร้างความแตกแยกในประเทศไทย 2.ตอบคำถามประชาชนชาวไทยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้ นายปวิน พำนักอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นในฐานะอะไร 3.ตรวจสอบการสอนของ นายปวิน ในมหาวิทยาลัยเกียวโต เพื่อไม่ให้นำแนวคิดไปปลูกฝังเยาวชนญี่ปุ่น ป้องกันไม่ให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคมญี่ปุ่น อย่างที่กระทำกับประเทศไทยและ4.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน นายปวิน ว่า รับเงินจากบุคคลภายนอกประเทศแล้วใช้ญี่ปุ่นเป็นฐานโจมตีประเทศไทยหรือไม่
‘พีระพันธุ์’ยื่นร่างแก้ไขรธน.แล้ว
ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณา ศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางการ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 พร้อมคณะ ส่งมอบรายงานผลการศึกษาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดย นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า รายงานของกมธ.ฯเป็นการศึกษาเชิงวิชาการที่รวบรวมความคิดเห็นทั้ง 2ด้าน เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ที่จะร่างนำไปศึกษา ส่วนผู้จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะนำข้อมูลผลการศึกษาไปพิจารณาประกอบหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่มีบทบังคับ แต่หากนำข้อมูลไปศึกษาก็จะได้ข้อมูลที่เป็นกลาง เพราะในรายงานมีเหตุผลไว้ทั้งหมดส่วนโครงสร้างสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในกมธ.ไม่ได้ศึกษา แต่ได้แนบรายละเอียดของโครงสร้างที่เสนอจากภาคส่วนต่างๆ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า วันที่ 10กันยายน จะขอเลื่อนรายงานของกมธ.ฯขึ้นมาพิจารณาก่อน เพราะเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) และวิปฝ่ายค้านแล้ว
‘ชวน’บรรจุวาระพิจารณา10กย.
นายชวน กล่าวว่า วาระการประชุมสภาฯวันที่ 9กันยายน จะอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา152 ซึ่งรายงานผลการศึกษาของ กมธ.ชุดนี้จะนำเข้าบรรจุในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 10กันยายน ส่วนการพิจารณาจะเป็นไปตามลำดับวาระการประชุม แต่หากสมาชิกเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและต้องการนำขึ้นมาพิจารณาก่อนก็สามารถเสนอที่ประชุมสภาฯขอมติเลื่อนวาระนี้ขึ้นมาพิจารณาก่อนได้ อย่างไรก็ตาม หากการพิจารณาในวันดังกล่าวไม่แล้วเสร็จสามารถเพิ่มวันการประชุมสภาฯ ในวันที่ 11กันยายน เพื่อพิจารณาวาระนี้ต่อได้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้อภิปรายในวาระนี้จำนวนมาก
ปชป.ให้กกต.กำหนดที่มาสสร.
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการคัดเลือกโควตานักศึกษาเข้าเป็นสมาชิก ส.ส.ร.ว่า โควตาดังกล่าวจะให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ ซึ่งคิดว่าคุณสมบัติน่าจะทั่วไป เช่น ต้องอายุ18ปีขึ้นไป เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติต้องห้ามในการเป็นส.ส.ร.ต้องไม่เป็นสส.และสว.สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายรัฐบาล ในมาตรา256 จะมีการแก้ไขให้ง่ายขึ้น เมื่อมีการรับหลักการแล้วจะตั้งกมธ.และพิจารณาต่อในวาระ2และ3 โดยใช้เสียง3ใน5ของสมาชิกรัฐสภา โดยก่อนทูลเกล้าฯต้องทำประชามติ ทั้งนี้ฝ่ายรัฐบาลจะยื่นร่างแก้ไขฯวันที่ 1กันยายนนี้
‘เทพไท’ขู่ระวังคุกปมสถานะสส.
นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) จะประชุมพิจารณาสมาชิกสภาพการเป็น สส.ของตัวเอง ว่า การที่ตนจะได้เป็น สส.ต่อไปหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะตำแหน่ง สส.คือหัวโขน แม้ตนไม่ได้เป็นสส.ก็ยังทำงานการเมืองช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ ในกรณีมี สส.คนใดคนหนึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองระหว่างดำรงตำแหน่ง สส.บทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี2560 มาตรา98และมาตรา101 มีความคลุมเครือไม่ชัดเจน จึงจำเป็นต้องสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น ประเด็นนี้เป็นจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญฉบับนี้อีกจุดหนึ่ง ที่ต้องมีการแก้ไขให้เกิดความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญในอนาคตอีก
“ผมเห็นว่าการที่ กกต.ใช้วิธีเร่งรีบประชุมและมีมติประกาศจัดเลือกตั้งซ่อม สส.เขต3 จ.นครศรีธรรมราชก็สามารถทำได้ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.แต่ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นภายหลังการตัดสินใจด้วย ถ้า กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา157 ก็เสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ถูกจำคุกเหมือน กกต.ในอดีตที่ผ่านมาได้ ส่วนตัวพร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกประการ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ถ้าตนไม่ได้เป็น สส.ในสภาก็จะเป็น สส.นอกสภาทำงานให้ประชาชนต่อไป’ นายเทพไท กล่าว
‘วิษณุ’ชี้ขัดกม.ชัดเจนต้องพ้นสส.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ประเด็นศาลสั่งจำคุก นายเทพไท เสนพงศ์ พร้อมตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 10ปี ต้องไปดูรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครสส.ว่า ต้องถูกจำคุกโดยหมายของศาล แต่ตนไม่ทราบเรื่องถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง เมื่อมีประเด็นตัดสิทธิเลือกตั้งก็เป็นอีกประเด็น เพราะในรัฐธรรมนูญมาตรา98(4) เกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งระบุว่า ถ้าขาดคุณสมบัติตามมาตรา96 (2) ที่ระบุว่า อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ก็จะต้องพ้นด้วย ซึ่งหาก นายเทพไท ต้องพ้นการเป็นสส.จะพ้นตามมาตรา96(2) ประกอบ98(4) ในส่วนของการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แต่การจำคุกนั้น ไม่เกี่ยว เพราะเมื่อได้ประกันก็ไม่ถูกกักขังโดยหมายของศาล
‘กกต.’มีมติส่งศาลรธน.ตีความ
มีรายงานจากที่ประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมมีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสี่ กรณีศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาจำคุก นายเทพไท เสนพงศ์ 2ปี โดยไม่รอลงอาญา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10ปี จากกรณีร่วมกระทำผิดทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 ว่า คำพิพากษาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งดังกล่าวแม้ยังไม่เป็นที่สุดจะมีผลให้สมาชิกภาพความเป็นสส.ของนายเทพไท สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา101(6) ประกอบ มาตรา98(4)และมาตรา96(2) หรือไม่ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแล้วเห็นว่า หากกกต.สงสัยว่า สมาชิกภาพ นายเทพไทย สิ้นสุดลงหรือไม่ สามารถใช้อำนาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา82วรรคสี่ของรัฐธรรมนูญกกต.เห็นว่าเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะมีข้อถกเถียงอยู่ในสังคม จึงมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี