เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ หรือ ก.อ.ให้ความเห็นกรณีคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ได้ข้อสรุปมีประเด็นหลักว่า มีการร่วมมือกันเป็นกระบวนการทำคดีอย่างสมยอมโดยไม่สุจริต มีการสั่งคดีโดยไม่ชอบ และต้องแก้ไขระเบียบข้อก.ม.ต่างๆเกี่ยวกับงานขององค์กรอัยการนั้้น
นายอรรถพล กล่าวว่า ตนเพิ่งได้รับเอกสารรายงานผลการสอบที่ออกเผยแพร่จากบุคคลทั่วไป และสื่อมวลชนคร่าวๆ แต่ก็พอรู้ประเด็นแล้ว แต่ก.อ.ยังทำอะไรไม่ได้เพราะต้องรอหนังสือรายงานการสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดจากนายกรัฐมนตรีก่อน เมื่อได้รับมาแล้วถึงจะทราบว่าก.อ.จะให้ทำอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม เห็นว่าคณะกก.ชุดดังกล่าวให้มีการดำเนินการต่อไปโดย ปปท. ดีเอสไอ.ปปช.และสำนักงานอัยการคดีพิเศษ
"หากได้เอกสารมาแล้วทาง ก.อ.จะนำเข้าที่ประชุม เพื่อพิจารณาดำเนินการโดยเร็ว และในส่วนของการเสนอร่างระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนทางวินัย(สำหรับใช้กับรองอสส.)ที่ต้องประกาศราชกิจจาฯนั้น ยังไม่ผ่านออกมาขณะนี่ต้องรอเอกสารเหมือนกัน"นายอรรถพลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่ นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เปิดเผยว่า ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนว่า มีบุคคลจำนวนหนึ่งได้ร่วมกันจัดให้รองศาสตราจารย์ ส. ได้พบกับ พ.ต.ท.ชื่อย่อ ธ. เพื่อนำเสนอวิธีการคำนวณความเร็วรถของนายบอสใหม่ และมีการสอบปากคำพ.ต.ท.ชื่อย่อ ธ. ภายใต้การกำกับของพนักงานอัยการไม่ทราบชื่อ เพื่อจัดทำพยานหลักฐานเท็จ โดยแก้ไขวันที่สอบปากคำให้เป็นวันที่ 26 ก.พ.59 และวันที่ 2 มี.ค.59 สำหรับใช้ในการร้องขอความเป็นธรรม โดยให้พันตำรวจโท ธ. ให้การเปลี่ยนความเห็นในเรื่องความเร็วของรถยนต์ ผู้ต้องหาในขณะที่ชนผู้ตายจาก 177 กม.ต่อชั่วโมง ตามที่ปรากฏในรายงานการพิสูจน์หลักฐานครั้งแรกเป็นเหลือความเร็วไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมง เพื่อให้สอดคล้องกับผลการคำนวณความเร็วรถของรองศาสตราจารย์ ส. ซึ่งได้มีการตระเตรียมกันไว้ล่วงหน้า โดยการลงวันที่อันเป็นเท็จดังกล่าวน่าเชื่อว่าเป็นไปเพื่อกันบุคคลบางคนให้ออกจากเรื่องนี้ และเพื่อให้การคำนวณความเร็วรถใหม่ใช้เวลาตามควรเพื่อให้น่าเชื่อถือ จนนายวิชาระบุว่า การร่วมมือระหว่างทนายความ ผู้ต้องหา นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการดังกล่าว ย่อมทำให้การสอบสวนเป็นการสอบสวนที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดแจ้ง
โดยจากการตรวจสอบพบว่า พนักงานอัยการที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้จัดพา พ.ต.ท.ชื่อย่อ ธ.เดินทางไปเปลี่ยนเเปลงความเร็วรถ ปัจจุบันเป็นอัยการอาวุโสประจำสำนักงานอัยการในกรุงเทพฯ ซึ่งเดินทางไปพร้อมอดีตนายตำรวจยศ พล.ต.อ.นายหนึ่ง ในวันที่ 29 ก.พ. 59 โดยมีภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด เเละเทปบันทึกการสนทนาไว้เป็นหลักฐาน
สำหรับอัยการคนดังกล่าวเคยปรากฎเป็นข่าวไปพัวพันกับ คดีใหญ่คดีหนึ่งซึ่งขณะนี้ตัวผู้ต้องหาหนีคดีออกนอกประเทศไปเเล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี