กกต.ชงครม.ร่างพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ เพื่อสอดคล้องรธน.ปี 60 พร้อมสอดคล้องแผนยุทธศาสตร์ชาติ ปฏิรูปประเทศ เปิดปชช.มีสิทธิออกเสียงส่งผลพัฒนาการปกครองในระบบประชาธิปไตยที่ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันที่ 8 ก.ย.ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) เตรียมเสนอครม. พิจารณาอนุมัติหลักการร่างพระราพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ....เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกเสียงประชามติ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 166 และมาตรา 256 (8)ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยเวลา และกรอบสาระของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว
ทั้งนี้ เนื่องด้วยตามที่ได้มีการประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฉบับที่ 57/2557 เรื่อง ให้ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป ลงวันที่ 7 มิ.ย. 2557 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการออกเสียงประชามติ จึงทำให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 ยังมีผลบังคับใช้ต่อไปนั้น
ขณะที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 166 บัญญัติให้กรณีที่มีเหตุอันสมควร ครม.จะขอให้มีการออกเสียงประชามติในเรื่องใดที่ไม่ใช่เรื่องที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือเรื่องที่เกี่ยวกับตัวบุคคลหรือคณะบุคคลใดก็ได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา 224 บัญญัติให้กกต.มีหน้าที่และอำนาจในการให้มีการออกเสียงประชามติ รวมทั้งควบคุมดูแลการออกเสียงประชามติให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย
รวมถึงเพื่อให้สอดคล้องมาตรา 256 (8) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่บัญญัติให้ในกรณีที่แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 1 ทั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ หรือหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่ทำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออำนาจได้ ก่อนนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
โดยร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ด้านผลประโยชน์กับประเทศ สังคม และประชาชน ถือเป็นการออกเสียงประชามติรูปแบบหนึ่งของการปกครองที่ประชาชนมีสิทธิออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ในนโยบายของรัฐบาลหรือการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในเรื่องที่สำคัญ อันเป็นการแสดงออกถึงการปกครองตามหลักประชาธิปไตย ส่งผลต่อการพัฒนาการปกครองในระบบประชาธิปไตยมีความยั่งยืนต่อไป
ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว และเพื่อให้กกต.สามารถดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติและควบคุมดูแลการออกเสียงประชามติเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย สำนักงานกกต.จึงยกร่าง พ.ร.บ.ในเรื่องนี้ และยกเลิกประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 ทั้งนี้ กกต.ได้ดำเนินการตามแนวทางการจัดทำ และการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวตามบทบัญญัติมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนแล้ว
ขณะที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) พิจารณามีความเห็นตามที่สำนักงาน กกต.เสนอ เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติเพื่อให้สอดคล้องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเพื่อให้กกต. สามารถดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติและควบคุมดูแลการออกเสียงประชามติเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคณะกรรมการ กกต.ได้เห็นชอบด้วยแล้ว โดยเรื่องนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในด้านการบริหาราชการแผ่นดิน การปรับปรุงระเบียบอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ตามมติครม.เมื่อวันที่ 7 ม.ค.63 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติการเสนอเรื่องต่อครม)และร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ดำเนินการตามหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี