เหิมหนัก! ‘ส.ส.นครปฐม ก้าวไกล’ อ้างจงรักภักดี แต่คาใจรายงานศึกษาแก้รธน.60 ไร้หมวด 1-2 ลั่นจำเป็นต้องแก้ไข ช่วยคลี่คลายม็อบนศ. ดักคอ ‘ส.ส.ร’ อย่าล็อกนำไปสู่ทางตัน
10 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2560 ซึ่งมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานกมธ.
น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รายงานของ กมธ. ไม่มีตรงไหนที่พูดถึงหมวด 1 และหมวด 2 ที่มีถึง 24 มาตรา แต่ในรายงานข้ามไปเลย ทำให้ตนสงสัย ดังนั้นการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวด1 และ2 ไม่ใช่การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือล้มล้างการปกครองแต่อย่างใด ตนจงรักภักดีต่อสถาบัน และต้องการเห็นสถาบันคงอยู่อย่างมั่นคง และสง่างาม ในอดีตที่ผ่านมามีการแก้ไขในหมวด1 และ2 อยู่หลายครั้ง รวมถึงในรัฐธรรมนูญปี 60 เป็นเรื่องปกติ สามารถแก้ไขได้ โดยไม่ส่งผลต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงไม่ส่งผลเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐตามมาตรา 255 ทำไม กมธ. ไม่ใช้โอกาสนี้พิจารณาในหมวด1 และ2 เราควรรับฟังเสียงของประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อหาแนวทางร่วมกัน อะไรทำได้หรือไม่ก็ต้องมีการได้พูดคุยชี้แจง
“หมวด 1 และหมวด 2 แก้ไขได้เป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาส.ส.ร.ปี 2539 ร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 ก็ไม่ได้ตีกรอบห้ามแก้ไขในหมวดใด จึงมีคำถามว่าหากต่อไปต้องการแก้ไขในหมวด1และ2 แต่มีการล็อกไว้จะต้องทำอย่างไร ดิฉันคิดว่าเป็นการสร้างเงื่อนไขโดยไม่จำเป็น ขอย้ำว่าการแก้ไขหมวด 1และ 2 ไม่ได้เป็นการล้มล้าง ในอนาคตหากมีการตั้ง ส.ส.ร.แล้วไปจำกัดการแก้ไข คิดว่าเป็นทางตัน ควรเปิดโอกาสให้ ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชนพิจารณาทุกเรื่องด้วยเหตุผล รับฟังข้อเสนอของทุกกลุ่มไม่ปิดกั้น สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ดิฉันจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ทุกพระองค์ และต้องการเห็นสถาบันคงอยู่อย่างสง่างาม มั่นคง สมพระเกียรติ สถาบันฯเป็นของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จะผู้ขาดความจงรักภักดี และป้ายสีให้คนเห็นต่างเป็นพวกทำลายชาติ” น.ส.สุทธวรรณ กล่าว
น.ส.สุทธวรรณ กล่าวด้วยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาต้องมีการปรับให้สอดคล้องกับยุคสมัย ปัจจุบันมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้มากมาย แค่พวกเขาพูดก็ถูกกล่าวหาว่าคิดร้าย ถูกจับกุม ดำเนินคดีมากมาย ซึ่งบางครั้งเข้าพูดเพราะความหวังดีต่อประเทศ แต่ก็ถูกดำเนินคดี ข้อเรียกร้องของนักศึกษาไม่ได้รับการตอบสนอง ตอนนี้พวกเขาขาดความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา จึงต้องออกไปอยู่บนท้องถนน อย่างไรก็ตาม การพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะ เป็นการคลี่คลายสถานการณ์การชุมนุมในปัจจุบัน ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นหนทางในการรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และอยู่เหนือการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี