"นายกฯ"รับฟังแนวทางพัฒนาประเทศนศ.วปอ.รุ่น62 ย้ำเวลานี้ความรัก-สามัคคี ชาติสำคัญสุด ขออย่าทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งกัน ลั่นไม่ได้อยู่เพื่ออำนาจ-ผลประโยชน์ จิตวิญญาณทำเพื่อให้ปท.สงบสุข ถามจะเอาชนะกันบนซากปรักหักพังของชาติไปเพื่ออะไร
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 10 กันยายน 2563 ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการแสดงแนวทางการพัฒนาประเทศ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของนักศึกษา วปอ.รุ่น 62 วิทยาลัยเสนาธิการทหาร และวิทยาลัยการทัพของทั้งสามเหล่าธรรมประจำปี 2563
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ดีใจได้มาพบกับทุกคนในสถานที่อันมีเกียรติแห่งนี้ เมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) ตนก็ไปสภาฯพบผู้ทรงเกียรติมาแล้ว ทั้งนี้ จากที่ได้รับฟังสิ่งที่ทุกคนเสนอนั้นก็ตรงกับที่รัฐบาลคิด นายกฯ จึงสบายใจที่มีคนคิดสานต่อสืบทายาท และถือเป็นคนรุ่นใหม่ต่อเติมสิ่งที่ทำมา ขณะเดียวกันทุกคนทราบแล้วว่าวันนี้โลกเผชิญโควิด สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ สิ่งเหล่านี้นำไปสู่ความขัดแย้งและการแยกข้างต่างๆ ล้วนเป็นบริบทความมั่นคงด้วย เพราะความมั่นคงต้องมองในทุกมิติ ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารหรือตำรวจอย่างเดียว แต่ต้องมีความมั่นคงในส่วนประชาชนด้วย ทั้งเศรษฐกิจ การค้า และชุมชนต่างๆ ส่วนรัฐบาลดูแลในภาพรวม ทั้งหมดเป็นพลังของประเทศไทย ทุกภาคส่วนจึงต้องรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเราสร้างชาติมานานหลายร้อยปี แต่อาจมีภยันตรายหลายอย่างเกิดขึ้นทั้งรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรืออะไรบ้าง แต่ปัจจุบันเมื่อโลกปรับเราต้องเปลี่ยน บางอย่างเปลี่ยนได้ทันที แต่บางอย่างต้องเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เราต้องยึดหลัก 3 ร.คือ ร่วมมือ รวดเร็ว และรูปธรรม ต้องมองโลกเป็นอย่างไร เมื่อก่อนโลกมีเพียงสองขั้ว แต่วันนี้มีหลายขั้ว เป็นกลุ่มประเทศ รัฐบาลจึงต้องวางแนวทางสร้างความสมดุลในทุกมิติ ที่สำคัญต้องดึงศักยภาพของเรามาใช้ประโยชน์ ศักยภาพคนไทยคือ มีรอยยิ้ม สมานฉันท์ ปรรองดอง อะลุ่มอล่วยกัน และเป็นสังคมสงบเงียบมายาวนานนทำอย่างไรให้ศักยภาพเรายังคงอยู่ยาวนาน ขณะเดียวกันความมีอัตลักษณ์ของเราก็ได้รับความชื่นชม แต่มีความพยายามบิดเบือนสิ่งเหล่านี้ รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งภายในของเราเอง ดังนั้นไม่ว่าจะดีหรือเลวทุกอย่างจะออกไปต่างประเทศและทำลายศักยภาพของเราเอง ถือเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดที่ตนมองเห็น ดังนั้น ทำอย่างไรให้ภาพลักษณ์ที่ดีของไทยแพร่ไปสู่ข้างนอกในสิ่งที่ดีงาม เราทำอะไรได้อย่างนั้นกลับมาเสมอ ถ้าจะดีก็คนไทย ไม่ดีก็คนไทย ซึ่งตนคงไม่ต้องเล่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย
นายกฯ กล่าวย้ำว่า ความรักความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของประเทศในเวลานี้ ฝากทุกคนช่วยกันคิดสร้างความเข้าใจและสร้างภูมิคุ้มกันด้วย นอกจากนี้วันนี้ทำอย่างไรให้คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่อยู่ร่วมกันได้ แม้อาจไม่อยากอยู่ร่วมกับเราเพราะเราแก่ แต่ทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันให้ได้ อีกทั้งวันนี้หลายอย่างกำลังเปลี่ยนต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและสร้างความเชื่อมั่น แต่วันนี้กลับยังไม่ไว้ใจกัน ไม่รู้เพราะอะไร จึงต้องสร้างขึ้นมาให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้โควิดโจมตีเรา 100% ซึ่งโจมตีกันทั้งโลก แต่ที่ผ่านมาเราก็ทำได้มาก แต่ยอมรับว่าเศรษฐกิจยังแย่ เพราะต้องยอมรับระยะแรกเราต้องเลือกสุขภาพ ต่อไปเรื่องเศรษฐกิจที่ต้องค่อยๆ ปลดล็อก วันนี้ จึงเน้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อทำให้ธุรกิจเดินหน้าและต่อลมหายใจไปได้ วันหน้าดีขึ้นก็จะมีการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่วันนี้จะทำแค่ในจังหวัดภูเก็ตก็มีประชาชนประท้วง คนที่เดือดร้อนอยากได้ แต่คนที่ไม่เดือดร้อนไม่อยากได้ นี่คือคนไทย แต่ตนไปว่าใครไม่ได้ อย่างไรก็ตามย้ำว่าถ้าไม่มีโควิดเข้ามาหลายอย่างเราเริ่มดีขึ้น ดังนั้นวันนี้ต้องช่วยกันทำให้ทุกคนมั่นใจให้ได้ ขณะเดียวกันหลายคนก็โจมตีรัฐบาลว่าที่ผ่านมาใช้มาตรการหนักเกินไป แต่ผลคือเรามีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าหลายประเทศรอบบ้าน เป็นสิ่งที่หลายคนลืมและไม่มองว่าที่ผ่านมาเราได้อะไปแล้ว จึงต้องช่วยกันพูดสร้างความเข้าใจไม่เช่นนั้นเป็นปัญหาที่ร้ายแรง
"การทะเลาะเบาะแว้งการสร้างความขัดแย้งเป็นการทำลายศักยภาพของเราโดยไม่รู้ตัว เราจะเอาชนะกันเพื่ออะไร เพื่ออำนาจเพื่อผลประโยชน์มันใช่หรือไม่ ผมมายืนอยู่ตรงนี้เพื่อ 2 อย่าง อย่างนั้นเหรอคิดเอาเอง ผมไม่อยากจะแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น เพราะผมรู้ว่าทําเพื่อใครเพื่ออะไร ผมมีจิตวิญญาณของผมและขอให้ทุกคนเข้าใจว่าใจของผมต้องการให้ประเทศชาติสงบสุขมั่นคง ยั่งยืน มีอนาคต ดังนั้น จะเอาชนะกันไปทำไมบนซากปรักหักพังของประเทศไทย จะอยู่กันต่อไปอย่างไร สิ่งเหล่านี้ขอฝากไว้ด้วยแล้วกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ว่าโควิด-19 มันมายังไง เขาก็บอกว่านายกฯทำทุกอย่างล้มเหลวหมด ตนก็รับไป รับทั้งหมด มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ถ้ามันไม่มีโควิด-19 เข้ามา อะไรมันก็เริ่มจะดีขึ้น หลายอย่างเราสร้างความเข้มแข็งไปแล้ว เผอิญมีไอ้นี่เข้ามาพอดี แต่เราก็โชคดีที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ เราต้องช่วยกันไม่อย่างนั้นมันเดินไปไม่ได้แค่จะทำภูเก็ตโมเดลก็มีการประท้วงกัน ไอ้คนเดือดร้อนเพราะเศรษฐกิจก็อยากได้ แต่คนไม่เดือดร้อนก็ไม่อยากได้ นี่คือคนไทยและทุกประเทศก็คงเป็นแบบนี้
ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "วันนี้ที่พูดเยอะ เพราะเมื่อวานไม่ค่อยได้พูด พยายามเบรกตัวเองว่าอย่าพูดๆ เวลาพูดให้ยิ้มไว้ เพราะสังคมเราเป็นแบบนี้ ไม่เป็นไร ต้องอดทน เพราะเรามีเป้าหมายหลัก เพื่อประชาชน ผมก็มีกำลังใจแค่นี้ อย่างอื่นผมไม่มีอะไร ไม่ได้อะไรซักอย่างซึ่งก็ไม่เป็นไร ประเทศชาติได้ก็ว่ากันไป"
นายกฯ กล่าวว่า เราต้องร่วมมือกันสร้างอัตลักษณ์ของความเป็นไทยเช่น แค่การปั้นโอ่งก็สร้างความรักได้แล้ว และเราต้องเข้าใจสังคมความเป็นไทยต้องช่วยกันปลูกฝังคนรุ่นหลังไม่ให้เกิดปัญหาการทะเลาะเบาะแว้ง อย่าลืมว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวคนไทย ครอบครัวประเทศไทยเราต้องรวมไทยสร้างชาติ
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันว่าเป้าหมายหลักของตนทำเพื่อประชาชน ตนมีกำลังใจแค่นี้ อย่างอื่นไม่ได้อะไรสักอย่าง แต่ประเทศได้ก็เพียงพอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี