โพลชี้ปชช.ไม่เชื่อข่าว‘รัฐประหาร’แต่อาจเกิดขึ้นได้ ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ไม่ใช่ทางออก
13 กันยายน 2563 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศที่มีต่อ “ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ณ วันนี้” จำนวนทั้งสิ้น 1,517 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน 2563 เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนต่อความเคลื่อนไหวทางการเมือง ณ วันนี้ ที่มีหลายประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นข่าวการทำรัฐประหาร การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ การสรรหา รมว.คลังคนใหม่ ที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้ สรุปผลได้ดังนี้
1. ประชาชนเชื่อหรือไม่ กับ กระแสข่าว “การทำรัฐประหาร” ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
อันดับ 1 ไม่เชื่อ 58.08%
เพราะ ต้องการปล่อยข่าว สร้างกระแส ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำถึงขนาดนั้น ปัจจุบันก็อยู่ภายใต้กำลังทหารอยู่แล้ว ฯลฯ
อันดับ 2 เชื่อ 41.92%
เพราะ ทางทหารมีการเคลื่อนไหว ปัญหาบ้านเมืองสะสมจนมากเกินไป ต้องการปฏิรูปการเมือง เป็นทางออกที่ไม่ควรมองข้าม ฯลฯ
2. ประชาชนคิดว่าเหตุการณ์บ้านเมืองในช่วงเวลานี้ “การทำรัฐประหาร” มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่
อันดับ 1 อาจจะเกิดขึ้นได้ 46.67%
อันดับ 2 ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ 40.61%
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 12.72%
3. ประชาชนคิดว่า “การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ” มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่
อันดับ 1 ไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ 41.79%
อันดับ 2 มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ 33.29%
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 24.92%
4. ประชาชนคิดว่าผลดี-ผลเสียของ “การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ” คือ
ผลดี
1. ช่วยลดความขัดแย้ง 73.96%
2. มีความเป็นกลาง 40.35%
3. มีความมั่นคง 37.85%
ผลเสีย
1. ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง 66.55%
2. เกิดความไม่เชื่อมั่น/ไม่ยอมรับ 57.56%
3. ไม่เป็นประชาธิปไตย 57.28%
5. “รมว.คลังคนใหม่” ควรมีคุณสมบัติแบบใดจึงจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้
อันดับ 1 มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจ 81.72%
อันดับ 2 ซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่ทุจริต 75.20%
อันดับ 3 เน้นประโยชน์ของบ้านเมือง 65.12%
อันดับ 4 มีประสบการณ์/มีผลงาน 56.99%
อันดับ 5 ไม่ยอมให้ถูกแทรกแซง 54.50%
* หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจถึงแม้ประชาชนจะไม่เชื่อกระแสการทำรัฐประหาร แต่ก็ยังมองว่ามีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ แสดงให้เห็นว่าประชาชนได้เรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมาว่าเมื่อเกิดความขัดแย้งและมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองมากขึ้น การทำรัฐประหารมักจะตามมาเสมอ
ทั้งนี้เห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติยังไม่ใช่ทางออก ถึงจะช่วยลดความขัดแย้ง มีความเป็นกลาง แต่ก็อาจไม่ได้รับการยอมรับ สุดท้ายในประเด็นของ รมว.คลัง ที่ยังแขวนอยู่ในขณะนี้ ประชาชนชี้ว่าคนที่เหมาะสมนั้นต้องเก่งด้านเศรษฐกิจ ไม่ทุจริต ต้องเข้ามาทำงานแก้ปัญหาเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง
ด้าน รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์ คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของประชาชนที่มีต่อคุณสมบัติของขุนคลังคนใหม่มากกว่ากระแสข่าวการรัฐประหาร แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันจะมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆก็ตาม ซึ่งสาเหตุของความไม่เชื่อว่าจะเกิดการรัฐประหารขึ้นในขณะนี้ อาจเป็นเพราะสถานการณ์และตัวแปรที่จะนำไปสู่การทำรัฐประหารยังมีไม่มากพอ แต่ก็มิได้หมายความว่าจะไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นในการเมืองไทย
สำหรับข้อพิจารณาเกี่ยวกับแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติหรือการเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น ดูเสมือนจะไม่มีความเป็นไปได้เลย เพราะเมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนทางการเมืองในเรื่องระบบรัฐสภาและเสียงข้างมากของฝ่ายรัฐบาลแล้ว จะเห็นว่ารัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีแต้มต่อทางการเมืองอยู่หลายขุม ทั้ง ส.ว. ส.ส. และพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังมีความเหนียวแน่น และไม่มีการถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลเลย
“ดังนั้นความเคลื่อนไหวทางการเมือง ณ วันนี้ที่จะนำไปสู่ความเปราะบางของรัฐบาล คือ ปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาที่นายกรัฐมนตรีต้องเร่งแก้ไขเพื่อมิให้รัฐบาลต้องตกต่ำตามภาวะเศรษฐกิจในยุค NEW NORMAL เพราะขาดความเชื่อมั่นต่อประชาชน” รศ.ดร.ธนภัทร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี