รปช.แถลงจุดยืนไม่ร่วมแก้ไขรธน. บอกยังไม่มีความจำเป็น ย้ำไม่ได้มีเจตนาเป็นกบฏต่อพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมมีมติสั่งส.ส.โหวตขวางญัตติแก้ไขรธน.
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 15 กันยายน 2563 ที่อาคารทรูแปซิฟิค สุขุมวิท นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร , น.ส.จุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ , นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขาธิการพรรค , นายธันย์ธรณ์เทพ แย้มอุทัย นายทะเบียนพรรค , นายดนุช ตันเทอดทิตย์ กรรมการบริหารพรรค และ นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับจุดยืนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายทวีศักดิ์ แถลงว่า ภาพรวมพรรรค รปช.พิจารณาแล้วเห็นว่าจะต้องแถลงแสดงจุดยืนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การที่เราเห็นว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องแถลง เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นกฎหมายแม่บท การแก้ไขเปลี่ยนแปลงต้องมีเหตุผลที่ชอบธรรม และสมบูรณ์ที่สุด เราเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นนวัตกรรมทางกฎหมาย อันเนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง
นายทวีศักดิ์ กล่าวตอว่า พรรคไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยมีมติให้ ส.ส.ของพรรค ไม่ร่วมลงชื่อในญัตติเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกฉบับทั้งของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมถึงการลงมติไม่เห็นชอบในวาระที่ 1 รับหลักการทุกญัตติ
นายทวีศักดิ์ ชี้แจงเหตุผลว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่มีจุดมุ่งหมายผดุงหลักนิติรัฐนิติธรรม เป็นครั้งแรกที่บัญญัติการปฏิรูปประเทศอย่างทั่วด้าน อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รวมถึงผ่านการออกเสียงประชามติจากประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ใช้มา 3 ปีเศษ แต่ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาหรือไม่ มีเพียงนักการเมืองจำนวนหนึ่งไม่ชอบใจ ไม่สมประโยชน์ที่พึงประสงค์ ไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งทั่วไปเหมือนที่เคยได้ รวมถึงชี้ว่าญัตติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่มีการรับฟังความเห็นตามมาตรา 77 วรรคสอง
นายทวีศักดิ์ ยืนยันว่า การประกาศจุดยืนไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีเจตนาเป็นกบฏต่อพรรคร่วมรัฐบาล แต่มองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ถือเป็นนโยบายร่วมกัน เพราะเป็นปรัชญาทางการเมืองที่แต่ละพรรคมีความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งพรรคพลังประชาชาติไทยเห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเวลานี้ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสำคัญของประเทศ ไม่ควรแก้ไขเพียงเพื่อผ่อนคลายอุณหภูมิทางการเมือง และขอให้คำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศปัจจุบัน เนื่องจากต้องใช้งบประมาณจัดทำประชามติจำนวนมาก และยืนยันว่าการประกาศจุดยืนไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มกรุงไทยภักดี ที่นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตประธานกรรมการพรรค รปช.เพียงแต่เห็นพ้องต้องกันเท่านั้น
ส่วนการตั้ง ส.ส.ร.บางพรรคอาจจะเห็นว่าจะรวมผู้ที่มาจากการเลือกตั้งที่ต่างๆ แต่ความจริงคือมาจากเครือข่ายพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ๆ และทิศทางที่จะเขียนกฎหมายก็จะได้รับอิทธิพลจากความคิดของพรรค หรือบางฝ่ายมองว่าการตั้ง ส.ส.ร.เป็นกระบวนการยื้อหรือซื้อเวลา แต่ไม่ว่าใครจะมีวาระแฝงเร้น แต่ รปช.มองว่า ถ้าตั้ง ส.ส.ร.มา เหมือนการเซ็นเช็คเปล่า เป็นอันตรายที่รัฐธรรมนูญของดีที่มีอยู่อาจจะกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ หรือบางคนจะมองว่าถ้าร่างมาแล้วก็ต้องลงประชามติอยู่ดี แต่การลงประชามติก็ต้องใช้เงินเป็นหมื่นล้าน และในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มันควรหรือไม่
ด้าน นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขาธิการพรรค กล่าวว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทยเป็นพรรคการเมืองของประชาชน เคารพความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ ซึ่งวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ประชาชนทั่วประเทศได้ร่วมกันแสดงความเห็นชอบให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยมีประชามติให้ความเห็นชอบ 16.8 ล้านคน ซึ่งได้พิจารณาศึกษารัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างรอบคอบ ศึกษาทุกแง่มุม มีมติเอกฉันท์แสดงจุดยืนกับประชาชนทั่วประเทศ ว่าจะทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนชาวไทย พิทักษ์รัฐธรรมนูญของประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี