ฝ่ายมั่นคงคาดชุมนุม19ก.ย.
ม็อบมา5หมื่นคน
นปช.-การเมืองร่วมผสมโรง
ตร.จัดกำลัง3พันดูแลเข้ม
แก้วสรรยื่น2,924รายชื่อ
ค้านชุมนุมในธรรมศาสตร์
นายกฯยืนยันรัฐบาล-จนท.เลี่ยงเผชิญหน้าการชุมนุม19 กันยายน เป็นห่วงบ้านเมือง ไม่สงบ ลั่นไม่ได้ห่วงตนจะอยู่หรือไป ห่วงกลไกพังแก้ปัญหาปท.ไม่ได้เตือนหวั่นเป็นเหยื่อโซเชียลปลุกระดม “บิ๊กป้อม” เชื่อรับมือได้แฉรู้ปั่นม็อบมาจากไหน ฝ่ายความมั่นคงฯประเมินคาดผู้ร่วมชุมนุม 5 หมื่นคน มวลชนพรรคการเมือง-เสื้อแดงตจว.เข้าผสมโรง ผู้ใหญ่สูงวัยมาด้วย ทำเนียบฯจัดสันติบาล 300 นายป้องกันเผยนายกฯกำชับไม่อยากให้ชุมนุมปิดทำเนียบฯ ส่วนรอบนอก เป็นหน้าที่ บช.น.จัดตร.3พันนายดูแล ‘แก้วสรร’ยื่น2,924ชื่อศิษย์เก่าค้านจัดม็อบในมธ.“สุทิน”เตรียมส่งสส.ฝ่ายค้านสังเกตการณ์”ปิยบุตร”จี้มธ.ทบทวนให้จัดม็อบ19ก.ย.ไม่ผลักออกไปข้างนอก ยันไปร่วมม็อบกับ”ธนาธร”
เมื่อวันที่ 15กันยายน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่เพิ่มขึ้นมา ทั้งการแก้ไขระบบเลือกตั้ง การเลือกนายกรัฐมนตรี การตัดอำนาจ ส.ว. และการยกเลิกมาตราที่รับรองประกาศ คำสั่ง คสช.ของสส.พรรคฝ่ายค้านว่า เป็นเรื่องกระบวนการในสภา ตนไม่มีข้อขัดข้อง แต่ประการใด ขอให้มีการหารือ พร้อมมีการจัดตั้งกรรมาธิการศึกษารายละเอียดกันแล้ว โดยมีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้าน ขณะที่รัฐบาล ก็ติดตามและหวังทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เมื่อถามมี สว.บางคนออกมาค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา256เปิดทางตั้ง ส.ส.ร.โดยอ้างว่าต้องทำประชามติ เลือกตั้ง ส.ส.ร.อาจใช้งบประมาณสูงถึง15,000ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว่า ในเรื่องงบประมาณ ก็มีเหตุผลสำคัญ คือต้องใช้ ถ้าจำเป็น ต้องทำประชามติ ก็ต้องทำและต้องหางบประมาณมาดำเนินการซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่าเรามีปัญหาเรื่องงบประมาณอยู่ แต่ตน ก็ไม่ขัดข้อง
ยันรัฐบาล-จนท.เลี่ยงเผชิญหน้า
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางของรัฐบาลในการการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรงในการชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย.ว่า รัฐบาลหลีกเลี่ยงอยู่แล้วรวมทั้งฝ่ายความมั่นคง พลเรือน ตำรวจและทหารต่างหลีกเลี่ยง ส่วนใครไม่หลีกเลี่ยงก็ต้องไปหามา รวมทั้งการป้องกันมือที่ 3 หรือมือที่ 4ซึ่งสื่อมวลชนก็ทราบดี ที่ถามมาก็มีคำตอบอยู่แล้วโดยรัฐบาลยืนยันในเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักและทำให้การบริหารราชการในช่วงนี้ผ่านพ้นไปด้วยดีเพื่อสอดคล้องกับวิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในเวลานี้ หลายประเทศ ก็ดำเนินการทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบสุขที่สุดและรัฐบาลมีเสถียรภาพในการทำงานในช่วงนี้
วอนดูแลลูกอย่าให้ตกเป็นเหยื่อ
“ขอร้องกันทุกฝ่ายทั้งแกนนำผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ช่วยกันสังเกตสอดส่องเป็นหูเป็นตา และดูแลลูกหลานของเราให้ปลอดภัย อย่าให้ตกเป็นเครื่องไม้เครื่องมือของใคร ถ้าเป็นการชุมนุมบริสุทธิ์ผมไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งสิ้น ส่วนบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ก็ต้องไปสืบหากันต่อไปหลังจากนี้ซึ่งพอจะมีข้อมูลอยู่บ้าง”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีมีเอกสารปลอมทางราชการมาโจมตีรัฐบาลกองทัพถึงการเตรียมกำลังปราบม็อบ19ก.ย.หรือเป็นการปลุกระดมเพื่อเรียกมวลชนเข้าร่วมชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นเอกสารปลอมและมีการชี้แจงมาแล้ว วันนี้ปลอมกันได้ทุกอย่าง ทุกคน ก็ทราบดีว่ามีการเจริญเติบโตทางด้านเทคโนโลยีดิจิตอลสามารถปลอมได้หมดและปากพูดก็พูดได้หมด อีกทั้ง มีการดัดแปลงเสียงดัดแปลงคำพูด จนถึงการลอกลายเซ็นมีทุกอย่าง จึงขอให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันตรวจสอบก่อนแชร์ ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาต้องถูกดำเนินคดีต่อไปในอนาคต ตนไม่อยากวุ่นวายในเรื่องเหล่านี้
ลั่นยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
และยืนยันตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการดูแลเจ้าหน้าที่ ดูแลเด็กและลูกหลานของเรา และทุกคนก็ต้องดูแลตัวเองด้วย โดยเฉพาะมาตรการต่างๆ ทั้งการตรวจสอบเรื่องอาวุธ และการแพร่ระบาดต่างๆก็ต้องมีมาตรการที่เหมาะสมในการดูแล เพราะลูกหลานของท่าน ก็เหมือนลูกหลานของเรา
ยันไม่ห่วงตนเองจะอยู่หรือไป
“ผมเป็นห่วงเรื่องการชุมนุมอะไรก็แล้วแต่ วันนี้มีหลายอย่างที่มันแพร่อยู่ตามสื่อโซเชียลต่างๆซึ่งทุกคนก็ต้องเช็คก่อนแชร์ก่อนส่งต่อไปที่อื่นหรือไปขยายความ บางทีก็มีคนไม่หวังดีไปใช้ตรงนั้นในการปลุกระดมพล ปลุกปั่นขึ้นมา ผมถามว่าถ้าบ้านเมืองไม่สงบแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ตัวผมเองไม่ห่วงอยู่แล้วว่าจะอยู่หรือจะไป แต่เป็นห่วงว่ารัฐบาลจะอยู่ตรงไหนหลายๆอย่างที่เป็นกลไก ที่จะไปแก้ปัญหาไม่ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญอะไรก็แล้วแต่ใครจะทำ ก็ไปดูตรงโน้น ดังนั้น อย่ากดดันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ผมคิดว่าสังคมประชาชนส่วนใหญ่ทราบดี จึงขอแสดงความห่วงกังวล เพราะท่านก็รักลูกของท่าน ผมก็รักลูกของผมและผมจำเป็น ต้องรักลูกของท่านด้วย เพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรีนั่นคือสิ่งที่ต้องดูแล”พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ
ชี้กลไกพังแก้ปัญหาปท.ไม่ได้
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังย้ำว่าขอให้ทุกคนช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สิ่งสำคัญที่สุดรัฐบาลมีโครงการจ้างงาน ที่กระทรวงแรงงานเตรียมการไว้แล้ว โดยจะจ้างงานนิสิตนักศึกษาที่ตกงาน หรือยังไม่มีงานทำถึง 2.6 แสนคน รัฐบาลต้องดูแลเป็นพิเศษและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลวางแผนไว้อยู่แล้วในการดูแลตรงนี้ ตนถามว่าหากวุ่นวาย มีปัญหามากๆ บริหารราชการไม่ได้ บริหารงบประมาณไม่ได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคนอีก 60 กว่าล้านที่เสียประโยชน์แล้วจะทำอย่างไร ใครจะรับผิดชอบ ตนขอฝากไว้ด้วยแล้วกัน ขอให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำและช่วยกันแก้ปัญหา
บิ๊กป้อมเชื่อรับมือได้/รู้ปั่นม็อบ
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายความมั่นคงจะเปิดให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้พื้นที่สนามหลวง ในวันที่ 19 ก.ย.ว่าทุกอย่างทำตามกฎหมาย เพราะมีกรอบกฎหมายอยู่ ส่วนแผนการดูแลที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น เราดูแลเรียบร้อย เมื่อถามว่า จะมีการกำหนดระยะห้ามผู้ชุมนุมเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เมื่อถามต่อว่าทางการข่าวมีการแจ้งหรือไม่ว่าจำนวนผู้ชุมนุมที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดจะมาสมทบมีมากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า“ผมรู้แล้วและดูอยู่ ทราบว่าจะมีจังหวัดไหนมาได้และเชื่อว่ารับมือได้
กำชับจนท.ตรวจเข้มเรื่องอาวุธ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะต้องมีการสกัดกั้นตรวจเข้มเรื่องอาวุธในช่วงนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ ก็ทราบอยู่แล้ว และทำตามหน้าที่ เมื่อถามต่อว่า หากผู้ชุมนุมเดินทางมาทำเนียบรัฐบาล จะมีการกำหนดระยะเวลาการชุมนุมหรือไม่ เพราะอาจจะอยู่ยาว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่ายังไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมายและไม่ให้เกิดการปะทะกัน เมื่อถามว่าเป็นห่วงเรื่องมือที่3หรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนว่า”คุณเป็นมือที่สามหรือเปล่า”
คาดมวลชน5หมื่นร่วมม็อบ19กย.
แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงกล่าวประเมินสถานการณ์ของการชุมนุมในวันที่ 19 กันยายนนี้ว่าการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นั้น ทางเจ้าหน้าที่คาดว่าจะมีมวลชนเดินทางมาร่วมชุมนุมประมาณ50,000 คน เพราะครั้งแรกที่มีการจัดชุมนุมที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีคนมาเข้าร่วมประมาณ10,000 คน ส่วนครั้งที่สอง ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีคนมาร่วมชุมนุมประมาณ 30,000-40,000 คน
พรรคการเมือง-เสื้อแดงสมทบ
แต่ในครั้งนี้จะมีกลุ่มมวลชนของพรรคการเมืองและกลุ่มคนเสื้อแดง จากต่างจังหวัด หลายจังหวัด อาทิ จ.ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรีรวมถึงมวลชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานบางส่วนเดินทางเข้ามาร่วมสมทบในกทม.ด้วย โดยกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงเด็กๆ เยาวชน นักเรียน นักศึกษาแต่เป็นคนมีอายุจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่มีการปะทะกันรุนแรง เพราะทางเจ้าหน้าที่จะเน้นเจรจาพูดคุย และจะล็อคเป้าไว้ที่แกนนำเท่านั้น โดยคาดว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ และน่าจะเป็นไปตามที่แกนนำวางแผนไว้
จัดตร.300คุมเข้มในทำเนียบ
ขณะที่ พ.ต.ท.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ ทำเนียบรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ว่า ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจสันติบาล 3 กับสันติบาลทำเนียบฯ รวม 2กองร้อย หรือ 300นาย ที่จะดูแลภายในทำเนียบฯ โดยเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้าและตึกบัญชาการ 1 ซึ่งถือเป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาดและตนได้แจ้งกำลังพลไปแล้วว่า หากมีผู้ชุมนุมพยายามบุกรุกเข้ามาในทำเนียบฯ เบื้องต้นให้เจรจาก่อนแล้วจึงใช้มาตรการขั้นต่อไป ส่วนภายนอกรั้วทำเนียบฯ จะอยู่ในการดูแลของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
นายกฯห่วงม็อบเข้าใกล้ทำเนียบฯ
“นายกฯสั่งการกำชับเป็นพิเศษคือถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาบริเวณโดยรอบทำเนียบซึ่งตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะมีกำหนดไว้ว่าต้องมีระยะห่างจากทำเนียบฯ 50 เมตรคืออยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์” พ.ต.ท.วัชรวีร์ ย้ำ พร้อมระบุว่า การดูแลความสงบเรียบร้อยภายในทำเนียบฯจะทำตลอด 24ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่19 ถึงวันที่ 20ก.ย.จะใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก โดยไม่ใช้กำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่ทหารแต่อย่างใดและมาตรการป้องกันทำเนียบฯไม่มีชื่อแผน แต่จะดูตามสถานการณ์มากกว่า
จัดตำรวจกว่า3พันนายคอยดูแล
รายงานข่าวแจ้งว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (บก.น.1-9) สังกัดละ 2 กองร้อย และจากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) อีก 2 กองร้อย รวมทั้งสิ้น 20 กองร้อย รวมประมาณ 3,100นาย ไว้สำหรับการรักษาความสงบเรียบร้อยที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ประกาศจัดชุมนุมใหญ่ 19กันยายน ทวงอำนาจ คืนราษฎร ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และใช้พื้นที่สนามหลวง ปักหลักค้างคืนหากมวลชนล้นพื้นที่มหาวิทยาลัย ก่อนเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเรียกร้องรัฐบาลวันที่ 20 กันยายน บริเวณโดยรอบสถานที่การชุมนุม รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม และประชาชนทั่วไป
วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ ช่วงบ่าย มีการยื่นหนังสือต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยกลุ่มศิลปิน นักเขียน สนับสนุนให้เปิดพื้นที่ชุมนุม 19 ก.ย. นำโดยนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์และ นางนิธินันท์ ยอแสงรัตน์ นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ได้อ่านแถลงการณ์ ที่ลานปรีดี และเข้ายื่นหนังสือ เวลา 14.00 น.
‘แก้วสรร’ยื่น2,924ชื่อค้านจัดม็อบ
เวลา 15.00น.ที่หน้าอนุสาวรีย์นายปรีดี พนมยงค์ หน้าตึกโดม มธ.ท่าพระจันทร์ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดี มธ.เป็นตัวแทนศิษย์เก่ากลุ่มสนับสนุนมติผู้บริหาร มธ.ไม่อนุญาตเปิดพื้นที่ในการชุมนุมของแนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม19กันยายน แถลงหัวข้อ“ปิด..มธ.พอกันที..วีรชน” โดยระบุว่า วันนี้มีการยื่นคำขอพร้อมรายชื่อที่รวบรวมทางไลน์3วัน ได้ 2,924คน ซึ่งสนับสนุนการออกคำสั่งไม่อนุญาตให้ชุมนุมของอธิการบดี โดยจะปิดลงชื่อวันที่ 20กันยายน ยืนยันว่า ไม่มีการจัดตั้งกลุ่มใดๆทั้งสิ้น
“ผมขอใช้สิทธิส่วนตัวยืนยันว่าตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจของ คสช.เช่นกัน และไม่เคยใช้เวที กปปส.กวักมือเรียกให้ทหารออกมาปฏิวัติ ดังที่พี่ใส่ร้ายผมด้วยโมหะและโทสะอันฝังลึกอยู่ในตัวตนเลย สิ่งที่ผมและพี่น้องในกลุ่มศิษย์เก่าเห็นตรงกัน ปฏิเสธร่วมกันจริงๆ ก็คือ การเคลื่อนไหวสร้างความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองตามทรรศนะของตน ด้วยความไม่รับผิดชอบ ไม่เคารพสิทธิของคนอื่น รวมทั้งสร้างกำลังทางการเมืองด้วยความจงเกลียดจงชังปลุกปั่นคนไทยไปจนถึงลูกเด็กเล็กแดงแตกเป็นฝักฝ่ายเช่นปัจจุบัน”นายแก้วสรร กล่าว
จากนั้น ศิษย์เก่านำช่อดอกไม้มามอบให้นายแก้วสรรเพื่อให้กำลังใจโดยนายแก้วสรรได้นำช่อดอกไม้ดังกล่าวไปวางต่อหน้าอนุสาวรีย์นายปรีดี พร้อมกล่าวว่า “ขอให้ธรรมศาสตร์พ้นจากเผด็จการม็อบ” ต่อมา เวลา15.40น.นายแก้วสรรพร้อมตัวแทนศิษย์เก่า ได้เข้ายื่นหนังสือให้อธิการบดีบริเวณชั้น 1 ตึกโดม
เพื่อไทยเชื่อชุมนุมยึดกรอบกม.
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยและประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยนักเรียน นักศึกษาและประชาชน ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ว่า ในพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้มีการหารือ เพียงแต่ติดตามสถานการณ์เหมือนประชาชนทั่วไปด้วยความเป็นห่วง เพราะมีทั้งกระแสต่อต้านและไม่ต่อต้าน ที่สำคัญที่สุด เชื่อว่าผู้ชุมนุมยังเดินตามกรอบกฎหมายอยู่ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ควรจะมองกันด้วยความเมตตา และดูกันไปก่อน เพราความเห็นไม่ตรงกัน เป็นเรื่องปกติ เราก็ต้องยอมรับว่ามีปัญหาอยู่จริงรวมทั้งปัญหาการเมือง ซึ่งไม่แปลกที่คนจะออกมาชุมชน เชื่อว่าหากเข้าใจหลักนี้ก็จะไม่มีอะไรรุนแรง
เตรียมส่งสส.เข้าสังเกตการณ์
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการเข้าใจสังเกตการณ์การชุมนุมหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ในวันที่ 19 ก.ย.จะมีส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ทำงานในอนุกรรมาธิการ(กมธ.)การปกครอง ของสภาผู้แทนราษฎร ไปดูแลผู้ชุมนุมให้เป็นไปตามกฎหมายและสิทธิขั้นพื้นฐานโดยไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยไปดูสถานการณ์ ไม่ใช่ไปบริหารสถานการณ์ และประเมินว่าการชุมนุมจะมีการตื่นตัวกันมากทั้งผู้ชุมนุมและตำรวจ ฝ่ายผู้ชุมนุมน่าจะมีจำนวนคนเยอะกว่าเดิมเพราะเขาเตรียมตัวมานาน ซึ่งก็ต้องดูว่ารัฐบาลจะประคับประคองให้การชุมนุมอยู่ในเกณฑ์ได้หรือไม่ ซึ่งดูแล้วผู้ชุมนุมเขาก็ระมัดระวังออยู่ โดยพยายามบอกกันว่าไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือใครให้ชุมนุมโดยให้ได้เป้าหมายที่แท้จริง
ปิยบุตรจี้มธ.ทบทวนจัดม็อบ
ที่หน้าห้องประชุมคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมเสวนาเรื่อง”#ถ้าการเมืองดีเราจะคุยเรื่องสถาบันกษัตริย์กันอย่างไร”โดยกล่าวถึงกรณีที่ ม.ธรรมศาสตร์ไม่อนุญาตให้กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจัดชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.นี้ว่าม.ธรรมศาสตร์ เป็นส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับวิชาการ จำเป็นต้องให้เสรีภาพและการแสดงออก คนที่ขอใช้พื้นที่ในการชุมนุมก็ชัดเจนว่าเป็นนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ไม่เห็นเหตุผลใด จะสกัดขัดขวางการใช้พื้นที่นี้ สิ่งหนึ่งที่ ต้องยอมรับตรงไปตรงมา เหตุที่ผู้บริหาร ไม่ให้ใช้เพราะคาดการณ์ได้ว่านักศึกษาผู้จัดต้องการปราศรัยเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ถ้าใช่ ก็ยืนยันตรงไปตรงมา อย่าใช้เหตุผลอื่นหลบซ่อน
ค้านผลักออกไปชุมนุมข้างนอก
“ถ้าไม่สบายใจ เพราะเรื่องนี้ ต้องมาทำความเข้าใจกับนักศึกษาเช่นต้องยอมรับเนื้อหาที่เขาพูดอยู่ภายใต้กรอบระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การแสดงความคิดเห็น เรื่องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์รัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ สามารถทำได้อยู่แล้ว สิ่งที่เขาพูดเมื่อวันที่ 10ส.ค. 2563ก็ไม่ออกจากกรอบนี้ หากท่านไม่สบายใจในเรื่องท่าทางในการแสดงออก ก็ไปปรับจูนกันให้เข้าใจ ที่ใช้พื้นที่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออกได้มากที่สุด การไม่อนุญาตให้ใช้ เป็นการผลักให้นักศึกษาจำเป็นต้องออกไปใช้พื้นที่อื่นเพื่อพูดประเด็นนี้ ในเมื่อมหาวิทยาลัย เล็งเห็นใช่หรือไม่ว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นอ่อนไหว ถ้าเป็นเช่นนั้นยิ่งต้องให้จัดในมหาวิทยาลัย ผลักออกไปข้างนอกไม่ได้”นายปิยบุตร ย้ำ
ยันไปร่วมม็อบแน่กับ”ธนาธร”
เมื่อถามถึงการจะเข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ นายปิยบุตร กล่าวว่าในฐานะพลเมืองไทย ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง10ปี ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถเพิกถอนสิทธิความเป็นพลเมืองไทยของตนได้ มีสิทธิเข้าร่วมชุมนุมแสดงออกความคิดเห็นต่างๆ การชุมนุมของนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ ตนก็สนับสนุนเห็นด้วยในหลายเรื่องจะเข้ามาร่วมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
เมื่อถามถึงการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.นี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยืนยันว่าจะมาร่วมด้วยหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่าตนกับนายธนาธรก็เป็นคนไทย เราในฐานะพลเมืองไทยก็ไปร่วมชุมนุม อย่าโฟกัสมากว่า ตนหรือนายธนาธรจะไป นี่คือการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมไม่ว่ากลุ่มไหนจัด ถ้าตนและนายธนาธร ว่าง เราพยายามจะเข้าร่วมชุมนุมในฐานะพลเมืองคนไทย
ขยายใช้รถแท็กซี่9ปีเป็น12ปี
วันเดียวกัน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมครม.ว่า ครม. อนุมัติหลักการแก้ไขกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน7คน ปี2560 โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเรื่องของอุปกรณ์ ระบบ หรือเทคโนโลยีติดตามรถที่สามารถนำมาใช้แทนเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ เช่นโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนและขยายอายุการใช้งานของรถแท็กซี่จาก 9ปี เป็น12ปี นับแต่วันจดทะเบียนครั้งแรก เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านบริการ และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่เจ้าของรถและผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้างในช่วงสถานการณ์การโรคโควิด-19
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี