"ก้าวไกล"ชำแหละงบสำนักนายกฯ ซ้ำซ้อนหลายหน่วยงาน-ไม่มีใช้จ่ายจริง ย้ำแผนงานสำนักนายกฯล้มเหลวหลายด้าน
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า มาตรา 7 งบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ลงไป 5% โดยยกตัวอย่างงบประมาณบางรายการที่สามารถลดลงได้ เช่น สำนักเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี มีงบประมาณประชาสัมพันธ์ มีงบประมาณทำไลน์ออฟฟิสเชียล 7,500,000 บาท ต้องการส่งข้อความที่มากเกินไปเพื่อให้ถึงประชาชนที่แอดไลน์ไทยคู่ฟ้า กว่า 4,700,000 คน แบ่งเป็น 4 ไตรมาส รวม 1,140 ข้อความ เทียบกับค่าบริการของไลน์ ถ้าสมัครแบบโปรอยู่ที่เดือนละ 1,500 บาท แต่ถ้าเทียบกับงบประมาณของสำนักนายกฯ เดือนละ 625,000 บาทต่อเดือน คิดตามค่าบริการของไลน์คือจะส่งข้อความได้ถึง 175 ล้านคน ซึ่งความจริงสามารถปรับลดราคาได้มาก
อีกส่วนหนึ่งคือ กอ.รมน.งบประมาณ 9,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ที่งบกำลังพล ทั้งที่มีงบประมาณบุคลากรอยู่แล้ว 80 ล้านบาท แต่กลับใช้เพิ่มในส่วนนี้อีก 4,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินให้ทหาร แล้วจุดประสงค์ในการตั้ง กอ.รมน.คือ เสริมสร้างความตระหนักรู้สถาบันหลักของชาติในเยาวชน ทั้งที่กระทรวงศึกษาธิการก็น่าจะทำภารกิจนี้ได้ อีกทั้งยังมีโครงการแก้ปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองกลุ่มเฉพาะ ทั้งที่มี ตม.
นอกจากนี้ ยังมีโครงการแก้ไขปัญหาปฏิบัติการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แล้วจะมีกรมทรัพย์สิทนทางปัญญาไว้ทำไม และการพัฒนาเครือข่ายมวลชนเฝ้าระวังการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งที่กระทรวง DES ก็มีอาสา DE ซึ่งเป้าหมายคือให้ประชาชนเข้าใจบทบาทของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่ตรงกับชื่อของเครือข่าย การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งที่มี ปภ.อยู่แล้ว แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดกรอบการทำงานด้านมวลชนของ กอ.รมน.ตนไม่เข้าใจว่าโครงการนี้เป็นเรื่องของการรวมพลังมวลชนหรือไม่ เพราะไม่สอดคล้องกับชื่อ นอกจากนี้ ยังมีการผลิตสื่อโทรทัศน์ อยู่ที่ 17,250,000 บาทต่องาน ซึ่งตนคิดว่าสามารถปรับลดงบประมาณลงมาได้ แต่ของ กอ.รมน.สามารถลดขนาด หรือไม่ก็ควรยุบหน่วยงานของกระทรวงต่างๆ ที่ทับซ้อนออกไป
ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนเสนอปรับลด 10% เนื่องจากหน่วยงานนี้ประสิทธิภาพในการทำงานยังไม่เห็นผล ได้แก่ การปฏิรูปประเทศ เช่น การปฏิรูปตำรวจล้มเหลว โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้าย บุคลากรตำรวจบางคนได้เลื่อนตำแหน่งทั้งที่ความอาวุโสในการรับราชการยังไม่ถึง หลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้มาแล้ว 3 ปีแต่ยังไม่เห็นผล , การปฏิรูปการศึกษา จะเห็นชัดเจนว่าการศึกษาไทยยังไม่ไปถึงไหน ยังมีความเหลื่อมล้ำในการเรียนมัธยมยังไม่ตอบโจทย์การสอบเข้ามาหวิทยาลัย
ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ เขียนไม่ทันสถานการณ์โควิด ไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทั้งที่มีสภาพัฒน์ฯ ยังไม่มีการปรับแก้ยุทธศาสตร์ชาติ ความปรองดอง เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลไม่สามารถสร้างให้เกิดขึ้นในประเทศ เกิดจากการบริหารที่ขาดตกบกพร่อง ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ บุคลากรบางส่วนเข้าถึงทรัพยากรได้ บางกลุ่มเข้าถึงไม่ได้ เห็นได้จาก การชุมนุมของนักศึกษา และการชุมนุมเรียกร้องราคาพืชผลการเกษตร , และการจัดการน้ำ การจัดสรรงบประมาณแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างไม่เป็นธรรม ในจังหวัดเดียวกัน บางอำเภอได้ บางอำเภอไม่ได้ เป็นต้น
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า เสนอปรับลดงบประมาณ 10% โดยเน้นที่ พ.ร.บ.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท โดยสภาพัฒน์ฯ เป็นประธานในการกลั่นกรอง และมีระเบียบการใช้จ่ายเงินกู้ให้สภาพัฒน์จัดทำกรอบนโยบายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วย ซึ่งตั้งแต่ลงพระราชกิจจานุเบกษารวมแล้ว 150 วัน มีโครงการเสนอเข้ามากว่าสี่หมื่นโครงการ แต่ยังเหลือเงินที่ยังไม่อนุมัติกว่าอีกสามแสนล้านบาท และเบิกจ่ายไปได้เพียงกว่าหนึ่งพันล้านบาท ทั้งที่ต้องเร่งใช้จ่าย แต่ผ่านไป 5 เดือน อนุมัติไปได้เพียง 45,000 ล้านบาท เพราะเหตุผลว่าโครงการมีปัญหาไม่เข้าเงื่อนไขตามท้าย พ.ร.ก.และไม่เข้ากรอบที่กำหนด สภาพัฒน์ทำตัวเนอาจารย์ตรวจข้อสอบ โครงการไม่ผ่านตีกลับ จึงไม่แปลกว่าทำไมตอนนี้คนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ยังเดือดร้อน เพราะโครงการยังไม่เกิด อีกทั้งในการศึกษาของสภาพัฒน์บอกว่าโครงการเหล่านี้จะจ้างงานได้กว่าแสนคน ทั้งที่มีคนตกงานหลายล้านคน ตนฝากไปถึงรัฐบาลว่าถ้าเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้รัฐบาลต้องตัดสินใจเรื่องการเบิกจ่ายและการตัดสินใจอนุมัติโครงการ ไม่เช่นนั้นสิ้นปีนี้คนได้รับผลกระทบจะอยู่ไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี