วันที่ 21 กันยายน 2563 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Sudarat Keyuraphan ระบุข้อความว่า...#โกงบัตรทอง
ทำให้โครงการ ”หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า”กลายเป็น “ความเดือดร้อนถ้วนหน้า”ของประชาชนกว่า 800,000 คนในกรุงเทพ
เมื่อเริ่มก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ดร.ทักษิณ ชินวัตร และคณะซึ่งรวมถึงดิฉันด้วย ได้เดินทางไปรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
ปัญหาที่เราได้พบในทุกแห่ง ที่เราเยี่ยมคือ ความทุกข์จากความเจ็บป่วยแล้วไม่มีเงินมารักษาตัวเอง หรือพ่อแม่ที่แก่เฒ่า เราได้พบผู้สูงอายุจำนวนมากที่ป่วยหนักอยู่ที่บ้าน เมื่อเราถามว่าทำไมไม่ไปรักษาตัว คำตอบที่ได้คือไม่มีเงินไปรักษา เพราะถ้าจะไปรักษาที่รพ. ลูกหลานก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามารักษา สงสารลูกหลานที่จะต้องเป็นหนี้
อายุมากแล้วยอมตายไปดีกว่า
เราสะเทือนใจทุกครั้งที่ได้ฟังคำตอบเช่นนี้ และเกิดคำถามในใจว่าทำไม “คนจนที่เจ็บไข้ได้ป่วย จึงต้องนอนรอความตายเท่านั่น” ทั้งที่เขาก็เป็นคนเหมือนกัน แต่ทำไมโอกาสในการรักษาชีวิตจึงแตกต่างกันระหว่างคนรวย และคนจน
ดังนั้นเมื่อ นพ.สงวน นิตยารัมพงศ์ ได้นำหลักการการประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาเสนอแก่ ดร. ทักษิณ ท่านจึงให้ความสนใจศึกษาข้อมูล,ความเป็นไปได้อย่างจริงจัง และตัดสินใจผลักดันจนเป็นนโยบายที่พรรคไทยรักไทยได้ประกาศให้คำมั่นสัญญาในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2544 ว่าหากไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาล เราจะทำโครงการ #30บาทรักษาทุกโรค ทันที
เมื่อเราชนะการเลือกตั้ง ดร.ทักษิณ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งแรกหรือนโยบายแรกที่สั่งให้ลงมือทำทันที คือ”โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” เพื่อให้สิทธิประชาชนในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพอย่าง ”ทัดเทียม”และ”ทั่วถึง” ทุกคน
ไม่ว่าประชาชนคนนั้นจะเป็นคนรวยหรือคนจนก็ตาม
และดิฉันก็โชคดีที่นายกทักษิณได้ให้ความไว้วางใจมอบหมายให้เป็นผู้ทำโครงการนี้ให้สำเร็จ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ดิฉันยังจำคำพูดของท่านได้อย่างแม่นยำในวันที่ท่านมอบให้ดิฉันรับผิดชอบโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ท่านพูดว่า “รู้ว่าโครงการนี้ทำยาก แต่อยากให้เสียสละทุ่มเททำให้สำเร็จ เพราะโครงการนี้จะช่วยชีวิตคนไทยทั่วประเทศ จะช่วยทำให้สุขภาพคนไทยได้ดีขึ้น จะช่วยลดภาระหนี้สินให้คนจน และที่สำคัญจะช่วยลดความเหลื่อมลำ้ให้สังคมไทย”
ด้วยผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเก่งการบริการเศรษฐกิจอย่างนายกทักษิณ และด้วยความเสียสละของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
จึงได้เริ่มต้นได้เมื่อ 19 ปีที่แล้ว
และถือเป็นโครงการที่ได้ช่วยพี่น้องชาวไทยเป็นจำนวนมากให้มีโอกาสรอดชีวิตจากการเจ็บป่วย ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างมีคุณภาพทัดเทียมกัน
แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ผู้นำทางการเมืองในช่วงหลัง ไม่มีความเข้าใจในหลักการของโครงการอย่างแท้จริง จึงทำให้ระบบการบริหารจัดการล้มเหลว กลับไปรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง แทนที่จะกระจายอำนาจ และกระจายงบประมาณไปยังรพ.โดยตรง จนทำให้เกิดปัญหางบประมาณไม่เพียงพอ ทั้งที่ใช้งบประมาณมากขึ้น
แต่คุณภาพการรักษาพยาบาลตกต่ำลง และในที่สุดปล่อยให้มีการทุจริตกันอย่างมโหฬาร ในหลายระดับ
ต่อเนื่องมาหลายปี
ที่สส. ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูล เป็นเพียงปลายทาง
ซึ่งพวกเราจะไม่ปล่อยให้มีการหาผลประโยชน์บนความเป็นความตาย และบนชีวิตของประชาชนอีกต่อไป
ผู้นำต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ทำให้โครงการ #บัตรทอง เกิดความล้มเหลวอย่างในปัจจุบัน จนทำให้ทั้งผู้ให้บริการคือแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องมีความทุกข์และประสบปัญหาในการให้บริการ และทำให้ประชาชนผู้รับบริการไม่ได้รับบริการที่ได้คุณภาพที่ดีพอ
แต่ที่จำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้ คือการแก้ไขปัญหาผลพวงจากการปล่อยประละเลยให้มีการทุจริต จนทำให้ประชาชนกว่า 800,000 คนในกรุงเทพต้องประสบปัญหา ไม่มีที่รักษาพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยเรื้อรัง ที่จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องกำลังเผชิญกับปัญหา อย่างหนัก ทั้งการไม่มีสถานพยาบาลรองรับ หรือให้ย้ายไปใช้ โรงพยาบาลของรัฐ
ที่มีความแออัดอยู่แล้ว ทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้ ไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงทีหรือต้องรอคิวเป็นเวลานาน
การแก้ปัญหาแบบไม่รับผิดชอบโดยไม่มีแผนรองรับได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนกว่า 800,000 คนในกรุงเทพ และได้สร้างปัญหาให้กับรพ. และแพทย์พยาบาลที่ต้องรองรับผู้ป่วยที่ถูกโอนย้ายมา จนที่เกินกว่าศักยภาพของโรงพยาบาลจะรับได้
เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี