นายกฯปลุกคนไทย
อย่านอนพังพาบรับความตาย
ลุกขึ้นสู้โควิด-ฟื้นฟูปท.
กำชับอสม.เตรียมรับมือ
ไวรัสระบาดระลอกสอง
ศบค.ไม่พบติดเชื้อใหม่
ไทยไม่พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ สธ.จับตาเมียนมา-อังกฤษจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มก้าวกระโดด เตือนคนไทยอย่าประมาท เข้มมาตรการสาธารณสุขต่อเนื่อง ด้านนายกฯพบอสม.กำชับเตรียมรับมือโควิดระบาดระลอก 2 ยันพร้อมสนับสนุนค่าตอบแทนต่อเนื่อง มอบอีกหน้าที่เป็นแกนนำรวมไทยสร้างชาติ ดูแลความสงบเรียบร้อย 3 สถาบัน สร้างความรักสามัคคี ก่อนเปิดประชุม สศช.ประจำปี ย้ำลดความเสี่ยงในสิ่งที่ไม่จำเป็น ชวนจำกัดจุดอ่อนเร่งปรับตัวรับนิวนอร์มอล รับปากใช้งบประมาณตามกฎหมายฟื้นฟู ทำประเทศให้เข้มแข็ง ชี้โควิดถล่มทุกประเทศ ไทยต้องลุกขึ้นให้เร็ว อย่านอนพังพาบ ยอมรับความตาย กระตุ้นทุกคนทุกฝ่ายลุกขึ้นสู้ด้วยกัน 2ปีจากนี้จะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 21 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 รายวันว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 2 ราย ทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,342 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.32 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 105 ราย หรือร้อยละ 2.99 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,506 ราย
สธ.จับตาอังกฤษ-เมียนมาติดเชื้อพุ่ง
ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคแถลงว่าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกในช่วงนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 300,000 ราย/วัน ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกสะสมกว่า 31 ล้านราย และมีหลายประเทศกลับมาพบการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งแต่ละประเทศมีมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์ต่างกันไป อาทิ อังกฤษ ที่พบผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 4,000 รายในวันเดียว ได้ออกมาตรการเข้มการกักตัวผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสใกล้ชิด และสั่งปรับผู้ฝ่าฝืน รวมถึงเอาผิดนายจ้างที่ลงโทษลูกจ้างที่ต้องกักตัวสำหรับเมียนมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 671 รายภายในวันเดียว ได้มีมาตรการลดความแออัด ชาวเมียนมาที่เดินทางกลับเข้าประเทศต้องถูกกักตัว 14 วัน และกักตัวที่บ้านต่ออีก 7 วัน และล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อในประเทศ
เตือนคนไทยอย่าประมาท
สำหรับประเทศไทย การติดเชื้อขณะนี้ส่วนใหญ่มาจากผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งภาครัฐวางมาตรการเฝ้าระวังควบคุมโรค ทั้งด่านท่าอากาศยานและด่านพรมแดน ผู้เดินทางทุกรายต้องเข้ารับการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอาการในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) สถานกักตัวที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) หรือสถานพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) และตรวจหาเชื้อตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยสถานกักตัวทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม หรือโรงพยาบาล ผู้กักตัวจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย หากพบติดเชื้อจากประกันโควิดที่ทำไว้ก่อนการเดินทางเข้าประเทศ ส่วนสถานที่รัฐจัดให้จะจัดไว้สำหรับคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศเท่านั้น โดยรัฐจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้
นพ.โสภณกล่าวต่อว่า ส่วนคนในประเทศ ขออย่าประมาท ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านและตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงนำมือสัมผัสใบหน้า เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่นเท่าที่ทำได้ เลี่ยงเข้าไปในสถานที่แออัด เมื่อป่วยขอให้อยู่บ้าน หรือรักษาให้หายก่อนไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
นายกฯพบอสม.ย้ำเตรียมรับมือโควิดรอบ2
วันเดียวกัน ที่อิมแพ็คฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดงานรณรงค์เตรียมความพร้อมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เฝ้าระวัง ป้องกันการระบาดติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกที่ 2 มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขต้อนรับ โดยพล.อ.ประยุทธ์สวมเสื้อสีขาว โลโก้กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นเสื้อของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง พร้อมเดินทักทายกับตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ปลุก.เป็นแกนนำรวมไทยสร้างชาติ
โดยนายกฯกล่าวระหว่างเปิดงานตอนหนึ่งว่า สิ่งที่รัฐบาลเล็งเห็นศักยภาพด้านสาธารณสุข แพทย์พยาบาลแล้ว ศักยภาพอีกด้านที่ตนคำนึงถึงเสมอคือ อสม.ที่หลายประเทศไม่มี เป็นความภาคภูมิใจของพวกเราที่ได้ทุกคนที่อาสาสมัครเข้ามาทำงานเรื่องนี้ ถือเป็นกลไกสำคัญที่รัฐบาลต้องดูแล ซึ่งรัฐบาลโอนเงินให้ อสม.แล้ว ขอให้ทุกคนกลับไปดูว่าได้รับเงินครบถ้วนหรือไม่ และขอให้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดมีการหมุนเวียนในระบบ เพราะด้านเศรษฐกิจก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เหมือนกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่า เราจำเป็นต้องระมัดระวังและเข้มงวดเหมือนเดิม ถึงแม้จะมีการผ่อนคลายไปแล้วก็ตาม แต่กลไกหลักของเราที่สำคัญคือ ในพื้นที่ในท้องถิ่น และขอฝากขอบคุณทุกคนที่ไม่ได้มาในวันนี้ด้วยว่าทั้งหมดเป็นกำลังใจ ให้นายกฯเสมอมา ทั้งรองนายกฯและรัฐมนตรีบอกกับตนว่าพวกเราจะทำให้เต็มที่ทั้งหมอ แพทย์ พยาบาล และอสม.ถือเป็นด่านหน้า นี่คือ คำมั่นสัญญาที่ให้กันไว้ เราไม่ได้มุ่งหวังอย่างอื่น แต่อยากให้อสม.เป็นแกนนำรวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยด้านสุขภาพให้มากที่สุดและตลอดไป ไม่ใช่แค่ช่วงโควิด-19 ระบาด เพราะไทยมีปัญหาด้านสุขภาพพอสมควร สิ่งสำคัญที่สุดคือ สร้างการรับรู้ในการป้องกันตัวเองให้ประชาชน ต่างชาติยกระดับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ตนก็บอกว่าเพราะเรามี อสม. ถ้าไม่มีพวกเราคงไม่สามารถทำได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การป้องกันการระบาด ระยะที่ 1 เป็นอย่างไร สามารถหยุดได้แค่ไหนอย่างไร เราจะประมาทไม่ได้ว่าจะไม่มีการระบาดระลอกที่ 2 เราจะอยู่เฉยๆ และหยุดทำงานไม่ได้ รัฐบาลพร้อมดูแลและช่วยเหลือช่วงโควิด-19 ยังระบาดอย่างต่อเนื่องในโลกใบนี้
รบ.พร้อมดูแลค่าตอบแทนต่อเนื่อง
“อย่าถือเงินตรงนี้เป็นค่าจ้าง ขอให้เรียกว่าเป็นเงินตอบแทนน้ำใจเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเดินทางของท่าน อะไรที่ดูแลได้รัฐบาลจะดูแลให้ รัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุด ไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะหลายท่านเสียสละมามากกว่านี้ รัฐบาลจะทยอยดูแลให้ตามลำดับ สิ่งที่ทำวันนี้จะเป็นบรรทัดฐานของประเทศที่ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณสุข แต่หมายถึงเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ตนขอฝากในเรื่องการสร้างความรักความสามัคคี ความรักชาติเป็นสิ่งที่ทุกคนควรต้องเป็น ประเทศไทยอยู่มาอย่างยาวนานด้วยชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่เชื่อถือ ยึดมั่นในหัวใจของคนไทยทุกคน ก็ขอฝาก อสม.รับภารกิจทำให้สังคมสงบเรียบร้อยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและสถานการณ์โลก เราต้องภูมิใจว่าเรามีระบบการแพทย์เข้มแข็ง มีกลไกภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถ เป็นที่ยอมรับ ที่ดำเนินการเชิงรุกในการขับเคลื่อนโควิด-19 ให้ได้วันนี้”นายกฯกล่าว
และย้ำด้วยว่า ขอฝากประเทศไทย ฝากชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ในมือท่านด้วย ในการที่ทำให้ประเทศไทยมีความสุข มีความรัก ความสามัคคียั่งยืน และขอให้ทุกคนภูมิใจในการเป็นด่านหน้า พร้อมทั้งขอให้ระวังตัวเอง ให้กำลังใจกันฝ่าวิกฤตโควิด-19 รวมถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นเวลานี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพลัง ความร่วมมือร่วมใจในระบบสาธารณสุขของประเทศจะส่งผลให้ประเทศไทยได้ก้าวผ่านภาวะวิกฤตครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นอสม.ลุกขึ้นปรบมือให้กำลังใจนายกฯในการบริหารประเทศ และแทนคำขอบคุณที่ได้เล็งเห็นการทำงานอย่างหนักของ อสม. ทั้งนี้ นายกฯและผู้บริหารระดับสูงร่วมกันทำพิธีเชิงสัญลักษณ์โอนเงินค่าตอบแทนเยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยให้อสม.เดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 7 เดือน
ย้ำลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
วันเดียวกัน ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็คฟอรั่ม ศูนย์แสดงสินค้า และการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายกฯเป็นประธานเปิดประชุมและปาฐกถาพิเศษในการประชุมประจำปี 2563 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ( สศช.) เรื่อง ชีวิตวิถีใหม่ประเทศไทยหลังโควิด มีสาระสำคัญโดยสรุปว่า ปัจจุบันทุกคนกำลังเผชิญสถานการณ์ท้าทายที่ไม่เคยเจอมาก่อนคือ การระบาดของไวรัสโควิด-19 สั่นคลอนเศรษฐกิจ สังคม การดำเนินชีวิต แม้สถานการณ์ขณะนี้ดีขึ้น แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะความไม่แน่นอน จึงต้องปรับปรุง เตรียมตัว พร้อมเผชิญวามเสี่ยงและความท้าทาย โดยเฉพาะสิ่งที่คาดเดาไม่ได้และอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องลดความเสี่ยงเรื่องไม่จำเป็นออกไป ทำงานเชิงรุก เดินหน้าแก้ปัญหาในอนาคต ทั้งหมดเป็นไปแผนของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ทั้งหมดถือเป็นเข็มทิศของประเทศ หากเกิดอะไรขึ้น เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันที
ชวนปรับตัวรับนิวนอร์มอล
นายกฯยังระบุด้วยว่า การประชุมวันนี้เป็นเรื่องความเป็นความตายของประเทศ ต้องวางแนวทางรับมือวิกฤติวิถีใหม่ ปรับตัวเป็นวิถีนิว นอร์มอลให้เร็วที่สุด แม้การพัฒนาประเทศจะดีขึ้นตามลำดับ แต่เรายังต้องเผชิญความท้าทายใหม่ๆ รวมทั้งปัญหาความเสี่ยงที่จะเข้ามา เราต้องร่วมมือกัน ต้องทำให้คนไทยมีความสุขปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สังคมปรองดองสมานฉันท์ ไม่ว่าเราจะทำอะไรจะก่ออิฐ ก่อหิน หรือถือปูน ขึ้นมาเป็นบ้านเรือนหรือปราสาท จำเป็นต้องวางรากฐานให้แน่น แข็งแรง เราต้องเร่งจำกัดจุดอ่อนสำคัญ เชิงโครงสร้าง สร้างจุดแข็งใหม่ในอนาคต ความซื่อสัตย์ รักชาติ รักแผ่นดิน ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของคนไทย เราจำเป็นต้องสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เข้มแข็งจึงจะไปต่อฐานรากอันอื่นได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การพัฒนาที่เดินมาแล้วครึ่งทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 12 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ พวกเราทุกคนถือเป็นมดงาน ที่จะช่วยทำให้ทุกอย่างพ้นวิกฤติไปให้ได้ วันนี้เราก้าวเข้าาสู่โลกยุคใหม่แห่งเทคโนโลยีดิจิทัล และยังมีโควิด-19 เข้ามาเสริม บวกกับสงครามการค้า ความขัดแย้งในภูมิภาคก็ยังมีอยู่ ความยากจน รวมแล้วคือ สถานการณ์ยังไม่ปกติ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันทำให้ประเทศอยู่รอดได้ มาตรการที่รัฐบาลทำออกมา ถือเป็นการต่อลมหายใจและลดภาระให้ผู้กำลังเดือดร้อน แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างต้องใช้งบประมาณ คิดว่าสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่จบลงง่ายๆ ประเทศไทยยังโชคดีที่การระบาดยังเป็นศูนย์ แต่ไม่ใช่ว่าจะสบายใจได้ เพราะพร้อมจะกลับมาได้ทุกนาที แต่ยังเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของประเทศ
ยันใช้งบประมาณฟื้นฟูทำปท.เข้มแข็ง
นายกฯยังยืนยันใช้งบประมาณเป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอน รัฐบาลจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบให้ทั่วถึงในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อทำให้ประเทศชาติฟื้นฟูและเข้มแข็ง วันนี้ทุกประเทศทั่วโลกประสบปัญหาคล้ายคลึงกัน ไม่ใช่ว่าประเทศไทยแย่เพียงประเทศเดียว หรือบริหารราชการล้มเหลว ดังนั้น การเดินหน้าจากนี้ไปคือ ความร่วมมือที่ทุกคนต้องช่วยกัน วันนี้ภาครัฐ เอกชน ประชาชน ไม่อาจทำงานในรูปแบบเดิมอีกต่อไป ต้องปรับตัวรับชีวิตวิถีใหม่ รับมือความเปลี่ยนแปลง
โควิดถล่มทุกปท.-ปลุกไทยลุกยืนให้ไว
“สิ่งสำคัญต้องพัฒนาศักยภาพของประเทศ ตอนนี้ทุกประเทศล้มหมดจากโควิด สงครามการค้า แต่ละประเทศต้องหาทางล้มแล้วลุกให้ไว อย่างน้อยต้องยันขาลุกขึ้นมา ไม่ใช่นอนพังพาบ ยอมรับความตาย ความผิดพลาด ทุกคนต้องลุกขึ้นสู้ด้วยกัน ทำด้วยกัน ฉะนั้น เราจะลุกขึ้นอย่างไรให้ไวขึ้น พร้อมรับความสามารถในการบริหารจัดการ ภายใต้วิกฤติ ความยากลำบากวันนี้ให้มากที่สุดและฟื้นคืนได้เร็ว ใครยังไม่เจอต้องเตรียมการ ใครเจอแล้วก็ไปทำอย่างอื่นต่อ”นายกฯระบุ และย้ำว่า แนวคิดล้มแล้วลุกให้ไว อยู่ในพื้นฐานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้แผนแม่บทเฉพาะกิจปี 64 ปี 65 เป้าหมายสำคัญคือ คนยังชีพอยู่ได้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในสถานการณ์ไม่ปกติ วันนี้เหมือนล้มแล้วลุกขึ้นมา และต้องดำรงสภาพให้ได้ให้ดีขึ้น เพื่อรองรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่หลังโควิด ไม่อย่างนั้นล้มแต่ก้าวแรก ถ้าเราไม่มีหลักการ
2ปีจากนี้รบ.เร่งฟื้นศก.เน้นจ้างงาน
นายกฯกล่าวตอนท้ายอีกว่า 2 ปีจากนี้ รัฐบาลเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ เน้นจ้างงาน เน้นกระจายเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น ล้มแล้วต้องลุกให้ไว พร้อมเรียกร้องให้รักษาอัตลักษณ์ความเป็นคนไทย ที่เรียบร้อยงดงามในพิธีต่างๆในเรื่องมารยาท เป็นผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่ มีความรัก สามัคคี เผื่อแผ่แบ่งปัน นี่คือ อัตลักษณ์ศักยภาพของประเทศเราที่ไม่มีประเทศไหนมีเหมือนเรา ต้องรักษาไว้ให้ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี