เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ที่รัฐสภานายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล พร้อม ส.ส. พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ข้อหายุยงปลุกปั่น
โดยนายวรภพ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลขอยื่นเสนอแก้ไขประมวลอาญามาตรา 116 เพื่อไม่ให้มาตรานี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการคุกคามประชาชนอีกต่อไป โดยโทษอาญามาตรา 116 หรือที่เรียกเป็นชื่อเล่นง่ายๆ ว่าเป็นโทษของ การยุยงปลุกปั่นได้กลายเป็นกฎหมายอาญาหมวดความมั่นคงที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะตั้งแต่รัฐบาล คสช. จนมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากเป็นข้อกฎหมายที่ตีความได้กว้างเพราะการใช้คำว่า “ เพื่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง” และ “เพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมาย” ซึ่งรัฐบาลใช้มาตรา 116 ฟ้องประชาชนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น หรือจัดกิจกรรมทางการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลหลายสิบคดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กลุ่มคนรณรงค์ประชามติสมัยรัฐบาลคสช. จนมาถึงกลุ่มผู้ชุมนุมนิสิตนักศึกษาและประชาชนปลดแอก
นายวรภพ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ศาลจะยกฟ้องเกือบทุกคดีที่ฟ้องในสมัยรัฐบาล คสช. แต่รัฐบาลก็ยังใช้มาตรานี้อย่างต่อเนื่อง เหตุผลเพราะเป็นโทษอาญาหมวดความมั่นคงที่มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ทำให้ตำรวจสามารถขอศาลเพื่อออกหมายจับได้ โดยไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียกก่อน และทำให้ศาลต้องเรียกเงินประกันตัวที่สูงหลักแสนบาท กล่าวคือเป้าหมายของกระบวนการนี้คือการใช้กฎหมายมาเป็นเครื่องมือในการข่มขู่คุกคามต่อประชาชน ต่อแกนนำผู้จัดชุมนุม และผู้ที่แสดงความเห็นต่างต่อรัฐบาล เป็นการใช้กฎหมายเพื่อปิดปากประชาชน ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความเห็นต่างตามระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ข้อกฎหมายของมาตรา 116 ที่ตีความได้กว้างจนเกินเจตนารมณ์ของโทษอาญาหมวดความมั่นคงของรัฐ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ควรจะต้องแก้ไขข้อกฎหมายในมาตรา 116 เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของมาตรานี้ ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงขอยื่นแก้ไขประมวลอาญามาตรา 116 เพื่อให้ข้อกฎหมายมีความชัดเจนและยุติการใช้ มาตรา 116 ให้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของทุกรัฐบาลต่อไป
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว มีความต้องการเปลี่ยนข้อกฎหมายที่มีความคลุมเครือ ตีความอย่างกว้างได้จากการยุงยง เพื่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่องและ เพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมาย ตามอนุ 2.และ 3.เดิมให้กลายเป็นเฉพาะ เพื่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรถึงขนาดมีการทำร้ายร่างกายหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของผู้อื่นหรือประชาชนหรือทำลายทรัพย์สินของทางราชการหรือสาธารณะ และลดโทษจำคุกจาก 7 ปีเหลือเพียง 3 ปีให้เหมาะสมกับโทษทางอาญาอื่นๆ และไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้ตำรวจออกหมายจับได้โดยไม่ต้องใช้หมายเรียกได้อีกต่อไป
“เมื่อฝ่ายบริหาร หรือตำรวจใช้อำนาจตามกฎหมายโดยมิชอบเพื่อปิดปากประชาชน ปิดกั้นเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ และเพื่อไม่ให้ฝ่ายตุลาการตีความกฎหมายอย่างกว้าง จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่จะขอยื่นแก้ไขข้อกฎหมายเพื่อให้ข้อกฎหมายมีความชัดเจนและยุติการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง” นายวรภพ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี