ศาลปกครองยกฟ้องคดีวัดถ้ำพระโพธิสัตว์ขอเพิกถอนประทานบัตรทำเหมืองแร่ของโรงงานปูนซีเมนต์สระบุรี ชี้แรงสั่นสะเทือน-แรงอัดอากาสยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถานอายุพันปี
วันที่ 30 ก.ย.63 ศาลปกครองกลาง อ่านคำพิพากษาในคดีที่วัดถ้ำพระโพธิสัตว์ ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่, กรมทรัพยากรธรณี และอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี กรณีออกใบอนุญาตประทานบัตรการทำเหมืองแร่ของโรงงานปูนซีเมนต์ จังหวัดสระบุรี ที่อยู่ใกล้เขตโบราณสถานภายในรัศมี 2,000 เมตร รอบถ้ำพระโพธิสัตว์
โดยข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประทานบัตร 5 ฉบับเพื่อประกอบกิจการทำเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ต่อมากลุ่มผู้ฟ้องคดีได้ยื่นหนังสือและเรียกร้องให้ยกเลิกการให้สัมปทานดังกล่าว เพราะอยู่ใกล้ถ้าพระโพธิสัตว์อาจเกิดความเสียหายแก่ภาพสลักนูนต่ำในถ้ำ ซึ่งกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
โดยข้อเท็จจริงปรากฏว่าอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี ได้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวและทำการตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนและระดับเสียงจากการระเบิดที่ตั้งอยู่ใกล้ถ้ำพระโพธิสัตว์ พบว่ามีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดมาตรฐานควบคุมระดับเสียงและความสั่นสะเทือนและแรงอัดอากาศจากการระเบิดจากการทำเหมืองหิน ประกอบกับผลการจรวจสอบของกรมควบคุมมลพิษ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักศิลปากรที่ 3 และสำนักงานทรัพยากรธารณีเขต 3 พบว่าภาพภายในถ้ำพระโพธิสัตว์ไม่แตกต่างกับสภาพเมื่อปี 2508 จึงยังไม่มีหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าการทำเหมือนหินในเขตประทานบัตรดังกล่าวส่งผลกระทบต่อโบราณสถานในถ้ำพระโพธิสัตว์ ดังนั้น การประกอบกิจการเหมือนในพื้นที่ประทานบัตรดังกล่าวจึงยังไม่ถึงขั้นที่ก่อความเสียหายให้แก่โบราณสถาน
ส่วนคำขอให้ระงับการระเบิดหินภายในรัศมี 2 กิโลเมตร รอบถ้ำพระโพธิสัตว์นั้นศาลเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผลการตรวจแรงสั่นสะเทือนและแรงอัดอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ปลอดภัย และไม่ปรากฎร่องรอยความเสียหายเพิ่มเติมต่อภาพสลักนูนต่ำภายในถ้าพระโพธิสัตว์ ศาลจึงไม่มีเหตุที่จะออกคำบังคับตามคำขอได้
อย่างไรก็ตาม หากการระเบิดหินหรือการกระทำใดๆของบริษัทฯทำเหมือง ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประทานบัตรดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหายก็สามารถใช้สิทธิฟ้องหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดได้ ศาลจึงพิพากษาให้ยกฟ้อง และให้คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2560 มีผลสิ้นสุดลงนับแต่วันที่พ้นระยะเวลาการอุทธรณ์ หรือนับแต่ศาลมีคำสั่งรับหรือไม่รับอุทธรณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี