“วิษณุ” เผย นายกฯ ย้ำครม.หนุนแก้รธน.ฉบับพรรคร่วม-ฝ่ายค้าน ชี้ “ในเมื่อเสนอแล้วก็ต้องเข็นต่อ” บอก ให้กมธ.ถกกันในสภาฯ ยัน 30วัน ไม่ใช่การเตะถ่วง เปรย วิสามัญเปิดยากแต่ไม่ใช่เปิดไม่ได้
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เวลา 09.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีวุฒิสมาชิกเห็นควรให้มีการพูดคุยในกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 6 ฉบับ ก่อนรับหลักการ โดยไม่เห็นด้วยกับการที่นายกรัฐมนตรีที่จะมาส่งสัญญาณให้รับญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงหากจะตั้งส.ส.ร.ต้องมีการทำประชามติเสียก่อนว่า เป็นความเห็นของส.ว. แต่ถึงอย่างไรทุกอย่างจะต้องไปพูดคุยกันในกรรมาธิการฯ ซึ่งตั้งขึ้นตามข้อบังคับเพื่อพิจารณาก่อนรับหลักการ รัฐบาลหรือตนคงออกความเห็นอะไรไม่ได้ โดยร่างนั้นเป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาล 1 ร่างและเป็นร่างของพรรคฝ่ายค้าน 1 ร่าง ซึ่งหลักการคล้ายคลึงกัน และร่างของพรรคฝ่ายค้านแต่เป็นการแก้ไขรายมาตราอีก 4 ร่าง ร่างของไอลอว์อีก 1 ร่าง ซึ่งของไอลอว์นั้นประธานกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งหมดจะเข้าไปสู่การพิจารณาของกรรมาธิการฯ และได้ยินว่าเขาจะนำบทสรุปหรือข้อสังเกตของกรรมาธิการชุดของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่าเป็นการดี เพราะตอนที่ชุดของนายพีระพันธุ์ เสนอนั้น ยังไม่มีร่างใดเลยแม้แต่ร่างเดียว ดังนั้นจึงต้องนำมาเทียบกันทั้งหมด จะต้องใช้เวลาไม่เกิน 30 วันนี้ ให้เป็นประโยชน์
“ที่เป็นข่าวและวิจารณ์กันว่ารัฐบาลส่งสัญญาณอะไรนั้น เมื่อวันอังคารที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ผมก็นั่งอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นด้วย แต่ไม่เห็นว่าเป็นการส่งซิกใดๆทั้งนั้น เป็นเพียงมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง เป็นธรรมดา ของทุกวันอังคารก่อนการประชุมครม.ที่รัฐมนตรีคนไหน หรือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลคนไหนมีข้อหารือหรือเล่าให้นายกรัฐมนตรีฟัง ก็มาพูดคุยเป็นธรรมดา ไม่ใช่เป็นการประชุมอะไรด้วยซ้ำไป เนื่องจากมีคนอื่นๆ อยู่ด้วยหลายคน เช่น ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งส่วนใหญ่พูดคุยกันเรื่องวัคซีนว่าจะทำอย่างไร ที่จะเอาเข้ามาได้โดยเร็ว พูดกันถึงเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และอีกหลายเรื่องที่สภาพัฒน์ฯ ต้องจัดการ
และมีการพูดถึงเรื่องปัญหารัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯ ปรารภขึ้นมาว่า ร่างของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลได้ลงชื่อกันไปจำนวนมากกว่า 200 คน เพราะฉะนั้นก็เป็นธรรมดาที่พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อเสนอแล้ว ก็ต้องเข็นต่อไป จะไปกลับลำได้อย่างไร ซึ่งนี่คือสิ่งที่นายกฯพูด ซึ่งทุกพรรคก็เห็นด้วย ทั้งท่านอนุทิน ท่านจุรินทร์ ท่านวราวุธ ต่างก็เห็นด้วยว่าถูกต้อง นายกฯก็บอกว่าอันนี้คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ส่วนการที่จะทำความเข้าใจอย่างไรต่อไปกับคนอื่นซึ่งในที่นี้หมายถึงสมาชิกรัฐสภา ทั้งผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และประชาชน ก็รอฟังกรรมาธิการว่าเขาว่ากันอย่างไร เพราะถ้าออกมาตรงกันก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอธิบาย แต่ถ้าไม่ตรงกันก็ต้องช่วยกันอธิบาย พูดกันแค่นี้ ไม่ได้ส่งซิกส่งอะไร ส่วนวุฒิฯท่านจะพูดกันอย่างไรก็ถูก เพราะถือเป็นผู้มีสิทธิเสียบบัตร หรือผู้มีสิทธิออกเสียง หรือขานชื่อ ท่านจะเอาอย่างไรก็ต้องแล้วแต่ท่าน แต่ทั้งหมดนี้ คงต้องคุยกันในกรรมาธิการก่อน ไม่อย่างนั้นจะตั้งขึ้นมาหาอะไร และตอนที่นายกฯพูดคือวันอังคาร กรรมธิการยังไม่ได้ประชุมกัน ซึ่งเขาเพิ่งประชุมกันนัดแรกในวันพุธ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงอย่างไร เสียงของส.ว.ก็มีส่วนสำคัญในการที่จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะส.ว.มีตั้ง250 เสียงต้องขอรอฟังการพูดคุยของกรรมาธิการฯกันเสียก่อนเพื่อให้เกิดตกผลึก “ตนได้พูดประโยคสำคัญ พวกคุณสังเกตหรือไม่ เพราะถ้าสังเกตให้ดีจะมีอะไรซ่อนอยู่ ผมบอกว่าทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมาธิการฯ ถ้ากรรมาธิการฯออกมาตรงกับแนวของเรา มันก็ได้ แต่ถ้าไม่ตรงกัน ก็ต้องไปช่วยกันทำความเข้าใจกับส.ส. ส.ว.และประชาชน”
เมื่อถามย้ำว่า มีส.ว.บางคนเรียกร้องให้ทำประชามติก่อนจะตั้งส.ส.ร. นายวิษณุ กล่าวว่า มีบางคนพูดเท่านั้น ซึ่งตนได้ยินมานานแล้ว ก็ไม่เป็นไร ทั้งนายสมชาย(แสวงการ) นายไพบูลย์(นิติตะวัน) ก็พูด ก็ไม่เป็นไร ก็ถือเป็นข้อเสนอและเป็นข้อสังเกตที่ดี และนั่นคือสิ่งที่พูดกันมาก่อนจะมาตั้งกรรมาธิการ เพราะการพูดอย่างนั้นจึงเป็นที่มาของการตั้งกรรมาธิการตามข้อบังคับ 121 วรรค3 เพราะเกิดตกใจขึ้นมาว่า ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 18-22/2555 ที่เคยมีมานั้นตรงกับกรณีที่เกิดขึ้นในเวลานี้หรือไม่ เพราะในวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้บอกไว้จริงๆว่า อำนาจมาจากประชาชน เมื่อมาจากประชาชนก็ต้องกลับไปถามประชาชน แล้วหลักดังกล่าวจะนำมาใช้กับครั้งนี้ได้หรือไม่ อันนี้ก็สุดแท้แต่ ซึ่งตนเองมีความเห็นแต่ไม่อยากพูด ดังนั้นควรไปพูดคุยกันในกรรมาธิการ ในเมื่อมีเวลาแล้วก็พูดกันใน 30 วันนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์
“30 วันนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อจะถ่วงเวลาใดๆทั้งสิ้น เพราะได้อธิบายแล้วว่า ถึงจะรับหลักการในวาระที่1 แล้วสมมติว่าไม่ได้ตั้งกรรมาธิการ ก็ยังเดินหน้าต่อไม่ได้ และอย่างมากก็ต้ังกรรมาธิการพิจารณาในวาระ2,3 จนกระทั่งเปิดสภาฯ มาพิจารณาวาระ2 รายมาตรา จนกระทั่งพิจารณาเสร็จแล้วทิ้งไว้ 15 วัน เพื่อพิจารณาวาระ3 เสร็จแล้วก็ต้องทิ้งไว้อีกเป็นเดือนๆ เพราะว่ายังไปทำประชามติไม่ได้ ซึ่งผมทำปฏิทินไว้ในใจว่ากว่ากฎหมายประชามติจะผ่าน ก็ไปถึงก.พ.-มี.ค.2564 เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญที่ทำเสร็จในเดือนธ.ค.ก็ต้องทิ้งเอาไว้อยู่ดี เพราะต้องรอ ไม่เช่นนั้น ไม่รู้จะไปลงประชามติกันอย่างไร ดังนั้นก็ต้องใช้เวลา ซึ่งก็รอบคอบ ดังนั้นใครที่นั่งฟังอยู่ บางคนก็บอกว่ากลัวอย่างนั้น บางคนก็บอกว่ากลัวอย่างนี้ บางสิ่งที่กลัวบ้างก็ไม่มีเหตุผล บางสิ่งก็อาจจะมีเหตุผล ก็ควรนำมาถกกันเสียในช่วงที่สภาฯปิด30วันนี้ เพราะถ้าสภาฯไม่ปิด การตั้งกรรมาธิการฯ เป็นการถ่วงเวลาจริงๆ แต่เมื่อสภาฯปิดสมัยประชุม30 วัน ทำอะไรก็ไม่ได้ในสภาฯ จึงใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์ ถ้าทำเสร็จเร็วไม่ถึง 30 วัน ก็ยิ่งดี และถึงอย่างไรก็ต้องรอเปิดประชุมสภาฯวันที่ 2 พ.ย.อยู่ดี”
นายวิษณุ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การจะเปิดวิสามัญฯนั้นยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องมีพระราชกฤษฎีกาเปิดสภาฯ แล้วยังต้องมีพระราชกฤษฎีกาอีกฉบับหนึ่งเพื่อปิดสภาฯ ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าไม่ต้องเปิดวิสามัญฯใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่แน่ อาจจะเปิดก็ได้ เพราะการเปิดสภาฯ สมาชิกก็เข้าชื่อกันขอเปิดได้ เพราะการเปิดสภาฯวิสามัญนั้นทำได้2 แบบ โดยครม.ขอเปิด และสมาชิกสภาฯเข้าชื่อกันขอเปิด แต่ในเมื่อจะเปิดสภาฯอยู่แล้วในวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ดังนั้นก็ต้องเปิดวันที่ 2 พ.ย. ก็สามารถประชุมร่วมกันได้เลย ก็ไม่ได้เสียเวลาแต่อย่างใด ส่วนความมั่นใจก็รอฟังทางกรรมาธิการฯ ส่วนตนเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้าชื่อกันเสนอนั้น เขาก็มีความมั่นใจของเขาแล้ว เชื่อว่าในกรรมาธิการฯพูดกันเดี๋ยวเดียวก็เข้าใจ ในเมื่อแต่ละคนมีเหตุผลทั้งนั้นก็ให้นำมาพูดกัน
“หากรับหลักการในวาระ1 แล้วตั้งกรรมาธิการฯ 45 คน ซึ่งคนนอกเป็นกรรมาธิการฯไม่ได้ เพื่อให้มาตรวจแก้ร่างฯ ซึ่งครั้งนี้ยังไม่ได้เป็นการร่างส.ส.ร.แต่เป็นเพียงการเปิดทางให้มีส.ส.ร. ซึ่งกรรมาธิการฯ 45 คนนั้นต้องมาจากสมาชิกรัฐสภา ครม.ส่งคนไปไม่ได้ คนนอกเป็นไม่ได้ แม้แต่ร่างไอลอว์ของประชาชน ถ้าเข้าไปได้แล้วรับหลักการให้วาระ1 ไอลอว์ก็เป็นกรรมาธิการฯไม่ได้ แต่ไปชี้แจงได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี