"จตุพร"ย้ำจุดยืนหนุน3ข้อเรียกร้องม็อบประชาชนปลดแอก ลั่นนอกเหนือจากนี้ไม่เห็นด้วย ฝากรัฐบาลยื้อเวลาต่อแก้รัฐธรรมนูญอีก1เดือน ทำให้อายุสั้น กระทุ้งเปิดสภาฯวิสามัญก่อน14ตุลา ช่วยลดแรงกดดัน
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2563 ที่สถานีโทรทัศน์ พีซทีวี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองถัดจากนี้ไป ว่า ทุกคนจะมุ่งไปที่วันที่ 14 ตุลาคม นี้ ที่บรรดาคนหนุ่มสาวทั้ง 2 กลุ่ม ทั้งเยาวชนปลดแอก และกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้นัดหมายพร้อมกันเป็นครั้งแรกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะมีการชุมนุมยืดเยื้อ 7 วัน 7 คืนนั้น ตนเห็นว่า การชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม สามารถชุมนุมได้ตามสิทธิเสรีภาพ ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ รวมถึงเคารพในการตัดสินใจของพี่น้องคนเสื้อแดง ที่จะมาร่วมชุมนุมในวันดังกล่าว
ตนยังยืนยันว่า จุดยืนเดิมของตนสนับสนุนแนวทาง 3 ข้อเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ไม่เห็นด้วย โดยมองว่าหากข้อเรียกร้องถูกจำกัดวงเพียง 3 ข้อชัยชนะจะเกิดขึ้นกับคนหนุ่มสาวและประชาชน แต่หากยังไม่มีการทบทวนและยืนยันต่อก็ถือว่า เป็นสิทธิเสรีภาพ และตนก็จะอยู่ในบทบาทของ การทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
"หวังว่ารัฐบาลจะไม่ใช้วิธีการรุนแรงในการปราบปรามประชาชนเหมือนที่เคยกระทำกับพี่น้องคนเสื้อแดงในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะต้องแก้ไขปัญหาด้วยหลักสันติวิธีเท่านั้น เพราะการใช้หลักนิติศาสตร์นำหลักรัฐศาสตร์สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้แม้แต่กรณีเดียว"
พร้อมกันนี้ ฝากไปถึงรัฐบาลว่า การยื้อเวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญไปอีก 1 เดือนนั้น จะทำให้รัฐบาลอายุสั้นลง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระเร่งด่วน กลับทำลายความน่าเชื่อถือของภาวะผู้นำประเทศ
พร้อมกับเรียกร้องความจริงใจให้เปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญก่อนวันที่ 14 ตุลาคม เพื่อลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 1 หากยังยื้อเวลาไว้ ตนมองว่ารัฐบาลประเมินประชาชนต่ำเกินไป เพราะขณะนี้ประชาชนอยู่ในยุคที่ลำบากมากที่สุด และบังเอิญว่าการชุมนุมเป็นเรื่องที่มากลบความเดือดร้อนและหิวโหยของประชาชน แม้ว่าจะมีการแจกเงินไปบ้าง แต่ความหิวโหยนั้นอยู่เหนือกว่าการแจกเงิน
ดังนั้น ในวันนี้รัฐบาลไม่ว่าจะนำใครมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของประเทศ เพราะนายกรัฐมนตรียังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เมื่อคนไม่เป็นงานเศรษฐกิจมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และการปล่อยระยะเวลาให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่างเว้นถึง 2 ครั้ง เป็นเรื่องที่สร้างความเสียหาย และยิ่งจะทำให้เกิดความเดือดร้อนให้กับประชาชน
นายจตุพร ยังกล่าวตำหนินายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาระบุว่าประชาชนที่ออกมาเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเท่าหยิบมือเดียว โดยระบุว่า หากยังไม่แก้ไขคำพูดนี้นรกจะมาเยือนในวันที่ 14 ตุลาคม วันหนึ่งหากประชาชนที่อดอยากทนไม่ได้และลุกฮือขึ้นมา คือสิ่งที่น่ากลัวของรัฐบาลที่แท้จริง ดังนั้นทีมเศรษฐกิจที่เข้ามาใหม่นี้ต้องทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง หากยังเป็นแบบนี้นายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาตนเอง ควรเสียสละเพื่อประเทศ เพราะประเทศเสียสละให้มามากพอแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี