‘อ๋อย’เติมเชื้อไฟ! ฟันฉับ‘เดือนตุลาฯ’หัวเลี้ยวหัวต่อ ซ้ำรอยนองเลือด14ต.ค.หรือไม่อยู่ที่รัฐบาล

‘อ๋อย’เติมเชื้อไฟ! ฟันฉับ‘เดือนตุลาฯ’หัวเลี้ยวหัวต่อ ซ้ำรอยนองเลือด14ต.ค.หรือไม่อยู่ที่รัฐบาล

วันจันทร์ ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 17.06 น.

‘อ๋อย’ โหมแรงไฟจี้ ‘บิ๊กตู่’ ส่งสัญญาณพรรคร่วม –ส.ว. แก้รัฐธรรมนูญ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่เช่นนั้นระวังจะกลายเป็นวิกฤตชาติ วัดใจรัฐบาลซ้ำรอยนองเลือด 14 ตุลา หรือไม่

5 ตุลาคม 2563 ที่โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ว่า ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญและกติกาในขณะนี้ ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถปรับตัวได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ก็ยังติดปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญ เพราะปัจจุบันยังใช้อำนาจของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ก็เป็นจุดวนเวียนของวิกฤตที่ไม่มีทางออก ซึ่งบทบาทสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ที่ ส.ว.


“เพราะวิกฤตคือรัฐธรรมนูญที่สร้างรัฐบาลที่มีปัญหา แล้วรัฐธรรมนูญยังป้องกันตัวเองไม่ให้ใครมาแก้ หรือแก้ได้ยาก ตรงนี้ก็เลยเป็นวิกฤตสำคัญ ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังมายื้อต่อด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณา 6 ญัตติ ทำให้หลายฝ่ายต้องกลับมามองการแก้รัฐธรรมนูญด้วยความสนใจว่าจะต้องแก้ให้ได้” นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันก็ยังมาเข้าสู่ช่วงจังหวะในเดือนตุลาคม ที่กำลังมีความเคลื่อนไหวให้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าฝ่ายต่างๆ จะมีความคิดเห็นว่าอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา และฝ่ายรัฐบาลจะใช้สันติวิธีได้มากน้อยแค่ไหน หรือฝ่ายรัฐจะใช้วิธีคุกคาม ถ่วงเวลา ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงขอเรียกร้องไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีท่าทีที่จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็อยากให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องตัดสินใจว่าจะสวนกระแสเหล่านี้หรือไม่ เพราะการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลคิดอะไรได้ก็จะได้ช่วยกันลดความตึงเครียด

เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญจะซ้ำรอยเหตุการณ์เดือนตุลาคมในอดีตหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าเหตุการณ์ต่างกันมาก คำว่าซ้ำรอย 14 ตุลาคม มีได้หลายแง่มุม เพราะในอดีตนักศึกษาเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญจากผู้บริหารบ้านเมือง จนรัฐบาลขณะนั้นตัดสินใจปราบปรามประชาชน นักศึกษา จนกระทั่งรัฐบาลไม่สามารถอยู่ในประเทศต่อได้ ต้องหลบหนีไปต่างประเทศ แล้วจึงเกิดประชาธิปไตยขึ้น

“ส่วนจะซ้ำรอยหรือไม่นั้นก็มีมุมที่คล้ายกัน โดยในขณะนั้น นักศึกษาเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญ จากที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ แต่ปัจจุบันเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยให้เป็นประชาธิปไตย จึงต้องดูว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ รัฐบาลจะมีการปราบปรามประชาชนหรือไม่ ผู้มีอำนาจจะมีความใจแคบหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ขณะนี้” นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนจะเหมือนเหตุการณ์ในช่วง 6 ตุลาคมหรือไม่นั้น คิดว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา  เป็นการเคลื่อนไหวของนักศึกษา ที่ต่อต้านการฟื้นกลับคืนของเผด็จการ และมีการสังหารโหดกลางกรุงเทพฯ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความผิดอะไรของนักศึกษา เพราะนักศึกษาต่อต้านการกลับมาของจอมพลถนอม กิตติขจร ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ไม่มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือหมิ่นเหม่ในเรื่องใดๆ แต่ถูกใส่ร้าย มีวิธีการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาปราบนักศึกษาและทำรัฐประหารในวันเดียวกัน ซึ่งเหตุการณ์จะซ้ำรอยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเพียงฝ่ายเดียวไม่ใช่ขึ้นอยู่กับนักศึกษา

เมื่อถามว่าในการเปิดสมัยประชุม วันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ ประเมินการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับหลายฝ่าย ที่จะต้องหารือร่วมกัน แต่ที่สำคัญคือต้องขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว. ส่วนจะมากน้อยแค่ไหน ถ้าปล่อยปละหรือปากว่าตาขยิบ แล้วส่งเสริมให้ ส.ว.คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะไม่เกิดขึ้น และจะกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง กลายเป็นวิกฤตของประเทศไทย รัฐธรรมนูญไม่ได้รับการแก้ไข

“ดังนั้น ทางที่ดีผมเห็นว่าเมื่อเปิดสภาแล้วควรรีบประชุม ควรรีบรับหลักการในวาระแรกอย่างน้อย 2-3 ญัตติ ในการแก้ไขมาตรา 256 และควรจะแก้มาตรา 272เป็นบางส่วน ซึ่งเชื่อว่าก็จะทำให้ปลดล็อคส่วนที่เป็นปัญหามากๆ ทางการเมืองไปได้ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย มันก็จะเกิดการเมืองในโซเชียลมีเดีย การเมืองในท้องถนน และการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาที่ประชาชนต้องดูว่า จะทำอย่างไรกับรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้” นายจาตุรนต์ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top