ดูจะๆ‘คลิป’นาทีตำรวจบุกรังคณะก้าวหน้า ‘ปิยบุตร’จุดพลุใกล้รัฐประหารแล้ว
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท ระหว่างการแถลงข่าวของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า หัวข้อ “ข้อเสนอต่อสังคมไทย กรณีประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมกรณีขบวนเสด็จ” ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.มักกะสัน เดินทางมาที่บริเวณหน้าห้องแถลงข่าว จึงได้มีการปิดประตูและมีเจ้าหน้าที่ของคณะก้าวหน้าพูดคุยกับตำรวจอยู่ภายนอก
ต่อมาเวลา 14.47 น. ตำรวจ สน.มักกะสัน ได้นำหมายค้นขอเข้าตรวจค้นห้องแถลงข่าว ที่ทำการคณะก้าวหน้า โดยอ้างอำนาจตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งมอบอำนาจให้เจ้าพนักงานทำการตรวจค้น ขออำนาจตรวจค้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตามคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คน และห้ามเสนอข่าวเผยแพร่ข้อมูล สิ่งอื่นใดที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัว บิดเบือน มาดูว่าเข้าข่ายหรือไม่
จากนั้น น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า จึงเปิดประตูเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น พร้อมชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการแถลงข่าวในวันนี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินดูบรรยากาศวนไปวนมาภายในห้องแถลงข่าว จนกระทั่งนายปิยบุตรแถลงเสร็จสิ้น จึงถามเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงอำนาจตามกฎหมายที่ใช้ในการตรวจค้น ก่อนเดินเข้ามาเจรจาพูดคุยกับทางตำรวจ
ในการพูดคุยเบื้องต้น นายปิยบุตรได้เตือนตำรวจถึงการทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา อย่าลืมความเป็นมนุษย์ เพราะทำกันแบบนี้สถานการณ์ถึงแรงขึ้น ทุกวันนี้ใกล้เคียงการรัฐประหารแล้ว เหลืออย่างเดียวคือฉีกรัฐธรรมนูญ ขอให้ตำรวจมาอยู่กับประชาชน เปิดพื้นที่ให้นักศึกษา ใช้กฎหมายปราบปรามเอาไม่อยู่ ตนเข้าใจการทำหน้าที่ต้องไม่เกินความเป็นมนุษย์
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ถามตำรวจถึงการมาตรวจสอบการแถลงข่าว ต้องทำทุกกรณีหรือไม่ ทางตำรวจตอบว่าขอถามผู้บังคับบัญชาก่อน และเมื่อถามว่าการตรวจค้นวันนี้พบอะไรผิดกฎหมายหรือไม่ ตำรวจระบุว่ายังไม่พบ และไม่อึดอัดกับการทำหน้าที่
จากนั้นในเวลา 15.15 น. ตำรวจและนายปิยบุตรได้ขึ้นไปพูดคุยต่อเป็นการภายในที่ชั้น 8 อาคารไทยซัมมิท
ต่อมาเมื่อเวลา 16.20 น. นายปิยบุตร ได้ลงมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มักกะสันเข้าตรวจค้นขณะมีการแถลงข่าว โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า ผู้กำกับสน.มักกะสัน ใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นว่ามีการกระทำสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเมื่อตำรวจเข้าตรวจค้นพบไม่มีสิ่งผิดกฎหมายใดๆ จึงได้ลงนามข้อบันทึกของตำรวจ และไม่มีการแจ้งข้อหาหรือร้องทุกข์กล่าวโทษใดๆ กับตน
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ข้อสังเกตหนึ่งที่น่าเป็นกังวล คือ ตามความในมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในข้อ 2 ระบุว่า ห้ามเสนอข่าว จำหน่าย หรือทำให้เผยแพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสิ่งอื่นใด รวมตลอดทั้งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บรรดาที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในทั่วราชอาณาจักร ซึ่งข้อบังคับนี้ตีความได้อย่างกว้างขวางในการใช้อำนาจปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน เพราะการชุมนุมที่อยู่ในขณะนี้จำเป็นต้องเปิดข่าวสารได้เต็มที่ ให้ประชาชนได้พิจารณาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แล้วเสรีภาพของสื่อมวลชนจะอยู่ตรงไหน
“หากเรานำเสนอข่าวโดยไม่บิดเบือน แต่ผู้ใช้อำนาจอาจบอกว่าบิดเบือนก็ได้ นับเป็นเรื่องตลกร้ายอย่างยิ่ง เพราะขณะที่ตนแถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในทันที จึงอยากเรียกร้องให้สื่อมวลชนช่วยกันเรียกร้องตรงจุดนี้ด้วย” นายปิยบุตร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี