20 ตุลาคม 2563 เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) กำหนดการเดินเท้าไปยัง #ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นแถลงการณ์ เรื่อง "หยุดสลายการชุมนุมและขจัดผู้เห็นต่าง สร้างทางออกให้ประเทศไทย" ซึ่งมีรายชื่อนักวิชาการแนบท้ายขณะนี้จำนวน 1,118 ชื่อ โดยแถลงการณ์มีเนื้อหาดังนี้
แถลงการณ์เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง เรื่อง
หยุดสลายการชุมนุมและขจัดผู้เห็นต่าง สบร้างทางออกให้ประเทศไทย
การชุมนุมของนักเรียนนิสิตนักศึกษารวมถึงประชาชนตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีปัญหาหลายด้านที่ซับซ้อนและโยงใยกันอย่างแน่นหนา จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขในระดับรากฐาน และกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้เสนอแนวทางแก้ไขมาโดยลำดับ บนฐานของข้อเท็จจริง หลักการ และเหตุผล โดยมีผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง อีกทั้งยังเป็นไปอย่างสงบและปราศจากอาวุธ ทว่ารัฐบาลไม่เพียงแต่ไม่รับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมไปพิจารณา หากแต่ยังขัดขวางในลักษณะต่างๆ ทั้งการตั้งข้อหาและจับกุมคุมขังแกนนำและผู้เข้าร่วม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงและการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและสถานการณ์บานปลาย ไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายลงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ก็เพราะว่าปัญหาที่ประเทศไทยประสบเป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม กลุ่มคนที่มีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นชาติสกุล เชื้อชาติ ศาสนา อุดมการณ์ อาชีพ เพศ ภูมิลำเนา ฯลฯ ไม่ได้รับการจัดสรรประโยชน์ สิทธิ และอำนาจกันอย่างเท่าเทียม จะแก้ปัญหาอย่างแท้จริงได้ก็ต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงออกและต่อรองกันอย่างเสมอหน้า ไม่ใช่โดยการปกปิดหรือบิดเบือนผ่านการหว่านล้อมกล่อมเกลา หรือโดยการใช้กำลังเข้ากดปราบหากไม่สยบยอม ดังที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้เห็นต่างตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2550 เป็นต้นมา
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) พร้อมกับนักวิชาการรวมถึงประชาชนที่มีรายชื่อแนบท้ายจำนวน 1,118 รายชื่อ จึงขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลดังนี้
1. ขอประณามการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของนักเรียนนิสิตนักศึกษาและประชาชนบริเวณแยกปทุมวันคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เพราะเป็นการจัดการกับการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามหลักการและขั้นตอนที่เป็นสากล และเป็นการใช้กำลังที่ไม่ได้สัดส่วนหรือเกินกว่าเหตุ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีอาวุธ ไม่ได้มีพฤติการณ์รุนแรง และจำนวนมากเป็นเยาวชน รัฐบาลจะต้องยุติการสลายการชุมนุมและรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนี้
2. รัฐบาลต้องยุติการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการขจัดผู้เห็นต่าง ต้องยกเลิกการตั้งข้อหาและต้องปล่อยตัวผู้ชุมนุมทุกคนอย่างไม่เงื่อนไข เพราะผู้ชุมนุมได้ใช้สิทธิตามที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศที่ประเทศไทยลงสัตยาบัน ต้องยกเลิกการใช้กฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เอาผิดผู้แสดงความเห็นต่างหรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รวมถึงต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงและการบังคับใช้กฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างไม่สมควรแก่เหตุ
3. รัฐบาลต้องรับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมไปพิจารณาอย่างจริงจัง ทั้งการให้นายกรัฐมนตรีลาออก การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย โดยจัดตั้งคณะกรรมการศึกษาและให้ข้อเสนอแนะที่มาจากตัวแทนฝ่ายต่างๆ ในภาควิชาการ ประชาชน และนักเรียนนิสิตนักศึกษา เพราะปราศจากการเขียนกติกาสูงสุดที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น และปราศจากการจัดระเบียบอำนาจและประโยชน์ในสังคมที่เป็นธรรมกับทุกคน โอกาสที่ประเทศไทยจะพ้นจากวิกฤติที่ดำเนินมาอย่างยืดเยื้อยาวนานได้นั้นแทบจะไม่มี
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.)
20 ตุลาคม 2563
ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ตุลาคม 2563 เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ที่นำโดย นายอนุสรณ์ อุณโณ อดีตคณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยอาจารย์และนักศึกษาประมาณ 50 คน รวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และเดินเท้ามาถึงทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.00 น. เพื่อยื่นแถลงการณ์ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ ได้อ่านแถลงการณ์บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาลมีเนื้อหาสรุปว่า เราขอประณามการใช้กำลังสลายการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่แยกปทุมวัน ที่ไม่เป็นไปตามหลักสากล รัฐบาลต้องรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น รัฐบาลจะต้องหยุดใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือขจัดผู้เห็นต่าง อาทิ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายในพื้นที่กทม. รวมทั้งต้องยกเลิกการตั้งข้อกล่าวหาและปล่อยผู้ถูกจับกุมจากการชุมนุมทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไข
นอกจากนี้รัฐบาลต้องรับฟังข้อเสนอของผู้ชุมนุมไปพิจารณาอย่างจริงจัง เช่น นายกฯต้องลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยอันเป็นสากล โดยจัดตั้งคณะกรรมการศึกษาและให้ข้อเสนอแนะ ประกอบด้วย ภาควิชาการประชาชนและนิสิตนักศึกษา
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ในแถลงการณ์ดังกล่าวมีรายชื่ออาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆร่วมลงชื่อแนบท้าย จำนวน 1,118 คน และทราบว่ามีอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏหลายแห่งอยากร่วมลงชื่อ แต่มีการสั่งห้ามไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการอ่านแถลงการณ์ นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และ นายธีรภัทร ประยูรศรี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับแถลงการณ์ดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี