‘สาทิตย์’ชำแหละจุดล็อคตาย เวทีสภาส่อไร้ผล เหตุม็อบไร้แกนนำเป็น‘อนาธิปไตย’
20 ตุลาคม 2563 ที่จังหวัดตรัง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่า ถือเป็นวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น โดยที่ประเทศเผชิญวิกฤตใหญ่ 3 เรื่อง คือ 1.วิกฤตด้านการแพร่ระบาดของโรคโควิค-19 ซึ่งยังไม่จบเด็ดขาด ต้องมีมาตรการดูแล 2.วิกฤตด้านเศรษฐกิจโดยได้รับผลกระทบมาจากโควิค-19 มีผลระทบต่อหนี้ครัวเรือน กำลังซื้อ ตลอดจนงบประมาณของรัฐ ต้องออกพระราชกำหนดเงินกู้มาช่วยในการพัฒนาประเทศ พอ 3.วิกฤตการเมืองเข้ามาทำให้สถานการณ์ของประเทศอยู่ในประเภทที่มีความเปราะบาง เพราะฉะนั้นหน้าที่นี้ ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลแต่อย่างเดียว แต่เป็นหน้าที่ของรัฐสภาด้วย เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกส่วนที่จะช่วยกันพาประเทศให้รอดฝ่าวิกฤตไปได้ ในแง่ของโรคโควิดทุกคนช่วยกันอยู่แล้ว ในแง่เศรษฐกิจตนว่าเป็นเรื่องของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีบทบาทหลัก
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า แต่วิกฤตการเมืองทุกคนช่วยได้ในขณะนี้ ปัญหาวิกฤตการเมืองในขณะนี้ คือ การลุกขึ้นชุมนุมของกลุ่มนิสิต นักศึกษา ซึ่งขณะนี้ไม่ใช่มีเพียงกลุ่มนิสิต นักศึกษา เท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2563 ชี้ให้เห็นชัดว่ากลุ่มการเมืองทั้งหลาย ซึ่งไม่พอใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คสช. หรือพรรคพลังประชารัฐ มาตั้งแต่ต้น เข้ามาผสมโรงด้วย การชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2563 ไม่ใช่มีเพียงจุดอโศก อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเท่านั้น แต่มีปริมณฑลรอบๆ เช่น สำโรง ซึ่งเป็นถิ่นของ นปช. สมุทรสาคร สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี และอีกหลายจังหวัด
“การแก้ไขวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ฝ่ายของรัฐสภาได้มีการเสนอตัวพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งให้เป็นเวทีที่จะมีการพูดคุยเพื่อหาทางออก ซึ่ง ครม.จะมีการหารือในเรื่องนี้ และเป็นเจ้าภาพเพื่อขอให้เปิดรัฐสภา พูดคุยหาทางออกแก้ปัญหาวิกฤตทางการเมือง แต่ประเด็นของผมในขณะนี้มองว่าที่หลายฝ่ายเรียกร้องรัฐสภา ฝ่ายรัฐสภา รัฐบาลพร้อม แต่ฝ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่เคยพูดเรื่องนี้ ผมไม่รู้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคิดอย่างไร” นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ ระบุว่า เนื่องจากปัญหาของกลุ่มผู้ชุมนุมขณะนี้ไม่มีแกนนำ ทุกคนสามารถเป็นแกนนำได้ ซึ่งคำว่าทุกคนสามารถเป็นแกนนำได้ฟังดูสวยหรูดูดี แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วคือมันจะกลายไปเป็นลักษณะของอนาธิปไตย หมายถึงใครคิดจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งในระบอบประชาธิปไตยในเวลาที่มีระบบ ระบอบการที่จะตัดสินใจเรื่องราวต่างๆจะใช้แนวคิดอนาธิปไตยไม่ได้ เพราะฉะนั้นข้อเรียกร้องต่างๆของกลุ่มผู้ชุมนุมในขณะนี้ดูเหมือนว่าจะชัด แต่ไม่มีใครรับรองได้ว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ชัดเจน
“ผมจึงกังวลว่าการเปิดประชุมรัฐสภามีข้อดีแน่นอนที่จะได้พูดคุยกัน ซึ่งรัฐบาลต้องรับฟังความเห็นของ ส.ส.ด้วย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีท่าทีในการสนองตอบหรือไม่อย่างไร หรือรัฐสภาประชุมไปข้างนอกก็ชุมนุมกันไป ถ้าเป็นแบบนี้ แนวคิดแนวทางแก้ปัญหาของรัฐสภาจะบรรลุผลสำเร็จได้อย่างไร หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้ความร่วมมือ” นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าปัญหาของกลุ่มผู้ชุมนุมการไม่มีแกนนำ รวมถึงการเชื่อมต่อของการใช้โซเชียลมีเดียทุกคนก็รูว่าโซเชียลมีเดียมีลักษณะโน้มเอียงไปในทางที่ใครชอบอะไรก็ไปทางนั้น เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะรับฟังรอบด้านในโซเชียลมีเดียไม่มีเลย ในเมื่อไม่มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาผ่านรัฐสภาจะผ่านไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมได้อย่างไรซึ่งเป็นปัญหา ดังนั้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุมจะต้องไปพูดคุยกัน จะใช้วิธีแบบนี้ทุกวันจนกว่าจะบรรลุผลที่ต้องการจะเกิดความเสียหายขึ้นอีกมากมายแน่นอน ข้อเสนอของตนจึงอยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมควรจะมีการพูดคุยกันให้ชัดในเรื่องของข้อเสนอ ส่วนข้อเสนอเรื่องสถาบันเป็นข้อเสนอที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเป็นข้อเสนอที่คนส่วนใหญ่ในประเทศรับไม่ได้
“สำหรับข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น ผมเข้าใจว่าบางทีเรียกร้องไปแล้วไม่ได้ดูว่ามันย้อนแย้งกับสิทธิที่เรียกร้องก่อนหน้านี้หรือไม่ การเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญซึ่งการแก้ต้องอาศัยรัฐสภา นายกฯลาออกจะทำอย่างไร จะต้องเลือกตั้งกันใหม่ ขั้วการเมืองเกิดการตกลงกันไม่ได้ หรือมีปัญหาในที่สุดจะนำไปสู่การยุบสภาหรือไม่ หากยุบสภา แก้รัฐธรรมนูญก็เดินไม่ได้ ผมจึงคิดว่าข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกเป็นข้อเรียกร้องหนึ่งที่สะท้อนความต้องการของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ปัญหาต้องดูว่าต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ตัดอำนาจ ส.ว.นำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้หรือไม่ ถ้าใช่ก็ควรมีระยะเวลา ซึ่งขณะนี้กลุ่มชุมนุมมีหลายกลุ่มไม่รู้ว่าใครเป็นใคร การไม่มีแกนนำ ปัญหาจะเกิดขึ้นอย่างที่บางนา และไม่มีใครรับรองได้ว่าความรุนแรงแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นในที่อื่นอีกหรือไม่ อีกทั้งการใช้วาจาถ้อยคำก้าวร้าวและรุนแรง” นายสาทิตย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี