‘อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี’
‘บิ๊กตู่’ปลุกคนไทย
ร่วมแก้วิกฤติประเทศ
ม็อบดาวกระจายซ้ำ
หลายจุดทั่วกรุงเทพฯ
ขู่จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์
นายกฯปลุกคนไทย “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี” ย้ำเป็นหน้าที่ทุกคน ต้องร่วมกำจัดผู้มีเจตนาร้ายต่อประเทศ ไฟเขียวเชือด “สื่อบิดเบือนข่าวยุยง ปลุกปั่น กระทบความมั่นคงบ้านเมือง
ด้านกอร.ฉ.รอประเมินเซอร์ไพรส์ม็อบ ตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ใช้กำลัง1.8พันนาย รักษาความสงบเรียบร้อย ขณะที่ม็อบคณะราษฎรดาวกระจายรายวันทั่วกรุง ขู่ ถ้ารัฐบาลไม่ทำตามข้อเรียกร้อง จะมีบิ๊กเซอร์ไพร์ส ในขณะที่ศาลมีคำสั่งปิด ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์‘วอยซ์ทีวี’ฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินแล้ว
เมื่อเวลา 11.30น.วันที่ 20ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) โดยพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. และนายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือดีอีเอส ร่วมกันแถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์การชุมนุมและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
โดย พล.ต.ต.ปิยะ ได้สรุปการชุมนุมขอกลุ่มคณะราษฎร63 เมื่อเย็นวันที่ 19 ตุลาคม 6 จุดคือ คือ 1.แยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(บางเขน) 2.หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 3.มหาวิทยาลัยศิลปากร(วังท่าพระ) 4.บริเวณถนนตัดใหม่สาธุประดิษฐ์ 5.หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 2 6. สภ.เมืองนนทบุรี เลิกชุมนุมเวลา 22.00 น.ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนการดำเนินคดีได้จับกุม 1.นายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงก์ ถูกเจ้าหน้าที่สภ. เมืองขอนแก่น จับกุมได้ที่บ้านพักในอ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามหมายจับศาลอาญาที่ ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563 ในความผิดตามมาตรา 116 2.จับกุมนายขวัญ จีนา ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ลงวันที่ 19 ตุลาคม 25863 ซึ่งกระทำผิดทุบทำลายป้อมกดสัญญาณไฟจราจรแยกบางนา ดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคแรก รายที่ 3 จับกุมนายประวิทย์ สมรัตน์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏตามสื่อโซเชียลต่างๆ ว่าเป็นตำรวจปลอมตัวเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม ขอเรียนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พิสูจน์ทราบแล้วว่าไม่ใช่ตำรวจ จึงได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เสียทรัพย์ และชุมนุมเกิน 10 คนขึ้นไป
สำหรับการจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมช่วงที่ผ่านมา จำนวน 76 คน แบ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา 21 คน ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 54 คน และ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน 1 คน
จัด12กองร้อย/หน่วยเครื่องที่เร็ว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ขณะนี้างกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) เตรียมกำลังไว้ 12 กองร้อย จำนวน 1,860 นาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ภายใต้การบังคับบัญชา พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย รอง ผบช.น. โดยเน้นการปฏิบัติเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วในการเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณที่มีการชุมนุมและป้องกันมือที่สามก่อความไม่สงบเรียบร้อย
เมื่อถามว่าผู้ชุมนุมขีดเส้นตายให้ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ภายในเวลา 18.00 น. ทางศูนย์ กอร.ฉ. จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ต. ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมั่นใจว่าชุดเคลื่อนที่เร็วจะสามารถเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยในทุกสถานที่ชุมนุม
ศาลสั่งปิด”วอยซ์ทีวี”
ด้าน นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส แถลงข่าวร่วมกับ กอร.ฉ.เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มีคำสั่งตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ดีอีเอส ดำเนินการตรวจสอบและระงับการเผยแพร่ของสื่อที่เข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น
ทั้งนี้ ดีอีเอสได้ตรวจสอบประมวลโดยฝ่ายกฎหมาย เสนอศาลปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทางของสื่อ 4 องค์กรคือ วอยซ์ทีวี ประชาไท The Reporters และ The Standard ล่าสุด มีคำสั่งจากศาลสั่งปิดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของวอยซ์ทีวีแล้ว ส่วนอีก 3 สื่อยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา
รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยถึงกรณีของวอยซ์ทีวีนั้น เนื่องจากเข้าข่ายหลายองค์ประกอบความผิด ทั้งขัดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในที่นีรวมถึงพ.ร.บ.คอมฯด้วย
“วอยซ์ทีวี’ยืนยันทำถูกต้องแล้ว
ด้าน นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวอยซ์ ทีวี จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ว่า เรียนผู้ชม และเพื่อนสื่อมวลชน ตามกระแสข่าวที่รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ระบุว่า วันนี้ศาลมีคำสั่งให้ปิดทุกแพลตฟอร์มในสื่อออนไลน์ของสำนักข่าว Voice TV นั้น ขณะนี้บริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด ยังไม่ได้รับเอกสารคำสั่งศาลแต่อย่างใด
วอยซ์ทีวีขอยืนยันว่าสิ่งที่เรายึดถือปฏิบัติ เป็นการทำหน้าที่ตามวิชาชีพสื่อ ไม่มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือทำลายความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ตลอดเวลา 11 ปีที่ผ่านมา วอยซ์ทีวีเป็นสื่อที่ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย ให้พื้นที่ทางความคิดของประชาชนอย่างเปิดเผย โปร่งใส และรับผิดชอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายเสมอมา ขอยืนยันว่าได้นำเสนอข้อมูลที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อสังคม และขอเรียกร้องต่อผู้เกี่ยวข้อง ให้มีการใช้อำนาจและรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเที่ยงธรรม
เพนกวิน-รุ้ง ถูกคุมตัวต่อ
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจหลายท้องที่ได้ทำหนังสือขออายัดตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แล้ว หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้ประกันตัวเมื่อวานนี้ ทั้งนี้ สน.ชนะสงคราม ได้ทำหนังสืออายัดตัว นายพริษฐ์ และ น.ส.ปนัสยา ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1585-1586/2563 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563 และ สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้ทำหนังสืออายัดตัวนายพริษฐ์และน.ส.ปนัสยา ตามหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 271, 273/2563 ลงวันที่ 15 ตุลาคม2563 อีกเช่นกัน
พท.เปิดช่องทางช่วยปชช.
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการพรรค น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค และฝ่ายกฎหมายพรรค ติดตามพร้อมให้ความช่วยเหลือ ที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ที่พรรคพท. โดยรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม และช่วยเหลือในทางคดีกับผู้ถูกจับกุม ทั้งนี้ สำหรับช่องทางติดต่อ โทร : 02-653-4050 ถึง 52 อีเมล์ : help@ptp.or.th , FB msg box : พรรคพท. และ Twitter DM : @PheuThaiParty
นพ.ชลน่าน ศรีเเก้ว ส.ส.น่านพรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 4 คน พร้อมด้วยนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความฯได้ยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครฯ ศาลได้นัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 22 ตุลาคม
เช่นเดียวกับนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่นต่อศาลแพ่งฟ้อง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 1และที่2 ตามลำดับ ฐานละเมิดและขอให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ กทม. ลงวันที่ 15 ต.ค.63 และประกาศทุกฉบับตามมาตรา 5 ของพรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548
อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
เวลา 13.40น.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงนายกฯได้ให้เจ้าหน้าที่สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลน.)ที่ทำหน้าที่ควบคุมการถ่ายทอดและเครื่องเสียง ทำการเปิดเพลง”อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี”เพียงสั้นๆในช่วงที่นายกฯเดินมายังโพเดียมแถลงข่าว โดยนายกฯกล่าวว่า ฟังเพลงแล้วรู้สึกอะไรขึ้นมาบ้างไหม เราลูกหลานไทย คนไทย อยู่กันอย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน หน้าที่ของรัฐบาล แต่ตนก็ไปบังคับใครไม่ได้ ขึ้นอยู่กับจิตใจของพวกเราทุกคน นายกฯกล่าวว่า สวัสดีสื่อมวลชนทุกท่าน ตนมีประเด็นสำคัญที่ต้องการพูดกับสื่อมวลชนทุกท่านทุกคน พูดผ่านสื่อมวลชนที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาลวันนี้ และส่งผ่านไปยังสื่อออนไลน์ต่างๆ สื่อทุกประเภท เรื่องสำคัญเรื่องที่มีเอกสารคำสั่งจาก ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เรื่องการตรวจสอบและระงับการออกอากาศรายการของสื่อ รวมถึงสื่อออนไลน์ที่มีเนื้อหาสาระกระทบต่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของประเทศเมื่อวันก่อน
ไฟเขียวจัดการสื่อบิดเบือน
“ผมขอพูดอีกครั้งว่าสื่อมวลชนนั้น เป็นภาคส่วนสำคัญของสังคมไทย สื่อคือพลังที่จะสร้างความชอบธรรม สร้างสรรค์ สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับประเทศได้ บทบาทของสื่อต้องทำหน้าที่อย่างมีสิทธิเสรีภาพ และมีความเป็นกลาง สร้างคุณประโยชน์กับประเทศของเรามากมายมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ด้วยการเฝ้าระวังตรวจสอบส่ิงต่างๆในสังคม การตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ วันนี้ผมได้สั่งการมอบแนวทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจออกคำสั่งเพื่อดำเนินการดังกล่าว โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทบทวนคำสั่งระงับการออกอากาศต่างๆ โดยคำนึงสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนเป็นสำคัญ ยกเว้นบางกรณีที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จบิดเบือน ยุยงปลุกปั่น ล้ำเส้น ก้าวล่วง ละเมิดสิทธิ ของผู้อื่นตามกฎหมายมาตลอด ที่มีความชัดเจน ซึ่งวันนี้จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย และดำเนินการเฉพาะเป็นเรื่องๆไป โดยขอให้ครั้งนี้เป็นการทำความเข้าใจ ส่วนบางอันที่จำเป็นต้องปิดตามคำสั่งก็ต้องปิด และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ผมไม่ได้ไปละเมิดใครทั้งสิ้น”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯกล่าวต่อว่า หน้าที่ของตนและพวกเราทุกคนต้องช่วยกันป้องกัน กำจัดการกระทำที่มีเจตนาร้าย ความพยายามยุยงปลุกปั่นสร้างความวุ่นวาย ความแตกแยก สับสนอลหม่านภายในประเทศ นั้นคือส่ิงที่เราต้องยอมรับไม่ให้เกิดขึ้น ต้องขอความร่วมมือจากพวกเราทุกคน จากประชาชนด้วย ตนไม่ต้องการละเมิดสิทธิของใคร แต่ท่านจะต้องระมัดระวังการละเมิดสิทธิผู้อื่นด้วย
นัดชุมนุมทุกสถานี
เย็นวันเดียวกัน) เพจเฟซบุ๊ก “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration” ได้แจ้งนัดการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร โดยระบุข้อความว่า CIA พร้อมรึยัง?นาตาชาพร้อมมั้ย?! 17:50 ที่สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี หากรัฐบาลไม่รับข้อเรียกร้อง ยังไม่ปล่อยเพื่อนเราทั้งหมดและยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน เตรียมพร้อมรับ BIG SURPRISE! นอกจากนี้ ยังมีการให้ข่าวจะมีการชุมนุมที่บริเวณ5แยกปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทางโรงเรียนชลประทานวิทยา อ.ปากเกร็ด ได้สั่งเลิกเรียนทันที เพราะจุดชุมนุมอยู่ใกล้กับที่ตั้งของโรงเรียน และอาจเกิดความไม่ปลอดภัยต่อนักเรียนได้
ม็อบขู่เจอบิ๊กเซอร์ไพรซ์
ต่อมาที่ทวิตเตอร์ @ธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ประกาศข้อมูลระบุว่า “CIA พร้อมรึยัง นาตาชาพร้อมมั้ย?17:50 ที่สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี หากรัฐบาลไม่รับข้อเรียกร้อง ยังไม่ปล่อยเพื่อนเราทั้งหมดและยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน เตรียมพร้อมรับBIG SURPRISE!”นอกจากนี้ ในโลกออนไลน์ยังนัดชุมนุมเพิ่มเติม อาทิ เดอะมอลล์บางแค ม.รามคำแหง หัวหมาก หน้าเดอะมอลล์บางกะปิและที่หน้าเนชั่น บางนา อีกด้วย
บางละมุงสวมเสื้อสีเหลือง
เช้าวันเดียวกัน ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอบางละมุงและประชาชนชาวเมืองพัทยา ประกอบด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมแสดงพลังรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยมีนายอำนาจ เจริญศรี นายอำเภอบางละมุง คอยดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ทั้งหมดได้มีการรวมกลุ่มกันกล่าวปฏิญาณตนแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของประเทศและร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพลงสรรเสริญพระบารมี แสดงเจตนารมณ์ในการช่วยกันปกป้องสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนคนไทยทั้งชาติ แม้สังคมไทยจะคิดต่างได้แต่ต้องไม่ก้าวล่วงสถาบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี