‘โฆษกปชป.’ย้ำหลักแก้ รธน. ประชามติครั้งเดียว กมธ.ไม่ควรขยายเวลา
21 ตุลาคม 2563 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการพิจารณาของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช.... ก่อนรับหลักการ ว่า หลักการที่สำคัญ คือ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ประกาศไว้เป็นพรรคการเมืองแรกในการขับเคลื่อนเพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น จนนำไปสู่การกำหนดไว้เป็นนโยบายของรัฐบาลอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นผลสำเร็จ มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นก็จะเป็นสาระสำคัญอย่างยิ่งยวดในการแก้ปัญหาของประเทศ พรรคประชาธิปัตย์จึงได้ร่วมยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมรัฐบาล และได้ยื่นร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1) ต่อรัฐสภา และยืนยันว่าร่างดังกล่าวเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทุกประการ
“สาระสำคัญที่แก้ไข คือ ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญง่ายขึ้น และให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อทำการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ โดยไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมในหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 แต่อย่างใด จุดยืนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์จึงมีความชัดเจนที่จะสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว” นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีข่าวว่ากรรมาธิการบางส่วนมีความเห็นว่าต้องมีการทำประชามติก่อนรับหลักการ และเมื่อพิจารณาเสร็จแล้วสามวาระก็ให้ทำประชามติอีกครั้ง สรุปคือให้มีการทำประชามติ 2 ครั้ง ต้องบอกว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ระบุไว้ชัดว่าให้มีการทำประชามติครั้งเดียว คือหลังจากพิจารณาครบสามวาระแล้วให้ไปทำประชามติก่อน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256(8)มีบทบัญญัติเป็นกรณีเฉพาะที่ไม่ปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับใดที่ได้บัญญัติไว้ว่า หากมีการแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด 15 อันว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่เสนอได้ คือ การจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ความหมายคือต้องถามประชาชนก่อนอยู่แล้วว่าต้องการให้มี สสร หรือไม่
“ถ้าให้มีการทำประชามติก่อนรับหลักการ แน่นอนว่าจะถูกตั้งคำถามว่าเป็นการยื้อระยะเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศกับในสถานการณ์ปัจจุบัน และกรอบระยะเวลาการพิจารณาของ กมธ. ก่อนรับหลักการที่กำหนดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เห็นว่า กำหนดกรอบระยะเวลาได้มีความเหมาะสมและได้มีการพิจารณาอย่างรอบด้านพอสมควรแล้ว จึงไม่ควรขอขยายระยะเวลาพิจารณาของคณะกรรมาธิการชุดนี้ออกไปอีก ให้การแก้ไขเพิ่มเติม รธน.ได้เข้าสู่วาระรับหลักการ และดำเนินการตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมรัฐสภากำหนดไว้โดยเร็วที่สุดต่อไป ซึ่งดูจากข้อเท็จจริงแล้ว สามารถนำเข้าตอนประชุมสภาสมัยวิสามัญได้เลย” นายราเมศ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี