"สุทิน"ดักคออย่ามั่วต่างชาติอยู่เบื้องหลังม็อบ จี้"นายกฯ"ลาออก-แก้รัฐธรรมนูญ แล้วค่อยแก้เรื่องสถาบัน อย่าถวายเผือกร้อน
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านและ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การจาบจ้วงสถาบันไม่เคยเกิดมาในยุคอื่น แต่เกิดขึ้นมาในยุคนี้ ต้องถามกลับว่าตัวท่านเองทำตัวเป็นแนวร่วมเอาความจงรักภักดีไปชี้หน้าเขาหรือเปล่า เอาสถาบันมาเป็นต้นทุนตัวเองหรือเปล่า การชุมนุมยกระดับขึ้นอีกเพราะว่าเลยกำหนดเวลาที่ม็อบกำหนดเงื่อนไขให้นายกรัฐมนตรี เพราะเลยป้าย วันนี้เราต้องใช้สติปัญญาอย่างประณีต ไม่ใช้อารมณ์ สิ่งที่ต้องปรับคือ คำว่าม็อบเด็ก พอใช้คำว่าเด็กก็คิดว่าไร้สาระ ถูกจูงจมูก เราต้องอย่าไปคิดว่าเป็นเด็ก เพราะอายุแกนนำก็เท่ากับเหตุการณ์ 14 ตุลา หรือ 6 ตุลา วันนี้ม็อบไม่ใช่แค่เด็ก แต่มีนักวิชาการ ทนายความ และอื่นๆ มาร่วมด้วย ต่อมาคือ ความคิดว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง เพราะถ้าเชื่อว่ามีคนหนุนหลังก็จะคิดอีกแบบ อย่าไปเชื่อว่ามีต่างประเทศหนุนหลัง หลักฐานไม่มีอย่าไปกล่าวหา กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อย่าไปพูดมั่วซั่วเขาเล่นงานเราตาย ส่วน 8 ทางออกที่มีคนเสนอกันมา ถ้านายกรัฐมนตรีรับปากจะแก้รัฐธรรมนูญก็ยังพอได้บ้าง แต่ยังไม่พอ ต้องบอกว่าแก้อะไรบ้าง ต้องพูดให้ชัด ส่วนการตั้งกรรมการคนจะคิดว่าจะยื้อเวลาหรือไม่ แนวทางต่อมาคือการลาออก บางคนบอกว่าจะทำลายหลักประชาธิปไตย หรือลาออกแล้วจะหาคนเป็นนายกฯ ไม่ได้ แก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ แต่ตนคิดว่าลาออกสง่างามมาก ถ้าผิดพลาดก็ต้องลาออกแบบประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ยากที่จะเกิดในประเทศด้อยพัฒนา ทั้งที่การแต่งตั้งและถอดถอนเป็นสิทธิคู่กับของพลเมือง แล้วจะลาออกข้อหาอะไร
นายสุทิน กล่าวว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีสัญญาจ้างเหมือนบริษัท ถ้าวันไหนที่ประชาชนคิดว่าไม่ดีก็ไล่ออกได้ หรือสภาก็อภิปรายไม่ไว้วางใจได้ เกิดจากความไว้วางใจกับความเชื่อมั่น ตอนนี้ประชาชนเห็นว่าบริหารมา 6 ปี เศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีความไว้วางใจ และไม่เชื่อมั่นว่าจบมาอนาคตจะมีอะไร มีแต่หนี้เหลือไว้ให้เขา แค่นี้ประชาชนก็ชอบธรรมที่จะไล่ออก ดังนั้น ถ้าถามว่านายกฯ ผิดอะไรก็ผิดสองตัวนี้ ส่วนจะออกหรือไม่ยังเป็นสิทธิ์ของท่านอีกครึ่งหนึ่ง แล้วที่บอกว่าเป็นศูนย์รวมของปัญหาก็เพราะนายกฯ เป็นศูนย์รวมของทุกอย่าง ขึ้นอยู่ว่าจะแก้ปัญหาอะไร จะลาออกหรือไล่ออก ถ้าไม่ลาออกเขาก็ไล่ออก หรือจอมพลถนอม หรือพล.อ.สุจินดา ก็เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา และพฤษภาทมิฬ ขณะที่ พล.อ.ชลวิต ยอมลาออกก็มีคนรับไม้ต่อ แต่ทั้งหมดเบื้องบนปลอดภัย ไม่มีอะไรด่างพร้อย แต่วันนี้เหตุการณ์นั้นยังไม่เกิด วันนี้ข้างบนเกิดแล้ว ถ้านายกฯ ลาออกก็ยังไม่จบเพราะจะเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันต่อ แต่อย่างน้อย 2 ข้อแรกก็ทำไปแล้ว เหลือแค่ข้อเดียว การแก้ปัญหาทีละเปราะ เอาปัญหาของท่านออกจากเบื้องบนก่อน แล้วค่อยมาแก้ปัญหาเบื้องบนมันจะง่าย ไม่ใช่ถวายเผือกร้อน
"นายกฯ จะออกหรือไม่ออก ขึ้นอยู่กับว่าจะนำประเทศจบอย่างไร เมื่อวานนี้เขาบอกชัดว่าถ้าสามวันไม่ออกจะยกระดับ ไม่ได้กลัว แต่ต้องใช้สติปัญญาอย่างประณีต พวกตนไม่มีทางจะทำอะไรนอกจากเดือนหน้าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจอีก แต่ขึ้นอยู่ว่าท่านจะทำยังไง จะแก้รัฐธรรมนูญยังไง จะนองเลือดหรือไม่นองเลือด แต่จะเกิดอะไรขึ้นท่านและคนที่บอกไม่ให้ออกต้องรับผิดชอบ ตนขอภาวนาให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น วันนี้นายกฯ ควรเลือกเถอะ ท่านคิดว่าท่านเสียสละ ปี 2557 บอกว่าประชาชนเป็นสองฝ่ายต้องยึดอำนาจ ตอนนี้วนกลับมาอีกแล้ว ถ้าท่านคิดจะจัดการแบบเดิมบทเรียนวันนี้สำคัญที่สุด วันนั้นเผด็จการสภาที่สร้างขึ้น จำได้เพราะคนเลือกมาเยอะ แต่วันนี้เผด็จการสภาหรือไม่ แต่ประชาชนไม่ได้เลือก ส.ว.250 คน ทำแบบวันนั้นก็เลยเหมือนวิกฤติแบบวันนั้น วันนี้ท่านเลือกมา ไม่ใช่ประชาชนเลือกมาเหมือนวันนั้น ถ้ามันมาถึงแล้วเลือกใช้วิธีแก้ปัญหาคนละแบบก็จบ เวลาพระเจ้าให้มา 24 ชั่วโมงเหมือนกัน แต่อยู่ที่ว่าใครใช้เป็นไม่เป็น เวลาจะไล่ล่าท่านเอง" นายสุทิน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี