‘อดีตบิ๊กศรภ.’ฉายชัดๆ 4 เรื่องที่‘คนไทยต้องรู้’ สวนคณะราษฎร63 ร้องปฏิรูปสถาบัน
30 ตุลาคม 2563 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา มีเนื้อหาดังนี้...
เรื่องที่คนไทยต้องรู้ไว้
วันนี้ผมฟังคุณสันติสุข พูดถึงกรณีคณะราษฎร 2563 ยื่นเรื่องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ 10 ข้อแล้ว ดีใจที่สื่อไทยยังมีคนรักชาติ เห็นว่าอะไรคือภัยของชาติ ผมจึงขอเพิ่มเติมในส่วนที่คุณสันติสุขไม่มีเวลาพูด ดังต่อไปนี้ (มี 10 ข้อ ผมขอพูดถึง 4 ข้อก่อน เดี๋ยวยาวมากไปครับ)
1.ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องพระมหากษัตริย์มิได้ แล้วเพิ่มบทบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาความผิดของพระมหากษัตริย์ได้ เช่นเดียวกับที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับคณะราษฎร
เรื่องนี้พูดไม่จบครับ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในหลวง ร.7 ได้เขียนไว้ว่าเป็นฉบับชั่วคราว หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนต่อมา ก็มีการร่าง “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ห้ามฟ้องร้องต่อองค์พระมหากษัตริย์ เหมือนกับรัฐธรรมนูญของประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ 27 ประเทศ และประเทศในเครือจักรภพอังกฤษอีก 43 ประเทศ รวมเป็น 70 ประเทศ โดยที่คณะราษฎรสนับสนุนเองด้วย แล้วพวก(มึ..) จะให้ประเทศไทยแก้ประเทศเดียวหรือไง
2.ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
กรณีนี้ต้องเข้าใจว่า ในหลวงเป็นประมุขของประเทศ ทุกประเทศต้องมีกฎหมายคุ้มครองประมุขอยู่แล้ว ไม่ว่าเป็นระบบพระมหากษัตริย์ หรือระบบประธานาธิบดี บางประเทศใช้กฎหมายความมั่นคงแทน เช่น มาเลเซีย สหรัฐฯ และประเทศที่เป็นมุสลิมทุกประเทศ ฯลฯ (ดังนั้นลองไปด่าพระมหากษัตริย์ หรือประมุข รอบประเทศไทยดูบ้างซิ รับรองจบแน่ๆ ไม่นับที่ทะลึ่งมาหาว่าคนไทยไปอุ้มฆ่าถึงนอกประเทศอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะไปทำเรื่องแบบนี้ในประเทศที่รู้จักพระมหากษัตริย์ดีก็ได้) )
นอกจากนี้ ทูตต่างประเทศที่เข้ามาประจำอยู่ในไทย ก็ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในแบบ มาตรานี้เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นตัวแทนประมุขของแต่ละประเทศ
บ้ากันหรือเปล่า ที่ยื่นข้อเรียกร้องนี้ออกมาโดยไม่ได้อ่าน ไม่ได้คิดอะไรให้ดีเสียก่อน
3.ยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561 และให้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลัง และทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่เป็นของส่วนพระองค์พระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน
เงินของสำนักงานทรัพย์สินฯนั้น มีคณะกรรมการที่มี รมว.คลัง ร่วมอยู่ด้วย และเงินที่ได้จากการลงทุนในภาคเอกชน ก็เสียภาษีทุกแห่ง กำไรที่ได้ ก็ใช้ประโยชน์ในการทำนุบำรุงวัดวาอาราม สถานที่สำคัญ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่สร้างรายได้หลักของประเทศ อีกส่วนใช้เป็นทุนในการสร้างโรงพยาบาล โรงเรียนนับพันแห่งทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
สาเหตุที่ไม่ให้เอกชนดำเนินงานแทน เพราะในสมัยคณะราษฎร(2475) มีการโกงเอาที่ดินส่วนพระมหากษัตริย์ที่คณะราษฎรยึดมาแบ่งกันไว้ แล้วเอาไปซื้อขายกันเองในราคาต่ำมาก ไม่นับที่โกงกินกันเอง ฯลฯ จนมีการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลพระยาพหลฯต้องลาออก และคืนที่ดินที่ซื้อขายมา ฯลฯ มีบันทึกไว้ชัดเจนในประวัติศาสตร์
4.ตัดลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้กับสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
ปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว แม้จะดูมากแต่จริงๆแล้ว เงินเหล่านั้นล้วนแต่สนับสนุนโครงการต่างๆที่ช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเทียบกับงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องจ่ายเงินใช้หนี้ เงินที่ถูกโกงกินจากโครงการจำนำข้าว โครงการรถคันแรก รวมทั้งเงินที่รัฐบาลขณะนั้นไม่ได้นำมาจ่ายให้กับกองทุนประกันสังคม ฯลฯ แล้ว เงินที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต้องจ่ายทั้งดอกเบี้ยและเงินกู้ แทนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นจำนวนนับหมื่น นับแสนล้าน โดยไม่ได้ก่อประโยชน์อะไรขึ้นมาแก่ประเทศชาติ และประชาชนเลย อะไรจะมากกว่ากัน
วันนี้ขอเพิ่มเติมคุณสันติสุขแค่4 เรื่องก่อน วันพรุ่งนี้จะต่อ ให้ครบ 10 เรื่องเลยครับ พลโท นันทเดช / 29 ตุลาคม 63
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี