ไทยพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 และสนับสนุนตามที่เมียนมาต้องการ
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ณ ห้องโดมทอง ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้หารือทางโทรศัพท์กับ นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นโอกาสในการสานต่อ และกระชับความสัมพันธ์ระดับผู้นำไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
โดยนายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้หารือกันผ่านทางโทรศัพท์ในวันนี้ ซึ่งเป็นการยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่แม้จะไม่ได้พบกันแต่ก็สามารถติดต่อกันผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ทั้งแบบทวิภาคีในทุกระดับ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยังคงพลวัตการติดต่อกัน และประชุมหารือแบบพหุภาคี ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อส่งเสริมต่อยอดผลประโยชน์ร่วมกัน
นายกรัฐมนตรีชื่นชมพัฒนาการด้านประชาธิปไตยของเมียนมา ชาวเมียนมาในไทยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่เมียนมาในประเทศไทยจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเมียนมาจะสามารถจัดการการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 พ.ย.63 นี้ได้อย่างสันติ ราบรื่น และไทยยืนยันความพร้อมที่จะสานต่อความริเริ่ม ร่วมมือในทุกมิติกับเมียนมาต่อไป
นายอนุชา กล่าวว่า ทางด้านนางอองซาน ซูจี ได้ขอบคุณสำหรับคำอวยพร และขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่จัดการหารือผ่านโทรศัพท์ครั้งนี้ ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีมาอย่างยาวนานและราบรื่น ไทยและเมียนมาถือเป็นประเทศที่ผูกพัน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในทุกระดับ ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความช่วยเหลือด้านการสาธารณสุขกับเมียนมาเพื่อต่อสู้กับวิกฤต COVID-19 ทั้งในรูปของเงินบริจาค ยารักษาโรค อุปกรณ์ทางการแพทย์ และของอุปโภคบริโภค พร้อมกันนี้ เมียนมาขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลแรงงานเมียนมาในไทยเป็นอย่างดี และหวังว่าจะได้พบนายกรัฐมนตรีอีกครั้งภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย
"รัฐบาลไทยติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในเมียนมา และตามแนวชายแดนด้วยความเป็นห่วง เชื่อมั่นและให้กำลังใจเมียนมาในการรับมือกับความท้าทายครั้งนี้ ทั้งนี้ ไทยพร้อมให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในส่วนที่รัฐบาลไทยมีศักยภาพตามที่เมียนมาต้องการ โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือหารือกันในรายละเอียดต่อไป และนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยจะคุ้มครองดูแลแรงงานเมียนมาในประเทศไทยเสมือนที่ดูแลแรงงานไทย"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ยังมีข้อจำกัดการเดินทางระหว่างกัน รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการผ่อนผันให้แรงงานเมียนมาที่อยู่ในไทย อยู่แล้วให้สามารถพำนักและทำงานได้ต่อเพื่ออำนวยความสะดวกให้เป็นไปตามความต้องการของแรงงานเมียนมา ผู้ประกอบการไทย และแรงงานเมียนมามีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ในส่วนของศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราวนั้น ทั้งสองฝ่ายยินดีร่วมพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
"ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย นายกรัฐมนตรีเห็นว่ายังมีโอกาสของความร่วมมือระหว่างกันอีกมากตามแนวชายแดนเพื่อพัฒนาการค้าการลงทุนระหว่างกันพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อขยายความร่วมมือ โดยที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประสงค์ให้ดำเนินความร่วมมือระหว่างกันต่อไป เศรษฐกิจจะต้องไม่หยุดชะงักแม้จะประสบกับสถานการณ์โควิด-19"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี